.. กว่า ๒,๖๐๐ ปี
ที่ พระพุทธองค์
บัญญัติบอกสอนไว้ ในการอบรมจิต
ให้เหมือน..แผ่นดิน, น้ำ, ไฟ, ลม, และอากาศ
เพื่อให้สามารถละวางอารมณ์ชอบใจ หรือไม่ชอบใจ
อันเกิดจากผัสสะได้
(ผัสสะ หรือสัมผัส ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
------------------------------------------------
-ภาวนาเสมอด้วยธาตุ ๕-
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนา (อบรมจิต) เสมอด้วยแผ่นดินเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนคนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลงที่แผ่นดิน แผ่นดินจะอึดอัดหรือระอา หรือ เกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอ เจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่
ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยน้ำเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอ ด้วยน้ำอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนคนทั้งหลายล้างของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลงในน้ำ น้ำจะอึดอัดหรือระอา หรือเกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยน้ำ ฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยน้ำอยู่ ผัสสะ อันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนไฟที่เผาของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ไฟจะอึดอัดหรือระอา หรือเกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอ
จงเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยลมเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยลมอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตของเธอได้
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนลมย่อมพัดต้องของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง คูถบ้างมูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลมจะอึดอัดหรือระอา หรือเกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยลม ฉันนั้น เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วย ลมอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนา เสมอด้วยอากาศอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนอากาศไม่ตั้งอยู่ในที่ไหนๆ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศ ฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
--
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
หน้าที่ ๑๑๔ - ๑๑๕ ข้อที่ ๑๔๐ - ๑๔๔
ที่ พระพุทธองค์
บัญญัติบอกสอนไว้ ในการอบรมจิต
ให้เหมือน..แผ่นดิน, น้ำ, ไฟ, ลม, และอากาศ
เพื่อให้สามารถละวางอารมณ์ชอบใจ หรือไม่ชอบใจ
อันเกิดจากผัสสะได้
(ผัสสะ หรือสัมผัส ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
------------------------------------------------
-ภาวนาเสมอด้วยธาตุ ๕-
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนา (อบรมจิต) เสมอด้วยแผ่นดินเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนคนทั้งหลายทิ้งของสะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลงที่แผ่นดิน แผ่นดินจะอึดอัดหรือระอา หรือ เกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอ เจริญภาวนาเสมอด้วยแผ่นดินอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่
ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยน้ำเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอ ด้วยน้ำอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนคนทั้งหลายล้างของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลงในน้ำ น้ำจะอึดอัดหรือระอา หรือเกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยน้ำ ฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยน้ำอยู่ ผัสสะ อันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนไฟที่เผาของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง คูถบ้าง มูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ไฟจะอึดอัดหรือระอา หรือเกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอ
จงเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยไฟอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยลมเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยลมอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตของเธอได้
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนลมย่อมพัดต้องของสะอาดบ้าง ของไม่สะอาดบ้าง คูถบ้างมูตรบ้าง น้ำลายบ้าง น้ำหนองบ้าง เลือดบ้าง ลมจะอึดอัดหรือระอา หรือเกลียดของนั้นก็หาไม่ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยลม ฉันนั้น เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วย ลมอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนา เสมอด้วยอากาศอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
.. ดูกรราหุล เปรียบเหมือนอากาศไม่ตั้งอยู่ในที่ไหนๆ ฉันใด เธอจงเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศ ฉันนั้นแล เพราะเมื่อเธอเจริญภาวนาเสมอด้วยอากาศอยู่ ผัสสะอันเป็นที่ชอบใจและไม่ชอบใจ ที่เกิดขึ้นแล้ว จักไม่ครอบงำจิตได้.
--
พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๓
สุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
หน้าที่ ๑๑๔ - ๑๑๕ ข้อที่ ๑๔๐ - ๑๔๔
_________________
สิ่งใดที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติบอกสอนไว้
-------------------------------
เป็นสิ่งที่ประกอบด้วยประโยชน์โดยส่วนเดียว
และเป็นเหตุ เป็นผล (เป็นสัจจะความจริง) ใช้ได้ตลอดกาลนาน
เราสาวก ให้มีศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธองค์
เดินตามพระบาทพระองค์
ทำความเพียรให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง เดินตามเส้นทางที่ได้บัญญัติบอกสอนไว้เท่านั้น. นี้เป็นการแสดงความรัก เคารพ สักการะ
และกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์
-------------------------------
เป็นสิ่งที่ประกอบด้วยประโยชน์โดยส่วนเดียว
และเป็นเหตุ เป็นผล (เป็นสัจจะความจริง) ใช้ได้ตลอดกาลนาน
เราสาวก ให้มีศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธองค์
เดินตามพระบาทพระองค์
ทำความเพียรให้เกิดขึ้นต่อเนื่อง เดินตามเส้นทางที่ได้บัญญัติบอกสอนไว้เท่านั้น. นี้เป็นการแสดงความรัก เคารพ สักการะ
และกตัญญูกตเวทีต่อพระองค์
-- ร่วมกันเปิดธรรมที่ถูกปิด --
ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ไปด้วยกัน
เพื่อส่งต่อคำสอนพระองค์ให้ไปสู่ผู้คนให้มากเท่าที่จะทำได้
ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ไปด้วยกัน
เพื่อส่งต่อคำสอนพระองค์ให้ไปสู่ผู้คนให้มากเท่าที่จะทำได้
.. กราบขอบพระคุณ ..
ท่านพระอาจารย์ศึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
(ผู้ที่มีอุปการะมากอย่างถึงที่สุด)
ที่ท่านได้เมตตานำธรรมวินัยของพระพุทธองค์
มาเปิดธรรมที่ถูกปิด นำคำสอนของพระพุทธองค์มารวบรวม
จัดหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ที่ศึกษารู้ตามคำสอนพระพุทธองค์ได้เข้าใจ และนำไปปฏิบัติ ให้ได้ความลึกซึ้งในธรรมวินัยของพระพุทธองค์
ได้มาเปิดเผยและ บอกสอนในคำสอนที่ถูกต้อง
ของพระพุทธองค์ แก่ผู้คน ที่รัก ศรัทธา ในพระพุทธองค์
-------
ท่านพระอาจารย์ศึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
(ผู้ที่มีอุปการะมากอย่างถึงที่สุด)
ที่ท่านได้เมตตานำธรรมวินัยของพระพุทธองค์
มาเปิดธรรมที่ถูกปิด นำคำสอนของพระพุทธองค์มารวบรวม
จัดหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ที่ศึกษารู้ตามคำสอนพระพุทธองค์ได้เข้าใจ และนำไปปฏิบัติ ให้ได้ความลึกซึ้งในธรรมวินัยของพระพุทธองค์
ได้มาเปิดเผยและ บอกสอนในคำสอนที่ถูกต้อง
ของพระพุทธองค์ แก่ผู้คน ที่รัก ศรัทธา ในพระพุทธองค์
-------
รัก ศรัทธา ตถาคต ในที่สุดโดยส่วนเดียว.
ความตั้งมั่นของพุทธศาสนา..
อยู่ที่ความตั้งมั่นของพระสัทธรรม
ด้วยบทพยัญชนะที่ถูกต้อง บทอธิบายความหมายมีนัยยะที่ถูกต้อง ฯ
.. ขอกัลยาณมิตร ร่วมแสดงความรัก ศรัทธา ในพระองค์ร่วมกัน ..
- นี้ คือ สิ่งประเสริฐ ที่ได้มาร่วมกัน
เป็นหน้าที่ ที่พึงควรกระทำ ที่แท้จริง ของการอยู่ในศาสนานี้ -
ในการมาสร้างเหตุในการได้สดับคำสอน เพื่อเป็นปัจจัย ให้สามารถเข้าถึงความจริงอันประเสริฐ และได้เปิดเผยธรรมที่เป็นสัจจะความจริง ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้นี้.
---------------------------------------------------------
**ร่วมกันปกปักรักษาคำสอนของพระพุทธองค์ ให้สืบต่อไป
เพื่อไม่ให้คำสอนพระพุทธองค์ เลือนหายไปจากโลก.
ด้วยการศึกษา น้อมนำมาปฏิบัติ และเผยแพร่
"พุทธวจน ธรรมวินัย จากพุทธโอษฐ์"
ความตั้งมั่นของพุทธศาสนา..
อยู่ที่ความตั้งมั่นของพระสัทธรรม
ด้วยบทพยัญชนะที่ถูกต้อง บทอธิบายความหมายมีนัยยะที่ถูกต้อง ฯ
.. ขอกัลยาณมิตร ร่วมแสดงความรัก ศรัทธา ในพระองค์ร่วมกัน ..
- นี้ คือ สิ่งประเสริฐ ที่ได้มาร่วมกัน
เป็นหน้าที่ ที่พึงควรกระทำ ที่แท้จริง ของการอยู่ในศาสนานี้ -
ในการมาสร้างเหตุในการได้สดับคำสอน เพื่อเป็นปัจจัย ให้สามารถเข้าถึงความจริงอันประเสริฐ และได้เปิดเผยธรรมที่เป็นสัจจะความจริง ที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้นี้.
---------------------------------------------------------
**ร่วมกันปกปักรักษาคำสอนของพระพุทธองค์ ให้สืบต่อไป
เพื่อไม่ให้คำสอนพระพุทธองค์ เลือนหายไปจากโลก.
ด้วยการศึกษา น้อมนำมาปฏิบัติ และเผยแพร่
"พุทธวจน ธรรมวินัย จากพุทธโอษฐ์"
พุทธวจน (พุด-ทะ-วะ-จะ-นะ)
พุทธะ คือ พระพุทธเจ้า
วจนะ คือ คำพูด
แปลรวมว่า..
"คำตรัสจากพระโอษฐ์ ของพระพุทธเจ้า"
(พระโอษฐ์ แปลว่า ปาก)
พุทธะ คือ พระพุทธเจ้า
วจนะ คือ คำพูด
แปลรวมว่า..
"คำตรัสจากพระโอษฐ์ ของพระพุทธเจ้า"
(พระโอษฐ์ แปลว่า ปาก)
..ขอกัลยาณมิตร
อนุเคราะห์ เมตตา แชร์ให้ผู้อื่นได้สดับ ได้อ่าน ได้ทราบ
ในคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อน้อมนำธรรมวินัยนั้นมาศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติ เพื่อให้ได้ซึ่งประโยชน์ เป็นเหตุทำปัญญาได้เกิดขึ้นในธรรมที่เป็นสัจจะ(ความจริง) ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสรู้ และบัญญัติบอกสอนไว้.
----------------------------------------------------------
อนุเคราะห์ เมตตา แชร์ให้ผู้อื่นได้สดับ ได้อ่าน ได้ทราบ
ในคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อน้อมนำธรรมวินัยนั้นมาศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติ เพื่อให้ได้ซึ่งประโยชน์ เป็นเหตุทำปัญญาได้เกิดขึ้นในธรรมที่เป็นสัจจะ(ความจริง) ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสรู้ และบัญญัติบอกสอนไว้.
----------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น