01 กรกฎาคม 2567

จิตที่ไม่มีสมาธิก็เพราะมีนิวรณ์

#จิตที่ไม่มีสมาธิก็เพราะมีนิวรณ์ ทำให้ไม่ได้มีความสงบ ไม่ใช้ปัญญา
"..จึงได้แสดง นิวรณ์ ๕ 
และกัมมัฏฐานสำหรับแก้เพิ่มเติม ดังต่อนี้

๑. ความพอใจใฝ่ถึงด้วยอำนาจของกิเลสกาม เรียกว่า “กามฉันทะ” 

แก้ด้วยเจริญ อสุภกัมมัฏฐาน พิจารณาซากศพ 
หรือเจริญ กายคตาสติ 
พิจารณาร่างกายอันยังเป็นให้เป็นของน่าเกลียด

๒. ความงุ่นง่านด้วยกำลังโทสะ เรียกรวมว่า “พยาบาท”

แก้ด้วยเจริญ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
หัดจิตให้เกิดในทางหัดคิดให้เรียเกิดเมตตา สงสาร กรุณา 
ช่วยเหลือเมื่อมีความสามารถ 
เกิดความพลอยยินดีไม่มีริษยา 
เกิดความปล่อยวาง หยุดใจที่คิดโกรธได้

๓. ความท้อแท้ หรือคร้าน หรือความหดหู่ง่วงงุน เรียกว่า “ถีนมิทธะ” 

แก้ด้วยเจริญ อนุสติกัมมัฏฐาน 
พิจารณาคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บ้าง
พิจารณาความดีของตนบ้าง 
เพื่อให้จิตเบิกบาน และมีแก่ใจหวนอุตสาหะ 
หรือทำอาโลกสัญญา กำหนดหมายแสงสว่าง ให้จิตสว่าง

๔. ความฟุ้งซ่าน หรือคิดพล่าน 
และความจืดจางเร็ว หรือความรำคาญ เรียกว่า “อุทัจจกุกกุจจะ” 

แก้ด้วย เพ่งกสิณ กำหนดลมหายใจเข้าออก 
หัดผูกใจไว้ในอารมณ์เดียว 
หรือเจริญมรณสติ อันจะทำให้ใจสงบด้วยสังเวช

๕. ความลังเลไม่แน่ลงได้ เรียกว่า “วิจิกิจฉา”

แก้ด้วยเจริญ ธาตุกัมมัฏฐาน หรือ วิปัสสนากัมมัฏฐาน 
เพื่อกำหนดรู้สภาวที่เป็นอยู่ตามเป็นจริง

อีกอย่างหนึ่ง 
ทำความกำหนดรู้จิตที่มีนิวรณ์ และนิวรณ์ที่มีในจิต 
เมื่อเกิดปัญญาความรู้จักนิวรณ์ และโทษของนิวรณ์ขึ้น 
นิวรณ์ก็จะสงบหายไป.."

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร
        🙇🏻‍♂️สุดทางไป📖🖋️

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...