ความโกรธหรือความโมโห ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะเพิ่มอำนาจวาสนา
แต่เป็นสิ่งที่จะทำอำนาจวาสนาให้อับเฉาลงไป
คนผู้ที่ชอบโกรธมากๆ ไปที่ไหนตนเองก็เดือดร้อน คนอื่นก็เดือดร้อน
ความโกรธท่านจึงให้ชื่อว่าเป็นไฟ
ธรรมดาต้นไฟอยู่ที่ไหนความร้อนก็ต้องอยู่ที่นั่น
ก่อนจะโกรธให้คนอื่นเขาได้รับความเดือดร้อน
ตนผู้เป็นต้นไฟก็ต้องเดือดร้อนก่อนเขา
แต่ตัวเองไม่ทราบว่าความโกรธนั้นเป็นต้นไฟ
เกิดขึ้นที่หัวใจและเผาผลาญตนเองก่อนแล้วจึงลุกลามไปหาคนอื่น
แล้วทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนด้วย
พระพุทธเจ้าท่านจึงประณามและพยายามขับไล่ไสส่งออกหนีให้หมด
เมื่อความโกรธนี้หมดไปแล้วตนเองก็อยู่สบาย
จิตที่มีความโกรธแค้นต่อคนอื่นก็กลายเป็นความเมตตา
หรืออ่อนโยนต่อตัวเองและคนอื่นไปได้
แต่เป็นสิ่งที่จะทำอำนาจวาสนาให้อับเฉาลงไป
คนผู้ที่ชอบโกรธมากๆ ไปที่ไหนตนเองก็เดือดร้อน คนอื่นก็เดือดร้อน
ความโกรธท่านจึงให้ชื่อว่าเป็นไฟ
ธรรมดาต้นไฟอยู่ที่ไหนความร้อนก็ต้องอยู่ที่นั่น
ก่อนจะโกรธให้คนอื่นเขาได้รับความเดือดร้อน
ตนผู้เป็นต้นไฟก็ต้องเดือดร้อนก่อนเขา
แต่ตัวเองไม่ทราบว่าความโกรธนั้นเป็นต้นไฟ
เกิดขึ้นที่หัวใจและเผาผลาญตนเองก่อนแล้วจึงลุกลามไปหาคนอื่น
แล้วทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อนด้วย
พระพุทธเจ้าท่านจึงประณามและพยายามขับไล่ไสส่งออกหนีให้หมด
เมื่อความโกรธนี้หมดไปแล้วตนเองก็อยู่สบาย
จิตที่มีความโกรธแค้นต่อคนอื่นก็กลายเป็นความเมตตา
หรืออ่อนโยนต่อตัวเองและคนอื่นไปได้
...............................................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๘
"ปลดแอกปลดภาระ"
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๐๘
"ปลดแอกปลดภาระ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น