เรื่อง “นิพพิทาญาณ มองเห็นว่าโลกนี้น่าเบื่อหน่าย”
(โอวาทธรรม ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
(วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ)
เหตุใดพระพุทธเจ้าจึงทรงเบื่อหน่ายโลก ?
ก็เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า คนเราที่เกิดมาในโลกนี้
มีอะไรบ้างที่เป็นสิ่งสมใจของเรา ? พ่อแม่หรือ ?
ญาติพี่น้องหรือ ? ข้าทาสบริวารหรือ? เพื่อนฝูงมิตรสหายหรือ ? เงินทองทรัพย์สมบัติหรือ ? สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่จะสมใจเราสักอย่างเดียว
เมื่อเป็นอยู่อย่างนี้แล้ว เราจะมาทนนั่งอยู่ นอนอยู่ในโลกนี้ทำไม ? ทรงคิดได้เช่นนี้ พระองค์จึงเสด็จออกบรรพชา เพื่อค้นหาหนทางที่จะไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
จงคิดดูให้ดีว่า
๑.) โลกนี้มิใช่ของเรา แล้วเราจะมานั่งเฝ้าโลกกันอยู่อย่างนี้ละหรือ ? ไม่ช้าเราก็จะต้องจากมันไปอย่างแน่ๆ ดังนั้นเราจึงไม่น่าหลงติดอะไรอยู่
๒.) จิตของเราก็ไม่ต่างอะไรกับลูกฟุตบอล ที่ถูกเขาย่ำยีบีฑา ประหัตประหารให้ได้รับความคับแค้นใจอยู่ทุกขณะ
๓.) เราต้องการความสุขหรือความทุกข์ ? ทุกคนคงจะต้องการแต่ความสุขไม่ต้องการความทุกข์
แต่อะไรเล่าเป็นความสุขอันแท้จริงของตัวเรา ?
เราคิดว่า “กิน” นี่แหละคงจะเป็นความสุขแน่ละ เราก็พยายามไปหามาให้มันกิน ครั้นกินๆ เข้าไปมากก็เกิดอึดอัดไม่สบายอีก คิดว่า “นอน” นี่แหละต้องเป็นความสุขแน่ละ เราก็นอน…นอน วันยังค่ำจนหลังมันแข็ง ก็เกิดความไม่สบายอีก คราวนี้คิดว่า “เงินทองทรัพย์สมบัติ” นี่แหละคงเป็นความสุขแน่นอน เราก็พยายามไปหาเงินทองมาใช้จนเต็มที่ แต่มันก็ไม่สุขอีก แล้วอะไรเล่า…ที่เป็นความสุขอันแท้จริง ?
ความสุขที่แท้จริง ย่อมเกิดจาก บุญกุศล คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ ใจที่พ้นจากทุกข์โทษความดิ้นรน ไม่มีกระสับกระส่ายเดือดร้อนกระวนกระวาย
ถ้าใครมานั่งหลงโลกติดโลก ว่ามันเป็นของดีวิเศษวิโสอยู่นั่น มิใช่นิสัยของบัณฑิตผู้ใฝ่ใจในธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเราจงพากันตั้งอกตั้งใจประกอบบุญกุศล เพื่อจะให้เป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้ นั่นแหละ่จะเป็นหนทางที่ถูกต้องบ้างที่เป็นสิ่งสมใจของเรา ? พ่อแม่หรือ ?
ญาติพี่น้องหรือ ? ข้าทาสบริวารหรือ? เพื่อนฝูงมิตรสหายหรือ ? เงินทองทรัพย์สมบัติหรือ ? สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่จะสมใจเราสักอย่างเดียว
เมื่อเป็นอยู่อย่างนี้แล้ว เราจะมาทนนั่งอยู่ นอนอยู่ในโลกนี้ทำไม ? ทรงคิดได้เช่นนี้ พระองค์จึงเสด็จออกบรรพชา เพื่อค้นหาหนทางที่จะไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
จงคิดดูให้ดีว่า
๑.) โลกนี้มิใช่ของเรา แล้วเราจะมานั่งเฝ้าโลกกันอยู่อย่างนี้ละหรือ ? ไม่ช้าเราก็จะต้องจากมันไปอย่างแน่ๆ ดังนั้นเราจึงไม่น่าหลงติดอะไรอยู่
๒.) จิตของเราก็ไม่ต่างอะไรกับลูกฟุตบอล ที่ถูกเขาย่ำยีบีฑา ประหัตประหารให้ได้รับความคับแค้นใจอยู่ทุกขณะ
๓.) เราต้องการความสุขหรือความทุกข์ ? ทุกคนคงจะต้องการแต่ความสุขไม่ต้องการความทุกข์
แต่อะไรเล่าเป็นความสุขอันแท้จริงของตัวเรา ?
เราคิดว่า “กิน” นี่แหละคงจะเป็นความสุขแน่ละ เราก็พยายามไปหามาให้มันกิน ครั้นกินๆ เข้าไปมากก็เกิดอึดอัดไม่สบายอีก คิดว่า “นอน” นี่แหละต้องเป็นความสุขแน่ละ เราก็นอน…นอน วันยังค่ำจนหลังมันแข็ง ก็เกิดความไม่สบายอีก คราวนี้คิดว่า “เงินทองทรัพย์สมบัติ” นี่แหละคงเป็นความสุขแน่นอน เราก็พยายามไปหาเงินทองมาใช้จนเต็มที่ แต่มันก็ไม่สุขอีก แล้วอะไรเล่า…ที่เป็นความสุขอันแท้จริง ?
ความสุขที่แท้จริง ย่อมเกิดจาก บุญกุศล คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ ใจที่พ้นจากทุกข์โทษความดิ้นรน ไม่มีกระสับกระส่ายเดือดร้อนกระวนกระวาย
ถ้าใครมานั่งหลงโลกติดโลก ว่ามันเป็นของดีวิเศษวิโสอยู่นั่น มิใช่นิสัยของบัณฑิตผู้ใฝ่ใจในธรรมของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นเราจงพากันตั้งอกตั้งใจประกอบบุญกุศล เพื่อจะให้เป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้ นั่นแหละ่จะเป็นหนทางที่ถูกต้อง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
อริยสัจ 4 และมรรคแปด
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...
-
หล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ปางเทศนา หลังพระปางอุ้มบาตร เนื้อเมฆพัด ลงรักปิดทอง สร้าง พ.ศ.๒๔๑๑ เจ้าพระคุณสมเด็จโต สร้างและปลุกเสก...
-
การจับพลังพระเครื่องนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีรูปแบบการใช้อยู่อย่างหลากหลายเพื่อให้ทราบว่า พระเครื่ององค์นี้ หรือวัตถุมงคล ชิ้นนี้ ...
-
https://youtu.be/V5b6fr4VMjU หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง - พลังจตุธาตุหนักแน่นเช่นเดิม มาเต็มๆ 100 ทุกพลังธาตุ ตามมาตรฐานหลวงปู่ทิม...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น