พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร
ภูลังกา วัดถ้ำชัยมงคล จ.บึงกาฬ
คราวหนึ่งพระอาจารย์วังสิ้นสติไปเกือบ ๒ วัน จึงฟื้น เมื่อท่านลืมตาขึ้นมา ก็บอกให้สามเณรคำพันธ์รีบหากระดาษ ดินสอ มาเร็วๆ เดี๋ยวจะลืม เมื่อสามเณรคำพันธ์(หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม) ได้กระดาษกับดินสอมาแล้ว ท่านก็สั่งให้จดตามที่ท่านบอกว่า “อุ อะ ยุ ยะ นะมะสัจเจ นะเมสัจจะ วะภะนะโม โหตุ” ภายหลังท่านได้เล่าให้สามเณรที่อยู่กับท่านฟังว่า
ตอนที่ท่านสิ้นสติไปนั้น ได้มีผู้ชาย ๒ คน มารับท่านขึ้นไปบนสวรรค์ ได้ผ่านวิมานปราสาทสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ กลิ่นธูปเทียนหอม ตลบอบอวนเต็มไปหมด ผู้ชายทั้ง ๒ คน พาท่านไปที่ปราสาทหลังหนึ่ง เมื่อไปถึงก็พาเข้าไปในห้องโถงอันโอ่อ่า ได้พบกับเทวดาองค์หนึ่ง นั่งอยู่บนแท่นสูง และเชิญให้ พระอาจารย์วังนั่งบนอาสนะที่จัดเตรียมไว้ พร้อมกับแนะนำตัวว่า
“เราคือพระศรีอาริยเมตไตรย เราให้บริวารไปรับท่านมาเพื่อจะบอกคาถาให้บทหนึ่ง หวังให้ท่านนำไปช่วยมนุษย์ เพราะในกาลข้างหน้า มนุษย์จะได้รับความเดือดร้อนจากภัยต่างๆ ท่านมีคาถาอะไรใช้บ้าง”
พระอาจารย์วังก็ได้ตอบท่านว่า
“กระผมมีคาถาแก้วสารพัดนึกอยู่บทหนึ่งคือ นะ มะ อะ ชะ อุรัง อังคุ มุนะ”
พระศรีอาริยเมตไตรยก็กล่าวกับท่านพระอาจารย์วังว่า
“คาถาเดิมของท่านมันยังไม่เต็มบท ให้เอาคาถานี้เพิ่มเข้าไป ท่านจะใช้คาถาอะไรก็ตาม อย่าลืมเอาคาถานี้ต่อท้ายทุกครั้ง”
ประวัติพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร
พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร เกิดที่บ้านหนองคู ตำบลกระจาย อำเภอลุมพุก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งบัดนี้ได้ขึ้นกับอำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธรแล้วท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๕ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด บิดาชื่อว่า นายหลวงลา มารดาชื่อว่า นางคำ นามสกุล ขันเงิน ภายหลังเพราะเหตุไรไม่อาจทราบได้เปลี่ยนนามสกุลนี้มาเป็น สลับสี ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๗ คน ดังนี้
๑. นายอาน สลับสี
๒. พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร (สลับสี)
๓. นายลี สลับสี
๔. นายสุภีย์ สลับสี
๕. นางไพ
๖. นางเงา
๗. นายส่าน ( เวียง ) สลับสี
ปฐมวัย
ท่านได้เล่าว่าเรียนจบชั้น ป.๔ ที่โรงเรียนบ้านหนองคูนั้นเอง ท่านเป็นคนสมองทึบ แม้จะเรียนจบ ป.๔ ก็เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก แต่ต่อมาเมื่อท่านบรรพชาอุปสมบทได้เล่าเรียนจากครูบาอาจารย์แล้ว ท่านอ่านออกเขียนได้ ทั้งหนังสือไทย หนังสือธรรม กลับเป็นคนละคน คือสมองท่านกลับเป็นผู้จำง่ายขึ้น คงเป็นเพราะอำนาจของสมาธิภาวนานั่นเอง อุปนิสัยของท่านชอบเป็นนายหมู่ ในหมู่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน มีเด็กเป็นฝูงห้อมล้อมท่าน บางทีก็สมมติท่านเป็นพระ แล้วหมู่เด็กทั้งหลายก็กราบท่าน อย่างนี้เป็นต้น
ออกบรรพชา
ท่านได้เล่าถึงการออกบวชของท่านเมื่ออายุ ๑๓ ปี พ.ศ. ๒๔๖๘ ว่า เป็นเหตุการณ์พิเศษกว่าการออกบวชของท่านผู้อื่น จึงขอเล่าตามที่ท่านเล่าให้ฟังดังนี้
มารดาของท่านเป็นคนใจบุญ เข้าวัดจำศีลฟังธรรมและถวายอาหารแก่พระภิกษุสามเณรที่วัดบ้านหนองคูทุกวัน วันหนึ่งพระอาจารย์ทองสา ที่อยู่ที่วัดนั้นถามถึงเด็กชายวังว่า เขาทำอะไรบอกให้เขามาบวชด้วย หลังจากมารดาของท่านบอกให้ทราบว่า ท่านอาจารย์ที่วัดถามหาขอให้ไปบวชด้วย เท่านั้นเองท่านก็บอกทันทีว่าไม่บวช แม้มารดาบิดาจะขอร้องบอกกล่าวอย่างไร ท่านก็ยืนยันคำเดียวว่าไม่บวชอยู่นั้นเอง หลายวันต่อมา ท่านได้ออกไปเลี้ยงวัวควายกับบรรดาเด็กทั้งหลายเหมือนทุกวันท่านคิดว่า ถึงอย่างไรบิดามารดาคงจะนำเราไปบวชแน่นอน ดังนั้นจะไม่กลับเข้าบ้านอีก ได้ฝากวัวควายที่ไปเลี้ยงไล่กลับบ้านกับเพื่อนฝูง ตัวท่านเองอาศัยนอนที่บนเถียงนา ซึ่งมีฟางข้าวใส่ไว้เกือบเต็ม ท่านก็นอนในระหว่างกองฟางเหล่านั้น เถียงนานี้ห่างจากบ้านประมาณ ๑ กิโลเมตรครึ่ง เมื่อเพื่อนเด็กเลี้ยงควายทั้งหลายออกไปในวันใหม่ ท่านก็ได้อาศัยกินข้าวน้ำจากเด็กเหล่านั้น ท่านอยู่ในสภาพนั้น ๔-๕ คืน
ส่วนทางวัด ท่านอาจารย์ทองสาได้ถามถึงว่า เถียงนานั้นเป็นของใคร อยู่ในที่นาใคร เมื่อท่านทราบแล้ว ภายหลังจากฉันข้าวเสร็จวันหนึ่งได้พาเณรตัวโตๆ ๓ รูปออกไปด้วย เมื่อออกไปถึงเถียงนานั้นแล้ว ท่านจึงบอกให้เณร ๓ รูปยืนเป็นแถวกั้นอยู่ทางบันได แล้วท่านเรียกออกไปว่า “ นายวัง ” ๓-๔ ครั้ง ขณะนั้นท่านนอนอยู่ในนั้น พอได้ยินเสียงเรียกก็เข้าใจทันทีว่าคราวนี้คงมาตามเราไปบวชแน่ จึงคิดจะหนีไปให้พ้น เมื่อรู้ว่ามีเณรยืนอยู่ทางบันได ท่านจึงผลักเถียงนาทางด้านหลัง แล้วกระโจนลงจากเถียงนา วิ่งหนีสุดกำลัง สามเณรทั้ง ๓ รูปจึงวิ่งตามไปจับตัวไว้ กว่าจะทันก็วิ่งผ่านไปหลายไร่นา เมื่อจับได้แล้วจึงเอาผ้าอาบน้ำมัดที่ข้อมือแล้วท่านก็ตามกลับมาโดยดี เมื่อกลับถึงวัดแล้วพระอาจารย์ก็ให้โกนผมทันที แล้วนำไปบวชกับท่านพระครูวิจิตร วิโสธนาจารย์ ที่วัดบ้านหนองคูนั้นเองหลังบวชแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาที่นั้น ๑ พรรษา
มรณภาพ
มาวันหนึ่งท่านได้อาเจียนและถ่ายเป็นเลือดออกมาไม่มาก ตั้งแต่ตอนเช้ามาจนถึงเย็นวันนั้นดูอาการของท่านอ่อนเพลียมาก อาการทางกายก็ไม่มีอะไรอีก ท่านได้พูดเบาๆแต่เสียงปกติว่า “มันจะตายก็ให้มันตายไป” แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมง ท่านก็ได้มรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ เมื่อเวลา ๒๐.๑๘ น. ของวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๖ รวมอายุได้ ๔๑ ปี
เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ก็มีการฉีดยาป้องกันการเน่า และไม่มีรถบริการเคลื่อนศพไปจากกรุงเทพฯ ได้ เพราะได้รับคำบอกว่า นอกเสียจากเรามีรถส่วนตัวจึงนำศพกลับต่างจังหวัดได้ จึงตกลงเอาศพฝากวัดดวงแข หัวลำโพง ไว้ก่อน
ในปีต่อมาพระอาจารย์โง่น โสรโย ได้นำอัฐิของพระอาจารย์วังออกจากวัดดวงแขไปจัดงานถวายเพลิงศพที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม อำเภอเมืองจังหวัดนครพนม โดยได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณ ท่านพระครูวิจิตร วินัยทร(ต่อมามีสมณศักดิ์ พระราชสุทธาจารย์) ซึ่งเป็นกรรมวาจาจารย์ ของพระอาจารย์วังนั้นเอง ได้กรุณาช่วยจัดการถวายเพลิงศพให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทุกประการ
ท่านพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ท่านมีลูกศิษย์เป็นพระภิกษุอยู่ ๓ รูป คือ
๑. ท่านเจ้าคุณพระอุดมสังวรวิสุทธิเถร(พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร
๒. ท่านพระอาจารย์โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร
๓. ท่านเจ้าคุณพระจันโทปมาจารย์(คำพันธ์ จนฺทูปโม) วัดศรีวิชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล มา ณ ที่นี้ SaRaN WiKi คาถาครูพักลักจำ dharma-gateway.co
เพื่อเผยแผ่บารมีเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์
เรียบเรียงโดย
เรียบเรียงโดย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น