องค์การเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรปหรือเซิร์น (CERN) แถลงว่าหน่วยทดลอง ATLAS และ CMS ของเครื่องชนอนุภาคขนาดใหญ่แอลเอชซี (LHC) ได้ตรวจพบอนุภาคฮิกส์หรือฮิกส์ โบซอน (H) เป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่ประกาศยืนยันการมีอยู่ของอนุภาคดังกล่าวครั้งแรกเมื่อปี 2013 โดยปรากฏขึ้นพร้อมกับท้อปควาร์ก (t) อนุภาคพื้นฐานที่มีมวลมากที่สุด พร้อมคู่ตรงข้ามของมันคือแอนติท้อปควาร์ก (t)
ตามภาพด้านล่าง จากการชนกันของโปรตอน 2 ตัว pp นำไปสู่การปรากฏของทั้ง 3 อนุภาคคือ ttH นั่นคือท้อปควาร์และคู่ตรงข้ามพร้อมกับฮิกส์ จากนั้นก็สลายตัวไปเป็นอนุภาคมูลฐานอื่นเช่น คือท้อปควาร์ก (t) กลายเป็นบอททอมคว้าก (b) คู่กับ W- โบซอน แอนติท้อปควาร์ก (t) กลายเป็นแอนติบอททอมคว้าก (b) คู่กับ W+ โบซอน ส่วนอนุภาคพระเจ้า (H) สลายตัวเป็นอนุภาคเทา tau (τ−) และ tau (τ+) จากนั้นก็สลายตัวต่อไปอีกเป็นพวกอิเล็กตอน และนิวตริโน รวมทั้งโบซอนต่างๆ
ที่เราเรียก อนุภาคฮิกส์ ว่าเป็นอนุภาคพระเจ้า เพราะเป็นอนุภาคที่แจก “มวล” ให้แก่อนุภาคอื่นๆทั้งหมด เป็นจุดกำเนิดให้ทุกสรรพสิ่งในจักวาลตั้งแต่ยุคแรกเริ่มก่อตัวของเอกภพ โดยการแผ่สนามฮิกส์ (Higgs field) ไปยังอนุภาคที่รับมวลนั้นๆ การมีอยู่ของอนุภาคฮิกส์ เป็นผลงานการค้นคว้าของศาสตรจารย์ ปีเตอร์ ฮิกส์ นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษซึ่งได้ทำนายถึงการมีอยู่ของอนุภาคนี้มาตั้งแต่ปี 1964 และมาค้นพบจริงในปี 2013 โดยองค์การเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรปหรือเซิร์น (CERN) ที่ต้องใช้เวลานานขนาดนี้เพราะอนุภาคนี้จจะปรากฏตัวและสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว การค้นพบอนุภาคฮิกส์ พร้อมอนุภาคอื่นครั้งนี้จึงถือเป็นหมดหมายสำคัญในการก้าวต่อไปทางฟิสิกส์
ผลการค้นพบตีพิมพ์ว่ามีค่าความแน่นอนถึง 5.2 sigma นั่นคือมีโอกาสพลาดเพียง 1 ใน 3.5 ล้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น