30 มิถุนายน 2561

#ราชวงศ์สุโขทัย

เป็นราชวงศ์ที่ 3 ที่ปกครองกรุงศรีอยุธยา
สืบเชื้อสายจากกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย สถาปนาขึ้นโดย สมเด็จพระมหาธรรมราชา
(ขุนพิเรนทรเทพ) ที่สืบเชื้อสายมาจากพ่อขุน หรือกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยแต่ดั้งเดิม เป็นราชวงศ์ที่ถูกผลัดเปลี่ยนขึ้นมาแทนที่ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
ที่สูญสิ้นไปหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า โดยพระเจ้าบุเรงนอง

มีพระมหากษัตริย์ ปกครองแผ่นดิน 7 พระองค์

#สมเด็จพระมหาธรรมราชา
หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1 ทรงปรับปรุงพระนครเพื่อรับมือข้าศึก เสวยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2112 เสด็จสวรคตเมื่อ พ.ศ. 2133 ครองราชย์ทั้งสิ้น 21 ปี

#สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 2 ทรงประกาศอิสรภาพจากการเป็นประเทศราชของพม่า ทรงทำสงครามเพื่อกอบกู้เอกราช ทรงปรับปรุงการปกครองเพื่อดึงอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางมากขึ้นเพื่อความมั่นคงของราชอาณาจักร เสวยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2133 เสด็จสวรคตเมือ พ.ศ. 2148 ครองราชย์ทั้งสิ้น 15 ปี

#สมเด็จพระเอกาทศรถ
หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 3 ทรงประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีอากรรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น เสวยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2148 เสด็จสวรคตเมื่อ พ.ศ. 2153 ครองราชย์ทั้งสิ้น 5 ปี

#สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์
หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 4 เสวยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2153 เสด็จสวรคตเมื่อ พ.ศ. 2154 ครองราชย์1ปี2เดือน

#สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 1 ทรงประกาศใช้กฎหมายการศาล เสวยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2154 เสด็จสวรคตเมื่อ พ.ศ. 2171 ครองราชย์ทั้งสิ้น 17 ปี

#สมเด็จพระเชษฐาธิราช หรือ สมเด็จพระบรมราชาที่ 2 ส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2173 เสวยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2171 เสด็จสวรคตเมื่อ พ.ศ. 2172 ครองราชย์ทั้งสิ้น 1 ปี

#สมเด็จพระอาทิตยวงศ์
เสวยราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2172 เสด็จสวรคตเมื่อ พ.ศ. 2173 ครองราชย์ทั้งสิ้น 36 วัน

พระบูชาสมัยอยุธยา ทรงเครื่องน้อย
ศิลปะยุคราชวงศ์สุโขทัย ปางสมาธิ หน้าตัก 6 นิ้ว

สอบถามพูดคุยใน Inbox ครับ โทร 098 261 0979
#รับประกันพระแท้ตามมาตราฐานสากลตลอดชีวิต

27 มิถุนายน 2561

มิติที่ 11 เป็นสภาวะนิพพาน(nirvarna) ที่มีความถี่ละเอียดอย่างยิ่ง



นิพพาน ในทรรศนะของ มิชิโอะ
หลายๆคนคงอาจจะคิดว่า นิพพาน เป็นเรื่องเล่า เรื่องแต่ง เรื่องกุศโลบาย เรื่องอย่างมากก็เชื่อกันอย่างแคลงใจ
แต่ในวันนี้ วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า นิพพาน มีความเป็นไปได้ที่จะมีอยู่จริง
มิชิโอะ กากุ เป็นนักฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ระดับนำของโลก ที่เคยเขย่ารากฐานของจักรวาลวิทยามาแล้วหลายครั้ง ตอนแรกนักฟิสิกส์ด้วยกันรับไม่ได้ กระทั่งไม่ถึงสองทศวรรษมานี้เอง จึงได้รับการยอมรับอย่างแทบเป็นเอกฉันท์ นั่นคือการคาดการณ์ทางจักรวาลวิทยาบางประการ ที่มีข้อพิสูจน์บนสมการคณิตศาสตร์ ว่าด้วยทฤษฎีใยมหัศจรรย์ และทฤษฎีแมทริกซ์(String theory / M-theory) และควอนตัม เมคานิกส์ รวมทั้งทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ คือ การพิสูจน์ได้ว่า
จักรวาลมีมิติหลากหลาย สสารดำรงอยู่ด้วยพลังงานที่ให้ความถี่ของการสั่นสะเทือน (vibration) ในแต่ละมิติสั่นหยาบหรือละเอียดแตกต่างกัน และแตกต่างจากจักรวาลที่สั่นสะเทือนอย่างหยาบ ที่มีสี่มิติของเรา เท่าที่พิสูจน์ได้พบว่าอย่างน้อยจักรวาลมี 11 มิติ
มิชิโอะบอกว่า มิติที่ 11 เป็นสภาวะนิพพาน(nirvarna) ที่มีความถี่ละเอียดอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับโลกสี่มิติของเรา
มิชิโอะ กากุ พิสูจน์ได้ว่าจักรวาลมีมากมาย(multiverses) อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยแต่ละจักรวาลจะมีลักษณะเหมือนฟองของเหลว- ที่ยุบๆ พองๆ - หรือให้ฟองขึ้นมาใหม่ตลอดเวลา มิชิโอะบอกว่าจักรวาลถัดไปอาจอยู่ห่างเพียงหนึ่งมิลลิเมตรจากผิว(brane) จักรวาลของเรา แต่รับรู้ไม่ได้เพราะมันอยู่เหนือมิติ(สี่มิติ) ของเรา
มิชิโอะยังบอกว่า ทุกวันนี้ นักฟิสิกส์ส่วนหนึ่งเชื่อว่า การเกิดใหม่ของจักรวาลนั้น มีความเป็นไปได้หลายทาง ทางแรก จักรวาล(สี่มิติเช่นจักรวาลของเรา) จะเกิดใหม่หลังจากหนึ่งล้านล้านปีนับจากวันนี้ โดยสิ้นสุดลงด้วยความเย็นเยือก(big freeze) ไร้พลังงาน ขณะเดียวกันพลังงานมืด(dark energy) ที่ได้จากการยุบตัวเองลงมาของสสารมืด(dark matter) จะรวมเป็นหลุมดำที่ต่อเนื่องกับหลุมขาว - เพื่อจะให้บิ๊กแบ็งใหม่ - เรื่อยไป หรืออีกเส้นทางหนึ่ง หลุมดำที่อยู่ใจกลางของทุกๆ กาแล็กซี่จะรวมเข้าด้วยกันทำให้จักรวาลหดตัวลงมา(big crunch) เป็นหลุมขาว
ชิปอฟ (G. Shpov) นักฟิสิกส์แนวหน้าของรัสเซีย ผู้ค้นพบทฤษฎีความว่างเปล่า (theory of physical vacuum) แคนดิเดตรางวัลโนเบลปีนี้คิดว่า มิติแห่งนิพพานอยู่หลังมิติที่ 9 เป็นต้นไป เมื่อความสั่นสะเทือนของพลังงานมีความละเอียดอย่างยิ่ง
อนึ่ง จักรวาลทั้งหลายรวมจักรวาลของเรา ต่าง "ยุบๆ พองๆ" ดับแล้วเกิด เกิดแล้วดับ จากความว่างเปล่าไม่มีวันจบสิ้น

และอดคิดถึงชั้นต่างๆ ของนรกสวรรค์ - ที่อาจอยู่ในมิติต่างกัน หรือชี้นำ ด้วยสนามพลังงานที่มีการสั่นสะเทือน(vibration) หยาบหรือละเอียดแตกต่างกัน - ไม่ได้ ดังข้อสรุปว่าสวรรค์กับเทวดา คือผู้มาเยือนจากนอกโลกที่เอาชนะข้อแม้มิติได้ (Erich Von Daniken: Chariots of the Gods, 1970)
เรื่องที่เกิดขึ้น อ้างอิง และสามารถพิสูจน์ได้จากทฤษฎีสตริง(String theory)

การช่วยให้วิถีของการพัฒนาทางพลังชีวิตอยู่ในสมดุลย์

การติดต่อสนทนากันระหว่าง ดร. แอนดริจา ตั้งคำถาม ทอม ผู้แทนมนุษย์ต่างดาว ติดต่อทางโทรจิตผ่านมาทาง นางฟิลลิส(คนทรง)
ทอม "ในการเตรียมงานตามแผนที่หนึ่ง #คือการลงจอดบนพิภพโลก กลุ่มผู้แทนจากหน่วยงานใหญ่ได้เข้าสำรวจสภาวะ และสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว เรื่องยูเอฟโอที่พวกมนุษย์ตกใจและพากันสงสัย #นั่นคือยานของพวกที่มาทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการประเมินผลการทดลอง และทดสอบข้อมูลต่าง ๆ ได้กระทำสำเร็จไปแล้วหลายเรื่อง
เราเตรียมการทุกอย่างเพื่อดำเนินเข้าสู่แผนที่หนึ่ง เมื่อเวลานั้นมาถึง #ปฏิบัติการลงสู่พื้นพิภพจะทำให้มนุษย์ส่วนหนึ่งตกใจ #และเกิดปฎิกิริยาโต้ตอบอย่างรุนแรง
เราได้ศึกษาแล้วว่าช่วงเวลานั้นจะไม่กินเวลานานเท่าใด ความกระทบกระเทือนจะไม่ก่อให้เกิดผล
การเปลี่ยนแปลงมากถึงกับเกิดการเสียหาย หรือเกิดสภาพที่เรียกว่า "#สังคมช้อค" มนุษย์จะยอมรับพวกที่มาลงโดยดี"
ดร. แอนดริจา "พูดถึงจานบิน ผมอยากทราบว่ามันเป็นอะไรกันแน่"
ทอม "ส่วนใหญ่แล้ว ยานบิน #ที่มาปรากฏบนโลกของท่านเป็นยานบินของพวกสมาชิกกลุ่มสากล
มาจากดวงดาวหลายแห่ง ยานพวกนี้มาในรูปแบบของวัตถุที่เป็นมวลสาร แต่มียานบินของพวกเราบางครั้งได้ถูกส่งมาเพื่อปฏิบัติการบางอย่าง
ยานพวกนี้เป็น "เครื่องจักรไร้มวลสาร" (Non physical)
ดร. แอนดริจา "ผมยังไม่เข้าใจเหตุผลอันใดในการมาของพวกยานอวกาศขององค์การหรือกลุ่มสมาชิกอะไรนั่น พวกเขาจะได้อะไรเป็นการตอบแทน จากการทำโครงการลงจอดนี้"
ดร. แอนดริจา "ที่ว่าสมดุลย์นั้น หมายถึงสมดุลย์ของอะไรกับอะไรมิทราบ"
ทอม "สมดุลย์ระหว่างพลังของชีวิต (Souls) กับชีวิตแบบกายภาพ" ....

26 มิถุนายน 2561

การยกระดับจิตสำนึก (Consciousness) ของมนุษย์บนโลก

ด้วยการยกระดับจิตสำนึก (Consciousness) ของมนุษย์บนโลกนี้ให้สูงขึ้นเท่านั้น ที่เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยถ่วงสมดุลของการพัฒนาทางพลังชีวิตในกาแลกซี่นี้ ได้ บนโลกมนุษย์

การติดต่อสนทนากันระหว่าง ดร. แอนดริจา ตั้งคำถาม ทอม ผู้แทนมนุษย์ต่างดาว ติดต่อทางโทรจิตผ่านมาทาง นางฟิลลิส(คนทรง)
พวกมนุษย์ไม่ได้มีความเข้าใจเลยว่าวัตถุประสงค์ที่ท่านเกิดมาเป็นมนุษย์นั้น เพื่ออะไร.... #การกระทำ (กรรม) ความโกรธ ความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยา การทำลายล้าง #และความชั่วร้ายอีกมากที่พวกท่านส่วนใหญ่ชอบกระทำกัน ทั้งด้วยสำนึก หรือไม่สำนึกก็ตาม
#เหล่านี้มีผลกระทบถึงพลังงานหรือสนามพลังที่เชื่อมต่อระหว่างภพ #และระหว่างดวงดาว วิวัฒนาการของชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ ทั่วเอกภพนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงถึงกันหมด การกระทำในทางลบ (ความชั่วร้ายต่าง ๆ) #ส่งผลกระเทือนทำให้เกิดการเสียสมดุลย์ของการพัฒนาทางชีวิตในพิภพและในมิติอื่นๆ ทั่วไปหมด ......
ด้วยการยกระดับจิตสำนึก (Consciousness) ของมนุษย์บนโลกนี้ให้สูงขึ้นเท่านั้น ที่เป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยถ่วงสมดุลของการพัฒนาทางพลังชีวิตในกาแลกซี่นี้ ได้ บนโลกมนุษย์นี้เป็นแหล่งหนึ่งที่รวมของวิญญาณ หรือพลังชีวิตที่มาจากที่อื่น ไว้ในรูปแบบชีวิตที่เป็น #นามรูป พลังชีวิตจะต้องมาที่นี่เพื่อการเรียนรู้ความมีชีวิตในรูปแบบของความเป็นมวล สารวัตถุธาตุ #นี่คือส่วนหนึ่งของวงจรการพัฒนาไปสู่ชีวิตในรูปแบบที่สูงกว่า
แต่โลกมนุษย์แห่งนี้เกิดมีความหนาแน่นเหมือนกับของเหลวที่เข้มข้น #พลังชีวิตจำนวนมากได้มาที่นี่ตามวงจรของมัน #แต่ต้องติดอยู่ที่นี่ เวียนว่ายตายเกิดอยู่ที่นี่ ไม่สามารถพัฒนาไปสู่ชีวิตในรูปแบบที่สูงกว่าได้ #มีพลังชีวิตจำนวนน้อยที่สามารถหลุดออกไปได้จากพิภพโลก
แต่พลังชีวิตระดับต่ำกว่าอีกมากก็กำลังเดินทางตามวิถีของมันมาสู่โลก ซึ่งจะต้องมาติดอยู่ที่นี่ เมื่อความหนาแน่นเพิ่มมากขึ้น สมดุลย์ต่าง ๆ ก็จะถูกทำลาย...#ด้วยความร่วมมือกันระหว่างเรากับมนุษย์ต่างพิภพหลายกลุ่ม ซึ่งมีระดับชีวิตสูงกว่าท่าน เราวางโครงการปรับสมดุลย์พลังชีวิต เรากระทำมาแล้วในที่อื่น ๆ ซึ่งมีปัญหาแตกต่างกัน #และเรากำลังจะทำให้กับมนุษย์บนพิภพโลก..."

21 มิถุนายน 2561

ลำบาก, ทุกข์, เจ็บ, จน, ตาย ยังจะอยากเกิดอีกหรือ เกิดอีก เราก็ลำบากอีก อย่าเกิดเลยดีกว่า สาธุ


ชีวิตมีความตายเป็นที่สุด ถ้าเราเกิดอีก เราก็ลำบากอีก อย่าเกิดเลยดีกว่า งานที่ทำขอให้คิดว่าทำเพียงหน้าที่ คือ หน้าที่ ๆ จะต้องเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว ทำไป และอย่าติดหน้าที่ คิดวาง คิดปล่อย คลายความเมา ปล่อยให้เป็นเรื่องของกรรม แต่อย่าบกพร่องในหน้าที่ พระพุทธพยากรณ์เมื่อไม่ช้านี้ พ่อดีใจ ท่านตรัสว่า ความยาวของชีวิตพ่อมีประโยชน์กับลูกและหลาน ลูกทุกคนจะไม่มีโอกาสได้เกิดอีก พ่อดีใจ ถ้าต้องการทรมานกายเพื่อความถึงที่สุดของลูกและหลาน พ่อทนได้เสมอ

จากหนังสือ ศิวโมกข์
โอวาทหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน
โอวาทหลวงพ่อ เล่ม 1 ข้อ 220/86

20 มิถุนายน 2561

คุณเป็นคนระดับไหน....พิจารณาดู...แก้ไขไง...รีบทำเอานะ..สาธุ


คน 4 ระดับ..

คนบรรลุธรรมเร็วและช้าเพราะเหตุได
โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

ต้องทราบไว้เสมอว่า คนที่เกิดมานี่ มีต้นกรรมไม่เสมอกัน
คนในโลกแบ่งออกเป็น 4 ระดับคือ

1 คนฉลาดมาก ที่ทำบุญไว้เต็มแล้ว มีบารมีครบถ้วน
เพียงแนะนำแต่เพียงหัวข้อย่อๆ ก็บรรลุมรรคผลทันที

2 บางพวกปัญญาบารมีหย่อนนิดหน่อย พออธิบาย
ก็บรรลุมรรคผล

3 บางพวกพอแนะนำให้เข้าใจในกุศลเบื้องต้นได้
แต่เอาบรรลุมรรคผลไม่ได้

4 พวกสุดท้าย เป็นพวกเหลือขอ พูดไม่รู้เรื่อง อวดตัว
ว่าเป็นผู้วิเศษ หมดทางแนะนำ

คนในโลกแบ่งออกเป็น 4 พวกอย่างนี้ ลูกจงอย่าคิดว่า
เขาจะเหมือนเราเสมอไป การแนะนำเป็นของดี แต่อย่า
เอาใจเข้าไปผูกพัน ถือว่าบอกปล่อยเขาทำตามก็ดี
ไม่ทำตามก็ช่าง เอาตัวเรารอดเป็นการพอแล้ว ปล่อยเขา
เขาจะคิด จะพูด จะทำอย่างไร อย่าสนใจเป็นอันขาด

จบเสียที เลิกคบกัน


เอ็งตายคราวนี้ ข้าขอเลิกคบนะ...
ขอลูกรักทั้งหมด.. "จงอย่าสนใจกับคำนินทาและสรรเสริญ"
ลูกรักของพ่อทุกคนจงจำไว้ว่า.. "ถ้าร่างกายมันยังมีอยู่
จงอย่าปรารภว่าตนเป็นคนดี"
เพราะว่า.. "สิ่งที่เราเกาะอยู่นี่มันเลว คือ ขันธ์ 5 ได้แก่
ร่างกาย มันทั้งสกปรก มันทั้งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลง
มีการป่วยไข้ไม่สบาย มีการตายไปในที่สุด ร่างกาย
มันเป็นส่วนรับทุกขเวทนา"
ฉะนั้นขอลูกรักทุกคน.. "จงอย่าสนใจกับร่างกาย
ของตนเอง และของบุคคลอื่น"
คำว่าไม่สนใจ หมายความว่า.. "เมื่อยังมีชีวิตอยู่
ก็เลี้ยงดูมันไปตามสภาพ มันหิวก็ให้มันกิน มันร้อน
ก็หาของเย็นให้ มันหนาวก็หาของอุ่นให้"
และก็จงบอกกับมันว่า.. "เอ็งตายคราวนี้ ข้าเลิกคบ
เอ็งละนะ ทั้งนี้เพราะเอ็งไม่ดีเลย เอ็งมันเลวมาก
ประคับประคองเท่าไร เอ็งก็ไม่ตามใจข้า ถ้าภาษาไทย
ชัด ๆ ก็พูดว่า เมื่อมึงไม่ตามใจกู กูก็จะไม่คบมึงอีกต่อไป"

พุทธบริษัทให้ถือพรหมวิหาร ๔ เป็นสำคัญ


๐๐๐ การทำความดีสุขในใจ พุทธบริษัทให้ถือพรหมวิหาร ๔ เป็นสำคัญ๐๐๐
ถ้าเรายังเกิดเป็นมนุษย์อยู่ ถึงแม้ว่าเราจะทำดี เราจะคิด แต่ทว่าคนที่พูดชั่ว ทำชั่ว คิดชั่วเขายังมีอยู่ ต้องดูตัวอย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับพระเทวทัต ความจริงพระพุทธเจ้าไม่เคยทำความเจ็บช้ำน้ำใจกับพระเทวทัตเลย แม้ชาติใดก็ตาม ไม่เคยทำ แต่ว่าพระเทวทัตนี่จองล้างจองผลาญพระพุทธเจ้าทุกชาติ อย่าคิดว่าเราทำดีแล้วคนอื่นเขาจะดีกับเราเสมอไปน่ะ มันไม่แน่นะ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะชาติต้นที่จองล้างจองผลาญกันก็อาศัยที่พระเทวทัตท่านเป็นคนเลว พระพุทธเจ้าเป็นคนดี ในเมื่อคนดีกับคนเลวคบกันก็คบกันไม่ได้นาน
เรื่องมันมีว่าสมัยหนึ่งท่านพระเทวทัตเป็นพ่อค้า พระพุทธเจ้าก็เป็นพ่อค้า ต่อมาก คุณยายคนหนึ่งแกเป็นคนในตระกูของมหาเศรษฐีเดิม แต่ว่าพอมาถึงปลายแถวนี่ยากจนลง คุณยายคนนั้นมีสมบัติของมหาเศรษฐีเก่า มันมีถาดทองคำอยู่ลูกหนึ่ง แกก็ตั้งใจจะขายเอาเงินไปประกอบอาชีพเลี้ยงตัว พ่อค้าเทวทัตไปแกก็นำถาดทองคำมาให้ พ่อค้าเทวทัตเห็นเข้าก็ทราบว่าเป็นทองคำแท้ โดยนิสัยเลวก็บอกว่า คุณยาย...นี่มันไม่ใช่ถาดทองคำแท้ มันเป็นกะไหล่ทอง (ถาดชุบทอง) ตีราคาให้เท่ากะไหล่ทอง คุณยายแกทราบว่าเป็นทองคำแท้ แกก็ไม่ให้ ท่านเทวทัตคิดว่าวันนี้ไม่ให้วันหลังจนแต้มเข้าคงให้เราแน่
ต่อมาในวันเดียวกันตอนหลัง พระพุทธเจ้าเป็นพ่อค้าเหมือนกันเป็นเพื่อนของพระเทวทัต ไปที่บ้าน คุณยายแกก็เอาถาดทองคำมาให้ดูบอกขาย ท่านดูแล้วก็บอกคุณยายว่านี่มันถาดทองคำแท้ ตีราคาทองคำให้ แกก็ขายให้ รุ่งขึ้นพ่อค้าเทวทัตไป จะไปเอาถาดทองคำแล้วก็จะให้ในราคาทองคำปลอมคือทองกะไหล่ คุณยายก็บอกว่า พ่อค้าอย่างแกฉันคบไม่ได้ ฉันขายไปแล้วในราคาถาดทองคำแท้ ก็ถามว่าใครซื้อ ก็บอกว่าพระพุทธเจ้าของเราซื้อ ตอนนั้นยังไม่เป็นพระพุทธเจ้านะ ความจริงเป็นเพื่อนกัน พอตอนเย็นพบกัน พ่อค้าเทวทัตก็ถามพ่อค้าพระพุทธเจ้า (จำชื่อสมัยนั้นไม่ได้) ท่านก็บอกว่าฉันซื้อมาจริงให้ราคาถาดทองคำ ท่านพระเทวทัตก็โกรธหาว่าหักหน้าท่าน ทำลายผลประโยชน์ ก็หยิบทรายมา ๑ กำมือ แล้วประกาศบอกว่า....
“เราจักขอจองล้างจองผลาญท่านทุกๆชาติไป เท่าเม็ดทรายในกำมือ”
เม็ดทราย ๑ เม็ดเท่ากับ ๑ ชาติ ไอ้การจองล้างจองปลาญของเทวทัตก็มีผลเป็นเหตุให้พระพุทธเจ้าลำบากมาทุกชาติ แล้วก็มีบางชาติที่พระพุทธเจ้าทรงปลอดภัย บางชาติเทวทัตก็ทรมานมากจนพระพุทธเจ้าตายก็มี มาชาติหนึ่งในสมัยที่พระองค์ทรงปฏิบัติใน “อุปบารมี” ทรงเป็นฤาษี ถือขันติเป็นสำคัญ เมื่อเข้าไปในเขตที่พระเทวทัต ครองเมือง แกไม่ค่อยชอบหน้าฤาษี ให้จับฤาษีไป ถามว่า ท่านถืออะไร...บอก ถือขันติ...ไม่โกรธใช่ไหม บอก ใช่ แกก็สั่งตัดแขนซ้าย ถามโกรธไหม ฤาษีพระพุทธเจ้าก็บอกไม่โกรธ สั่งตัดแขนขวา ถามว่าโกรธไหม สั่งตัดขาซ้าย ขาขวา ท่านก็บอกไม่โกรธ สั่งตัดกลางตัว ไม่ต้องถาม ถามก็ไม่ตอบถือขันติมั่นคง แล้วก็ตาย...
นี่บางชาติเทวทัตทำแบบนี้ แต่ก็จะถามว่าพระพุทธเจ้ามีบาปอะไร ความจริงไม่มีบาปเลย นั่นพระเทวทัตเป็นผู้มีบาปอย่างเดียว เป็นผู้จองล้างจองผลาญ ฉะนั้น บรรดาญาติยามพุทธบริษัท การปฏิบัติความดีของท่านทุกคนที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า...การทำความดีแล้วจะมีความสุข อันนี้ความสุขอยู่ในใจของเรา แล้วก็จงคิดว่าคนบางคนที่มีความเลวเกินขนาดเขาอาจจะคิดประทุษร้ายเราได้ ถ้าอาการอย่างนี้เกิดขึ้นก็นึกถึงพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน.....
ว่าพระพุทธเจ้าท่านดีกว่าเราขนาดไหน ท่านยังถูกขนาดนี้ เราก็อาจจะถูกน้อยกว่าท่าน แต่เราจะอดทนไม่ได้เท่าท่านก็ได้นะ แค่ด่าเบาๆ อาจจะอดได้ ถ้าด่าหนักๆ คือจ่ายมากเกินไป เราอาจจะจ่ายคืนเขาก็ได้ ก็เป็นอันว่าการเจริญธรรมของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทให้ถือพรหมวิหาร ๔ เป็นสำคัญ แต่ก็ต้องรู้ไว้ด้วยนะ ถ้าเราดีเขาอาจจะไม่ดี ต้องคอยหลบ นี่เป็นเรื่องธรรมดา..
อ้างอิง – หนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง ๕๙ หน้า ๑๐๘-๑๐๙ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

พุทธประวัติ "สมเด็จองค์ปฐม"


พระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐม ทรงสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์แรกแห่งโลกธาตุ ทรงค้นพบวิชาว่าด้วยการบำเพ็ญ บารมีเพื่อความพ้นทุกข์และสำเร็จตามพระประสงค์ จากนั้นทรงบัญญัติรวบรวมพระ สูตรพร้อมทั้งทรงฝึกบุคคลเพื่อให้ถึงความหลุดพ้นจากวัฏสงสาร และฝึกบุคคล เพื่อสืบทอดพุทธวงศ์ดำรงไว้ซึ่งพระสัทธรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสรรพสัตว์
ระยะเวลาที่ทรงตั้งพระทัยมั่นค้นคว้าโดยไม่มีแบบอย่างและไม่มีครูผู้ฝึกเป็นเวลาประมาณมิได้แค่พระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีแบบ วิริยะธิกะพุทธเจ้า ซึ่งมีการบำเพ็ญบารมียาวนานมากคือรวมทั้งสิ้น ๘๐ อสงไขย
ดังนั้นพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมจะต้องทรงใช้เวลานานสักเท่าใดกว่าพระองค์ จะทรงมาตรัสรู้สั่งสอนสรรพสัตว์และสืบทอดพุทธวงศ์ได้ด้วยพระองค์ทรงเป็นผู้ ให้กำเนิดพุทธวงศ์พระสัทธรรมทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ และจุดประกายความสว่างในจักรวาลให้โลกได้เริ่มรู้จักการสั่งสมบุญบารมี
เมื่อ ทรงใช้เวลาอันมิอาจจะประมาณได้จนพระองค์สามารถสรุปแนวทางอันแน่นอนแล้วก็ยัง ทรงเวียนว่ายในวัฏสงสารอยู่นานกว่า ๔๐ อสงไขย จึงทรงดูกาลที่จะทรงลงมาตรัสรู้บนโลกในพระชาติสุดท้ายขณะนั้นมนุษย์ มีอายุขัยประมาณ ๘๐,๐๐๐ ปี ทรงออกมหาภิเนษกรมณ์เมื่อพระชนมายุได้ ๔๐,๐๐๐ ปี หลังจากทรงผนวชได้ ๒๐,๐๐๐ ปี จึงทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก จึงถือเป็นการอุบัติแห่งปฐมบรมครูพระผู้รู้แจ้งทุกสรรพ สิ่งของโลกธาตุทุกสรรพวิชาในจักรวาลที่ไม่มีใครเทียบและเสมอเหมือนพระองค์ ได้ ทรงโปรดเวไนยสัตว์และประกาศพระสัทธรรมสร้างรากฐานก่อตั้งพระพุทธศาสนา อยู่เป็นเวลาประมาณ ๒๐,๐๐๐ ปี จึงได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน

19 มิถุนายน 2561

อดีตชาติหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ


.... หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
จากพุทธภูมิวิริยาธิกะ สู่สาวกภูมิ .....
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เคยเกิดในภาคเหนือมาหลายชาติ และแต่เดิมท่านอยู่ชั้นพรหมมาก่อน พอลงมาเกิดก็เกิดเป็นกษัตริย์ทางเหนือ ท่านเคยเกิดเป็นพระเจ้าพรหมราช นอกจากนี้ท่านยังเคยเกิดเป็นขุนแผนในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย การเวียนว่ายตายเกิดของท่านนั้นเป็นกานสร้างบารมีทางพระโพธิญาณ นอกจากนี้ยังเป็นการลงมาเกิดเพื่อช่วยชาติทุกครั้งไป
เรื่องที่น่าสนใจคือ ท่านเคยบำเพ็ญบารมีกับพี่น้องของท่าน โดยในชาติสุดท้ายพี่น้องของท่านกลับมาเกิดเป็นพระอริยเจ้าและพระโพธิสัตว์ ซึ่งมีดังต่อไปนี้คือ หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก หลวงปู่คำแสนเล็ก คุณาลงกาโร หลวงปู่คำแสนใหญ่ หลวงปู่ครูบาชัยวงศ์ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย หลวงปู่ครูบาบุญทึม หลวงปู่ครูบาอินทจักร หลวงปู่ครูบาพรหมจักร หลวงปู่บุดดา หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ หลวงปู่มหาอำพัน หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ฯลฯ คณะรายนามพระสุปฏิปันโนตามที่กล่าวมานี้ในอดีตชาติมีการผูกพันกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เคยเกิดเป็นพี่เป็นน้องกันมา อย่างครูบาบุญชุ่ม โพธิโก เคยเกิดเป็นพี่ชายท่าน ครูบาบุญทึมองค์นี้เป็นพี่ชายท่านและท่านได้รับนิมิตจากพระพุทธองค์ว่าให้ตามหาพระที่ชื่อ "บุญทึม"
--- คุณวิเศษส่วนองค์และต่อส่วนรวม ---
๑. เป็นผู้ได้บำเพ็ญบารมีมามาก
๒. ทรงอภิญญาสมาบัติและปฏิสัมภิทาญาณ เรื่องนี้ลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำหลายท่านประสบด้วยตนเอง เช่น การหยั่งรู้วาระจิต มีตัวอย่างเช่น คุณป้าท่านหนึ่งผู้เขียนสัมภาษณ์มาเอง ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งไปกราบหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ปรากฏว่าท่านไม่ทักตนเองสักคำ กลับมาบ้านก็โมโหตนเอง คิดว่าเรามันไม่ดี ก็เอามือทุบหัวตนเอง ทำอยู่สองสามครั้ง รุ่งเช้ากลับไปกราบหลวงพ่อฤๅษีลิงดำใหม่ คราวนี้ท่านหันมาแล้วทักว่า ลูกอย่าทำแบบเมื่อคืนอีกมันเจ็บ ตนเองขนลุกเลยไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องที่เราทุบหัวตัวเองได้อย่างไร หรือการโทรจิตกับครูบาอาจารย์อื่นๆ เช่น หลวงปู่สี ฉันทสิริ หลวงพ่อฤๅษีท่านก็ทราบด้วยญาณว่าหลวงปู่สีท่านจะมรณภาพเมื่อไหร่ วันไหน ท่านรู้หมด หรือการส่งกระแสจิตไปคุยกับหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เพราะว่าท่านฝากลูกศิษย์ของท่านให้ศึกษากับหลวงปู่ดู่ เป็นต้น และหลวงปู่ดู่ก็เล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านถอดกายทิพย์มาคุยอยู่กับท่านข้างๆท่านนี่แหละ
๓. ทรงเถรธรรม ประกอบด้วยรัตตัญญู (รู้ราตรีนาน) สีลวา (มีศีล) พหุสสุตะ (ทรงความรู้ได้ฟังมาก) สวาคตะปาฏิโมกขะ (วินิจฉัยพระวินัยได้ดี) อธิกรณสมุปปาทวูปสมกุสละ (ฉลาดในการระงับอธิกรณ์ที่เกิดขึ้น) ธัมมกามะ (ใคร่ในธรรม) สันตุฏฐะ (สันโดษ) ปาสาทิกะ (น่าเลื่อมใส) ฌานลาภี (คล่องในฌาน) และ อนาสวเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ (บรรลุเจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ สิ้นอาสวกิเลส)
๔. รู้แจ้งในไตรภูมิ เรื่องนี้ทราบกันดีว่าหลวงพ่อฤๅษีท่านได้รู้ ได้เห็น ได้ท่องมาหมดทั้งแดนนรก แดนสวรรค์ พรหมโลก และนิพพาน ท่านสามารถเห็นภูติผี เทพยดาเป็นปกติ
๕. เป็นที่รักของพระ พรหม เทพยดา และมนุษย์ทั้งปวง
๖. สอนคนให้เข้าใจถึงพระนิพะานได้จริง ตามมาตรฐานการปฏิบัติธรรมแห่งพระพุทธศาสนาครบถ้วนทั้ง ๔ หมวด อันได้แก่...
• สุกขวิปัสสโก ปฏิบัติธรรมแบบเรียบๆ มีมรรคมีผล แต่ไม่มีความรู้พิเศษ
• เตวิชโช หรือเรียกว่า วิชชา ๓ มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษคือทิพจักขุญาณ รู้ว่าคนเกิดมาจากไหน ตายไปไหน เป็นต้น มีญาณ ๘ ประการ
• ฉฬภิญโญ หรือเรียกว่า อภิญญา ๖ มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษคือแสดงฤทธิ์
• ปฏิสัมภิทัปปัตโต หรือเรียกว่า ปฏิสัมภิทาญาณ มีมรรคมีผล และมีความรู้พิเศษครอบคลุมทั้ง ๓ หมวดแรก ปฏิสัมภิทาญาณนั้นคือทรงพระไตรปิฎก (แตกฉานในเหตุและผล) รู้ภาษาคนทุกภาษาและภาษาสัตว์ทุกชนิด และคล่องแคล่วในการสอนธรรม (ขยายความให้เข้าใจก็ได้ ย่อความให้เข้าใจก็ได้)
@ หนังสือ.....
ปณิธานพระโพธิสัตว์
***** ทิพยจักร *****

13 มิถุนายน 2561

ระบบบิรุนิ ตอน การเตรียมการช่วยโลกในยุคนี้


 การเตรียมการช่วยโลกในยุคนี้ เดอะวันได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า
ตั้งแต่การให้มีศาสดาเอกมาปรากฏในดินแดนสุวรรณภูมิ และได้แบ่งภาคลงมาเกิด เมื่อครั้งประมาณปีพุทธศักราชหกร้อยปีเศษ
            เพื่อแก้ไขปัญหาที่นางพญามารสร้างเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักและราชวงค์สุวรรณภูมิก็ได้ปิดฉากลง
            จากนั้นเดอะวันได้คอยดูแลดินแดนนี้ ด้วยการคัดสรรผู้ปกครองของแผ่นดินตราบล่วงมาถึงกาลปัจจุบัน และก็ยังจะต้องรบราฆ่าฟันกับนางพญามารและเหล่าบริวารมาโดยตลอด 
            บอกได้ว่าทุกครั้งที่มีการล่มสลายของแผ่นดิน ตัวการก็คือผู้หญิง 
ผู้หญิง คือสาเหตุหลักที่แฝงตัวอยู่เบื้องหลังความล่มจมของบ้านเมืองมาโดยตลอด
            แต่ข้อมูลนี้อาจมิได้รับการเปิดเผยสู่ภายนอกเท่าไหร่นัก นอกจากนี้แล้วนางพญามารที่จักต้องได้ลงมามีบทบาท ในการเป็นเครื่องมือสำหรับล่อลวงมนุษย์ด้วยกิเลสนานับประการนั้น สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง 
            ประกอบกับการสยายปีกของพญามาร เหล่าซาตานจากโลกซีกตะวันตก เข้ามาสู่สุวรรณภูมิผ่านทางราชสำนัก  และท้ายสุดก็กระจายลัทธิบริโภคนิยมวัตถุนิยมเข้าครอบงำจิตใจ ของชนชาวสุวรรณภูมิไว้ได้เบ็ดเสร็จในทุกวงการ ไม่เว้นแม้แต่วงการศาสนา
            ความหวังของเดอะวัน ในการสืบสานเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ธำรงอยู่ต่อไปจนกว่ามนุษย์ทุกคน จะสามารถนำพาจิตวิญญาณของตนขึ้นสู่อิสรภาพจากกิเลสและเครื่องร้อยรัดทั้งมวล
            ก็คือใช้ศาสนาเป็นยานนำพาไปก็มีอันเป็นประสบปัญหา เพราะในแวดวงศาสนานั้น มีนักบวชที่เข้าถึงคำสอนของศาสดาน้อยมาก และอาศัยเครื่องแบบที่นุ่งห่มสนองกิเลส
            และกระจายวิธีการดังกล่าวออกไปทุกแว่นแคว้น จนดูเป็นเรื่องปกติ 
แล้ว จักเอาอะไรมาช่วยขนช่วยดึงลูกหลานท่าน ให้สามารถพาตนเองกลับสู่ที่จากมาได้เล่า
            การมาของบิรูนิ ที่กำหนดว่าจะมาถึงโลกในปลายปี 2012 นั้น จักทำความเสียหายที่มิอาจประมาณได้ให้แก่โลก ดินแดนและอารยธรรมที่เดอะวันจะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ คือดินแดนสุวรรณภูมิ
            เดอะวันจึงได้แสวงหาวิธีต่างๆ นานาเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของชาวสุวรรณภูมิ ให้ปฏิบัติตามคำสอนของศาสดาเอกให้จงได้
            ล่าสุดเดอะวัน ก็ได้จัดทีมอาสาสมัครมาช่วยลูกหลานเหลนโหลนทางด้านจิตวิญญาณ เป็นการเสริมกำลังอีกทางหนึ่ง
            นั่นก็คือการให้เหล่าพลังงานที่แบ่งมาจากเดอะวัน รุ่นที่หนึ่งซึ่งมีอยู่ทั้งหมดสามสิบหกพระองค์นั้น ออกมาแสวงหาผู้ที่ถือขวัญของแต่ละท่านมาเกิดเป็นมนุษย์ 
            โดยที่ทางชาวสุวรรณภูมิ จะเริ่มรู้จักในนามองค์เทพทั้งหลายนั่นเอง
เหล่าองค์เทพ ที่อาสาลงมานั้น มีอยู่หลากหลายชั้นและหลายรุ่น
            เป็นพลังงานหรือดวงจิต ที่ดำรงอยู่ในสากลจักรวาล ที่เคยมาเกิดเป็นมนุษย์มาก่อน สามารถพัฒนาและยกระดับของจิตกลับคืนสู่จักรวาล
            สลัดตัวตนให้หลุดพ้นจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวงได้และต่างก็มีความเป็นห่วงเป็นใยในลูกหลาน หรือผู้สืบสายดีเอ็นเอ ชุดเดียวกันกับตนเอง 
            หรือมีส่วนหนึ่งของตนเองอยู่ปะปน รวมไปกับของท่านอื่นๆ ก็จะลงมาแสวงหามนุษย์ ที่มีความเกี่ยวข้องกับตนเพื่อชักนำมนุษย์คนนั้นให้เข้าสู่เส้นทางที่ดีงาม
            ทางซีกโลกอื่นก็เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นที่รู้จักในนามของเทพฝรั่งที่มีชื่อที่เราพอจะเคยได้ยินเช่น ท่านเอลทั้งหลาย
            ท่านมิคาเอล ราฟาเอล อูลิเอล ฯลฯ ก็จะมาสื่อสารชักนำให้เข้าสู่ปฏิบัติการของการเป็นผู้นำแสงสว่างมาสู่ตนเองและปวงชน
            เทพทั้งของสุวรรณภูมิ ของอินเดียของฝรั่ง ก็ลงมากันโครมๆ เป็นที่สนุกสนาน และพิลึกพิลั่นในสายตาคนอื่นๆ ที่ไม่ถึงเวลาเจอเทพประจำตัวแผลงฤทธิ์ ก็ตำหนิติเตียนเอา 
            แต่ก็ถือว่าได้ผลไปในระดับหนึ่ง อย่างน้อยๆก็เห็นการตื่นตัวในเรื่องของบุญกุศล มากกว่าสมัยที่เทพยังไม่ได้ลงมา
            จากนั้นก็ตามด้วยพญานาคานาคี คนธรรพ์ ครุฑ กินรกินรี ฤาษี ออกมาวาดลวดลายกันเต็มๆ
            ในขณะเดียวกันฝ่ายมารก็ใช่ย่อย เขาก็มีของเขาต่างก็พากันลงมาเช่นกัน และเริ่มสร้างความเสื่อมให้ปรากฏในแวดวงคนสายเทพ 
            แฝงมาว่าเป็นองค์นั้นองค์นี้บ้าง บวกกับกิเลสของมนุษย์ ทำให้ปฏิบัติการของมารเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
            หลายแห่งก็กลายเป็นสำนักทำคุณไสยมนต์ดำ เป็นเครื่องมือให้กับความชั่วร้าย สยายปีกเข้าสู่เหล่าครูบาทั้งหลาย
            กลายเป็นนักบวช ทำพิธีกรรมบอกใบ้ให้หวยหรือส่งพรายไปทำร้ายฝ่ายตรงกันข้าม แบบไม่ต้องกลัวตำรวจจับ
            แม้กระทั่งนักการเมือง ผู้เคยยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็ล้วนแล้วแต่ชอบใช้บริการของฝ่ายมารด้วยกันทั้งสิ้น
            และแน่นอนที่สุด ความปั่นป่วนก็ตามมาอีกเช่นเคย เฮ้อ ฟังแล้วก็ปวดขมองแทนเดอะวันเหมือนกันนะ

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...