07 เมษายน 2562

วิธีใช้ปัญญาวิปัสสน


พอสมาธิเกิดจะเห็นแสงสว่างเหมือนแสงไฟฟ้า พิจารณาใช้ปัญญาวิปัสสนาต่อไป

“ พยายามทำจิตให้เป็นปกติสบาย ไม่ฟุ้งเฟ้อซ่านถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วภาวนาตั้งสติให้อยู่ในอารมณ์เดียว

พอสมาธิเกิดจะเห็นแสงสว่างเหมือนแสงไฟฟ้า พิจารณาใช้ปัญญาวิปัสสนาต่อไป ถ้าหากภาวนาเท่าไรๆ จิตไม่สงบลงได้ ท่านให้ใช้ปัญญาเลยทีเดียว พิจารณาธาตุขันธ์ปัญจกกรรมฐาน เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ หรืออการ ๓๒ หรืออะไรๆ ก็ได้ เช่น นรกสวรรค์ พุทธานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นต้น

คิดนึกไปไตร่ตรองไปใจมันจะสงบลงเอง เมื่อได้ใช้ปัญญาชั่วขณะหนึ่งและจิตสงบ ก็ให้พักอยู่ในสมาธินั้นสักครู่หนึ่ง คือภาวนาเรื่อยๆ ไป ให้จิตเป็นสมาธิมากๆ ขึ้น แล้วจึงหวนกับมาใช้ปัญญาต่อไป

ท่านเปรียบเหมือนกรรมกรทำงานแบกหาม เขาเรื่อมทำงานสองโมงเช้า พอเที่ยงเขาก็หยุดพักจริงๆ บ่ายโมงเขาก็เริ่มทำงานใหม่ จนบ่ายสี่โมงเย็นก็หยุดเลิกงาน คือทำงานเหนื่อยแล้วก็ต้องหยุดพักผ่อนชั่วคราว จึงทำงานต่อไปใหม่

การปฏิบัติทางจิตต้องทำอย่างนี้ ต้องให้จิตมีเวลาได้พักผ่อนบ้าง ขืนใช้ปัญญาตะบันไปไม่ถูกหลัก ขืนสงบเป็นสมาธิเสียเรื่อยก็ไม่มีประโยชน์ มันเหมือนกับสมาธิหัวหลักหัวตอ เป็นเสาไม้ตั้งโด่ไมมีประโยชน์อะไรเลย หรือเวลาที่จิตสงบเกิดนิมิตเห็นโน่นเห็นนี่ มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ให้พิจารณาสังขารว่าเป็นปฏิกูล ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตน ดูๆ ไปจนจิตละคลายความยึดมั่นถือมั่น ว่า เป็นอนัตตา ตัวตน สัตว์ บุคคล หญิง ชาย นั่นของเราของเขา พิจารณาจนเกิดเบื่อหน่ายในสังขารนี้ ให้ท่องคาถา ๒ บทนี้ไว้ให้ขึ้นใจ คือ...

สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธัมมา อนัตตา ติ.

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...