21 ตุลาคม 2562

#คณะอภิญญาโลกอุดรทั้งห้า

#คณะอภิญญาโลกอุดรทั้งห้า

คณะหลวงปู่ใหญ่ หรือ หลวงปู่โลกอุดรมิได้มีเพียงองค์เดียวนะลูกหลานเอ๊ย๚  มีหลายองค์ด้วยกัน  เรียกว่าเป็นคณะทำงานเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ ปี ตามพุทธพยากรณ์

ในคณะทำงานนั้นแบ่งหน้าที่กันเป็น ๕ ด้าน มีรายนามตามตำนาน ๕ พระองค์ด้วยกัน ดังนี้ คือ....

๑. หลวงตาดำ หรือ หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า
 บรมครูสูงสุดแห่งคณะเทพโลกอุดร  การเรียก "หลวงปู่ใหญ่" ก็เกิดจากท่าน เพราะท่านอยู่ในฐานะใหญ่ที่สุดในคณะโลกอุดร

๒. ขรัวเศียรบาตร หรือ หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า เป็นศิษย์น้องและน้องชายของหลวงตาดำ

๓. หลวงปู่โพรงโพธิ์ หรือ หลวงปู่มูนียะเถระเจ้า (หลวงปู่อิเกสาโร) เป็นศิษย์เอกขององค์หลวงตาดำ  พระมูนียะเถระเจ้า หรือ พระอิเกสาโร หรือ หลวงปู่โพรงโพธิ์ หรือ หลวงปู่เดินหน เป็นองค์เดียวกัน เป็นผู้ชำนาญทางเตโชกสิณ

๔. ขรัวแก้มแดง หรือ หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า  เป็นผู้ชำนาญเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ  เป็นผู้สำเร็จปรอท

๕. ขรัวขี้เถ้า หรือ หลวงปู่พระภูริยะเจ้า

เมื่อเกิดวิกฤติการณ์ต่างๆขึ้นในราชอาณาจักรที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ คณะหลวงปู่ใหญ่ทั้งห้านี้ท่านจะประชุมกัน แบ่งหน้าที่กันเพื่อสำแดงบุญฤทธิ์-อิทธิฤทธิ์ปกป้องและสืบสานพระพุทธศาสนา รวมทั้งการคุ้มครองส่งเสริมพุทธศาสนิกชนที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบให้ประสบความสุขความเจริญ เพื่อให้คนดีทำหน้าที่ปกป้องและสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป
             
คณะโลกอุดรทั้ง ๕ นี้ ท่านเป็นผู้ทรงอภิญญาชั้นสูง  มีวสีชำนาญในการเข้าออกฌานได้ตามปรารถนา ทั้งยังสามารถแสดงฤทธิ์อวตารหรือจำแลงแปลงตนให้เป็นคนหรือสัตว์ต่างๆได้ตามปรารถนา แต่ท่านจะไม่ทำพร่ำเพรื่อ จะแสดงฤทธิ์เท่าที่จำเป็นสูงสุด เพื่อกิจจำเป็นและสำคัญที่สุดเท่านั้น  เพราะพระพุทธเจ้าไม่ส่งเสริมให้ภิกษุแสดงฤทธิ์ 

ในบรรดา ๕ ท่านนี้ ;  - “หลวงตาดำ” คือ “#พระอุตตระเถระ” เป็นองค์สำคัญที่สุด  ท่านมีอายุยาวนานมากว่าพันปีมนุษย์  ถือเป็นองค์ประธานของคณะโลกอุดร

- รองลงมาคือ “ขรัวเศียรบาตร” องค์นี้มีฤทธิ์และบุญญาธิการสูงส่ง มีฐานะเป็นน้องและศิษย์น้องของหลวงตาดำ

- รองลงมาอีกก็คือ “หลวงปู่โพรงโพธิ์”  องค์นี้ท่านสำเร็จธรรมชั้นสูงมักเป็นตัวแทนของหลวงตาดำหรือหลวงปูใหญ่ไปโปรดสัตว์หรือไปทำภาระหน้าที่ต่างๆ แทนองค์หลวงปู่ใหญ่เสมอๆ  ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากหลวงปู่ใหญ่ให้แสดงฤทธิ์ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต  ท่านจึงปรากฏกายแสดงฤทธิ์โปรดสัตว์บ่อยๆเป็นที่เล่าขานมากที่สุดในบรรดาศิษยานุศิษย์

ดังนั้นศิษย์ส่วนใหญ่ที่ได้พบเห็นหลวงปู่ใหญ่ก็คือได้เห็น “หลวงปู่โพรงโพธิ์” นั่นเอง

หลวงปู่โพรงโพธิ์ คือ องค์ที่มีหน้าตาหนุ่มแต่เกศาขาวโพลน ภาพลักษณ์ของท่านเป็นหน้าตาเดียวกันกับพระครูใบฎีกาพรหม จ.สิงห์บุรี โดยที่ท่านพระครูพรหมองค์นี้ก็คืออวตารของพระโลกอุดรเช่นกัน

เมื่อศิษย์หลวงปู่ใหญ่ทุกคนในยุคหลังๆมานี้ได้รับนิมิต คือ หลวงปู่ใหญ่มาบอกกล่าวสั่งสอน ก็มักจะเห็นเป็นภาพพระครูใบฎีกาพรหม  แต่ไม่แน่อาจจะเป็นภาพโครงกระดูก ภาพเทวดา ภาพสัตว์ต่างๆ ตามแต่หลวงปู่ใหญ่ตั้งใจจะสอนธรรมแก่ลูกศิษย์ในเรื่องอะไร

- องค์ต่อมาคือ “ขรัวแก้มแดง” องค์นี้ชำนาญในสมาบัติ ๘ และยังสามารถทางเล่นแร่แปรธาตุ เหล็กไหล ไพรดำ ปรอทกายสิทธิ์  ท่านชำนาญด้านนี้มาก สำเร็จธาตุ สำเร็จปรอท สามารถใช้ฤทธิ์อธิษฐานให้ตัวท่านเองมีอายุยืนยาวได้เป็นกัปนับล้านปี ด้วยอำนาจฌานสมาบัติ ๘ และอานุภาพปรอทกายสิทธิ์

การที่เรียกท่านว่า “ขรัวแก้มแดง” ก็เพราะเมื่อท่านอมปรอทวิเศษไว้ในปากข้างใดก็ตาม แก้มข้างนั้นจะแดงระเรื่อๆ ขึ้นมา  แล้วเปลี่ยนไปอมอีกด้าน แก้มอีกด้านก็จะแดงขึ้นมาแทน   ท่านจึงมีนามเรียกตามลักษณะดังกล่าวว่า “ขรัวแก้มแดง”

การหุงปรอทของท่านนั้นนอกจากหุงไว้ใช้เองแล้ว  ท่านยังหุงไว้มอบให้ผู้มีบุญ เช่น พระโพธิสัตว์ พระอริยเจ้า หรือ ผู้ทรงฌาน  โดยปรอทสำเร็จของท่านบางส่วน ได้ฝากฝังไว้ตามแผ่นผา โขดหิน ผนังถ้ำ รอคอยผู้มีบุญมาค้นพบและนำไปเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อสังคมพระพุทธศาสนาสืบไป  เพื่อเป็นมิ่งขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป 

อิทธิฤทธิ์-บุญฤทธิ์ของคณะโลกอุดรทั้ง ๕ นี้ โดยหลักใหญ่แล้วก็เพื่อเป็นขวัญพลังใจให้ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ทุกฝ่าย ทุกแขนง ได้ช่วยกันสืบทอดพระพุทธศาสนาให้สืบทอดต่อไปตามพุทธพยากรณ์ถึง พ.ศ. ๕๐๐๐ นั่นเอง.

- องค์ต่อมา คือ "ขรัวขี้เถ้า" ท่านเป็นผู้ชำนาญทางเตโชกสิณ  หรือ กสิณไฟ คือการใช้ไฟในการเผากิเลสตัณหา และใช้ไฟเป็นสัญลักษณ์ให้ผู้คนไม่หลงใหลติดยึดในวัตถุ หลังจากเผาไฟแล้วทุกสิ่งก็จะเหลือแต่ขี้เถ้า จึงขนานนามท่านว่า "ขรัวขี้เถ้า"   พระสงฆ์ผู้เป็นสาวกในสายนี้เมื่อท่านได้รับของถวายมาจากญาติโยมท่านจึงมักเผาไฟให้เป็นที่ประจักษ์ เช่น ท่านหลวงพ่อกบแห่งเขาสาลิกา ท่านหลวงปู่สรวงเทวดาเดินดิน เป็นต้น

เรื่องราวหลวงปู่ใหญ่ เล่าไปเท่าใดไม่มีวันหมด เพราะมีมากมาย ผ่านกาลเวลามายาวนาน และเป็นอจินไตย 

การเล่าเรื่องราวของหลวงปู่ใหญ่ ไม่ว่าครั้งนี้หรือครั้งใดๆ ทั้งที่ผ่านมาและกาลเบื้องหน้า  ไม่หวังให้ลูกหลานติดยึดในอิทธิฤทธิ์ใดๆทั้งสิ้น เพราะแม้เป็นเรื่องจริงของผู้มีอภิญญาขั้นสูง แต่นั่นไม่ใช่แก่นแท้  ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ นะลูกหลาน   ที่เล่าก็เพื่อเจริญศรัทธาหวังให้ลูกหลานทั้งหลายตระหนักรู้ว่า ความเป็นหลวงปู่ใหญ่นี้ เกิดมีขึ้นและดำรงอยู่ เพื่อรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นมิ่งขวัญพลังใจแก่ลูกหลานทุกคนตลอดไป..   นะลูกหลานเอ๊ย๚
--------------------------
#หลวงปู่เทพโลกอุดร.

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...