05 มกราคม 2562

พิบัติภัยร้ายแรงที่สุดก็คือ ความกลัวที่ฝังรากลึกในจิตใจของตัวเราเอง?...

วันนี้ 5 ม.ค. 2562 วันนี้พ่อจะมาพูดถึงวิธีการมองแยกแยะข้อมูลให้ออกว่าข้อมูลไหนหลอกลวงเรา และ
ข้อมูลไหนที่ส่งมาจากจักรวาลมันมีอยู่มากมาย และ ภายในนั้นก็มีทั้งข้อความที่ดี และ ขัอความที่มีเจตนาร้ายแฝงอยู่ในข้อความนั้น

เหล่าผู้รับสาส์นที่เป็นชาวมนุษย์โลก บางคนอาจไม่รู้ว่าตนไปเชื่อมต่อกับข้อความของฝ่ายมืด
โดยไม่รู้ตัว และเผยแพร่ออกไปสร้างความแตกตื่นให้คนจำนวนมากตระหนกตกใจ โดยอ้างว่า
ได้รับข้อมูลมาจากเกจิฯ อาจารย์ที่มีคนนับถือและเลื่อมใสเป็นอันมาก

แต่พวกเขาหารู้ไม่การทำแบบนี้มันเป็นพฤติกรรมที่อันตรายอย่างมากเลยนะ เพราะข้อความด้าน
มืดนั้นคือข้อความที่หลอกลวง แล้วเราจะมีวิธีการแยกแยะข้อมูลนี้อย่างไร ว่าอันไหนคือข้อมูลที่
แท้จริง

วิธีการนั้นก็คือ การแลกเปลี่ยนกับความรู้สึกภายในของเรา ความรู้สึกหรือสัมผัสที่ 6 ของเรามีความสามารถที่จะจับสัญญาณที่มันไม่เข้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของเราได้ และมันไม่เคยโกหกเรามีแต่เราที่ไม่เชื่อสัมผัสนั้นของเราเอง

และจงอย่าคิด หรือเอาแต่คิด เพราะความคิดของเราโลเลเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสได้ง่าย ฉะนั้นหากเราได้รับข้อความมาลองใช้ความรู้สึกสัมผ้สที่ 6 ของเราสัมผัสมันดู หากเรารู้สึกไม่สบายใจ
กลัว ใจสั่นเต้นรัว และรู้สึกว่าต้องหนีไปตามข้อความหลอกลวงนั้นหรือเปล่า

ถ้าเรารู้สึกแบบนั้นละก็ ข้อความนั้นเป็นข้อมูลหลอกลวงแน่นอน ถึงจะเป็นข้อมูลที่ถูกอ้างว่ามาจาก
แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าข้อความนั้นมาจากจักรวาลที่แท้จริงล่ะก็ มันจะมีความรัก
ความเมตตา ความกระตือรือร้นแฝงอยู่ในนั้นเสมอ เรื่องนี้พ่อขอให้พวกเราจดจำไว้อย่าตกเป็น
เครื่องมือรองรับอารมณ์ร้ายของผู้ไม่ปรารถนาดีเหล่านั้นเลย

ส่วนใหญแล้วพวกเขาจะกล่าวอ้างกำหนด วันเวลา ของพิบัติภัยร้ายแรง เช่น วันที่ 7 - 10 จะมีดาว
เคราะห์มาชนโลก โลกจะดับเป็นเวลา 7 วัน อุกกาบาตตกใส่โลก และเสกสรรปั้นแต่งเหตุการณ์ร้ายนั้นตาม
จินตนาการของตัวเอง

โดยผู้รับข้อความเหล่านั้นไม่รู้สำเหนียก หรือ รับผิดชอบใดๆ ในการกระทำที่เลวร้ายของตนเอง
หากไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นในวันนั้นก็จะอ้างเหตุและเลื่อนมันไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด...

แสงสว่าง มองการไกล..

คำพยาการณ์เกี่ยวกับอนาคตไม่ว่าดี หรือ ร้าย จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? ก็ขึ้นอยู่ที่ทางเลือกของพวกเราเอง

สิ่งที่เราจะมาพูดกันในวันนี้เกี่ยวกับการ "กวัดแกว่ง" เมื่อจะพยากรณ์อนาคตกัน มิติที่ 3 ของพวกเรา กับมิติที่ 5
ที่สูงส่งกว่าเรามีความแตกต่างอยู่ข้อหนึ่งนั่นก็คือ การกวัดแก่วง พูดง่ายๆก็คือ โลกในมิติที่ 3 ของเรา
มีขอบเขตการกวัดแก่วงที่กว้าง

แต่โลกในมิติที่ 5 นั้นที่สูงส่งกว่าของเรา  ขอบเขตการกวัดแก่วงจะแคบกว่า ขอให้พวกเรานึกถึงลูกตุ้มขึ้นมา
เมื่อมันนิ่งอยู่กับที่ การแก่วงนั้นคือ 0 ถ้ามันอยู่ในสภาพนิ่งๆใครๆก็สามารถอธิบายมันได้ง่ายและเราจะ
พยากรณ์อนาคตได้ง่ายมากๆด้วย

แต่กลับกัน เมื่อลูกตุ้มเคลื่อนไหว การคาดคะเนหรือพยากรณ์นั้นก็ทำได้ยากขึ้น กรณีของลูกตุ้มนั้นมัน
เคลื่อนที่อย่างแน่นอน มันจึงอ่านค่าได้ง่าย แต่ในความเป็นจริงนั้น มันมีการกวัดแก่วงของเวลาเข้ามาด้วย
การทำนายอนาคตนั้นมันก็กวัดแก่วงไปนู่นไปนี่ การทำนายมันก็จะยากมากๆ

แต่การกวัดแกว่งที่กว้างมากๆนั้นมีข้อดีอย่างไรล่ะ การกวัดแก่วงมันสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ด้วยจิตของ
พวกเราในปัจจุบันขณะ เพียงเท่านั้นพวกเราอยู่ในโลกที่มีอิสระสูงมาก พวกเราสามารถเปลี่ยนอนาคตได้
อย่างอิสระด้วยจิตของตัวเองและการกระทำของตนเอง

มันเป็นประสบการณ์ที่ลําค่าและมันมีความหมายมากจริงๆ แม้เราจะแบกความไม่สะดวกสบายในกายเนื้อก็จริงอยู่ แต่มีความอิสระสูงทีเดียวในการอยู่ในโลกมิติที่ 3 เมื่อเราได้รับประสบการณ์นี้มันมีคุณค่าจริงๆ

การทำนายอนาคตอะไรนั่น มันช่างไร้คุณค่าไร้ความหมายสิ้นดี หากมนุษย์เรารู้ความจริงอันนี้ เรารู้อนาคต
มันก็แค่รู้ แล้วเราจะไปทำอะไรกับมันเล่า แต่สิ่งที่ยิ่งกว่าการทำนายอนาคตนั้นคือการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
สำคัญกว่าจงอยู่กับปัจจุบันขณะ อนาคตของมนุษย์ชาติจะยืดยาวออกไปจนอนันต์กาล

เรื่องที่เคยฮือฮาเกี่ยวกับคำพยากรณ์ของ "นอสตาดามุส" และผู้ทำนายอีกหลายๆคนไม่ว่าเป็นเจ้าแม่เจ้าพ่อ
เกจิอาจารย์องค์ใดๆหลายคนบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกไม่ว่าจะเป็นมหันตภัยล้างโลก สงครามโลก
ครั้งที่ 3 นั้นมีมูลความจริงอยู่บ้าง คนเหล่านี้ได้แหวกม่านหน้าต่างออกสู่ "อนาคต" และได้มองเห็นสภาวะ
นั้นจริงๆ

ประเด็น คือ พวกเขาไปเห็น "อนาคต" แบบไหนมา ตรงนี้ไม่ต่างจากตอนจบของเกมในแผ่น ซีดีรอม นั่นคือ
มันมีมากกว่า 1 รูปแบบ และมันมีรูปแบบมากมายเป็นอนันต์เลย

ในรูปแบบหนึ่ง โลกจะเข้าสู่ความยับเยินปั่นป่วนครั้งใหญ่ตามที่นักพยากรณ์เห็น แต่อีกหลายๆรูปแบบมันไม่
เป็นเช่นนั้น และ ความจริงคือ ทุกรูปแบบนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว และจงจำไว้ว่า เวลานั่นไม่มีอยู่จริง ทุกสิ่งที่เกิดขึ่นในอดีต ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ และทุกเรื่องที่จะเกิดในอนาคต ทั้งหมดมีอยู่ตอนนี้

เหมือนที่ทุกจังหวะเคลื่อนไหวในเกมคอมพิวเตอร์ ก็มีอยู่ตอนนี้แล้วในแผ่นดิสก์นั่น ฉะนั้น ถ้าเราอยากให้คำทำนายของ นอสตาดามุส เรื่องโลกแตกปรากฎ เป็นจริง ก็จงพุ่งจิตสำนึกมวลรวมของพวกเราและความสนใจทั้งหมดไปที่เรื่องนี้

แล้วมนุษย์เราก็จะดึงดูดหายนะภัยล้างโลกหรือโลกแตกนั้นเข้ามาสู่ชีวิตเราเอง แต่ถ้าเราอยากประสบความจริงแบบอื่นเช่นโลกในอุดมคติที่มนุษย์ใฝ่ฝันถึงก็จงกำหนดจิตไปที่ตรงนั้นแล้วมนุษย์ก็จะดึงดูดผลลัพธ์แบบนั้นเข้ามาหาตัว

เหมือนอย่างเช่นในปี 2012 มีการรวมกลุ่มของเหล่าสมาชิกชุมชนแสงสว่างที่อาสามาเกิดทั่วโลกนับหลายสิบล้านคนจนสามารถสร้างพลังจิตสำนึกมวลรวมจนโลกสามารถหลีกเลี่ยงหายนะภัยล้างโลกได้สำเร็จด้วย
การทำสมาธิรวมหมู่ตามจุด gird พลังงาน ที่สำคัญของโลกและตามวันสำคัญทางสุริยคติและจันทรคติและวันเรียง
ในปีที่สำคัญจนนำโลกสู่เส้นทางเดินใหม่ที่ไม่มีวันหวนกลับสู่เส้นทางเก่าอีกต่อไป

แสงสว่าง มองการไกล

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...