25 มกราคม 2565

#คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า


ในสมัยหนึ่ง มีคนเขาหาท่าน (หมายถึงองค์หลวงพ่อ) แต่เขาส่งหนังสือมาให้ เวลานั้นเป็นเวลาค่ำ ท่านบอกว่าเวลาค่ำอย่างนี้อ่านหนังสือไม่ออกจะต้องจุดไฟ แล้วก็ใช้กระแสไฟอ่าน พอตกเวลากลางคืนก็ปรากฏว่าเวลาที่ท่านเจริญพระกรรมฐาน ก็ใช้กำลังของอภิญญาหก ส่งจิตโดยใช้มโนมายิทธิ ขึ้นไปนมัสการสมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาที่จุฬามณีเจดีย์สถาน พอไปถึงที่กราบองค์สมเด็จพระพิชิตมาร พอเงยหน้าขึ้นท่านก็บอกว่าตามธรรมดานี่พระถึงไม่มีแสงไฟก็ควรจะอ่านหนังสือออก ท่านก็ถามว่าทำอย่างไรจึงจะอ่านหนังสือออกพระพุทธเจ้าข้า สมเด็จ พระบรมมาครูตรัสว่าเป็นทิพพจักขุญาณของเธอมีแล้ว แต่อาศัยที่เป็นผู้ปรารถนาพุทธะภูมิมาเดิม ทิพพจักขุญาณจึงไม่แจ่มใสเหมือนพระอริยะเจ้า ฉะนั้นเพื่อจะให้ความแจ่มใสเกิดขึ้นเห็นภาพชัดเจน

ควรปฏิบัติอย่างนี้ควรจะให้คาถานี้ไปภาวนาจนกว่าจะเป็นฌานสมาบัติ เรื่องฌาณนี่เรื่องเล็กท่านว่าจะคว้าอะไรมามันก็เป็นฌาณทันที เพราะมีการคล่องตัวอยู่แล้วคาถาก็เห็นจะเป็นมงกุฎพระพุทธเจ้า ท่านบอกอย่างนี้

อิติปิ โส วิเสเสอิ
อิเสเสพุทธนาเมอิ
อิเมนา พุทธตังโสอิ
อิโสตัง พุทธปิติอิ

พระองค์ตรัสว่า คาถานี้ถ้าไปเรียนและภาวนาทำให้เป็นฌาณ นิมิตต่างๆจะแจ่มใส คนที่ตาไม่ดีก็อ่านหนังสือออกได้ และมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามประสงค์  ถ้าใช้คาถานี้เป็นฌาณ ทรงย้ำมาว่ามืดๆก็อ่านหนังสือออก  ท่านก็มาทำ มาทำได้ไม่นานทำเพียงชั่วครู่จิตเข้าถึงฌาณสี่ ทรงฌาณสี่สบายๆ ก็เลยว่ากันถึงฌาณแปด ถึงฌาณแปดสบาย ก็หลบลงไปถึงฌาณสี่ในรูปฌาณ ทำไปทำมาก็ลองหลับตาอ่านหนังสือก็อ่านหนังสือออก แต่วิธีนี้ท่านจะใช้ทั่วๆไปไม่ได้ เอาไว้แต่เมื่อมันจำเป็น จำเป็นจริงๆไม่ต้องหยิบหนังสือมา เป็นแต่เพียงนึกว่าจะอ่านหนังสือ มันก็เข้าใจว่าหนังสือฉบับนั้นเขาว่าอย่างไร
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
จากหนังสือพ่อรักลูก ๓ หน้า ๓๕๖

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...