วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง คือวันอาสาฬหบูชา คำว่า “อาสาฬหบูชา” แปลว่า การบูชาในเดือนอาสาฬห ทำไมจึงมีการบูชาในเดือนอาสาฬห เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าพระบรมศาสดาได้ทรงแสดงธรรมครั้งแรกให้แก่สัตว์โลก หลังจากที่พระองค์ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา พระองค์ก็ทรงใช้เวลาใคร่ครวญพิจารณาอยู่ระยะหนึ่งว่าควรที่จะนำความรู้ที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้มาเผยแผ่ให้แก่สัตว์โลกหรือไม่ ในเบื้องต้นก็มีความท้อแท้พระทัยไม่อยากที่จะสั่งสอนใคร เพราะทรงเห็นว่าสิ่งที่พระองค์จะทรงสั่งสอนเป็นสิ่งที่ยากสำหรับมนุษย์ปุถุชน ที่ยังอยู่ภายใต้อำนาจของโมหะอวิชชากิเลสตัณหา แต่หลังจากที่ทรงได้ใคร่ครวญอยู่ก็ทรงเห็นว่า บุคคลนี้มีไม่เหมือนกัน ทรงแบ่งความรู้ความสามารถไว้เป็น ๔ จำพวกด้วยกัน ทรงเปรียบเหมือนกับบัว ๔ เหล่า มีอยู่ ๓ จำพวกที่อยู่ในวิสัยที่จะเรียนรู้และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ได้ มีอยู่พวกหนึ่งที่ไม่สามารถที่จะเรียนรู้และปฏิบัติตามได้ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยที่จะนำความรู้อันประเสริฐที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ได้ทรงปฏิบัติจนพระทัยของพระองค์ได้หลุดพ้นออกจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด จึงมุ่งไปหาบุคคลที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว คือบรรดานักบวชทั้งหลาย นักบวชที่มีทั้งศีล มีทั้งสมาธิพร้อมอยู่แล้ว จะเป็นผู้ที่มีความสามารถที่จะรับความรู้ที่จะเป็นปัญญานี้เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทันที ได้ในขณะที่ฟังธรรมเลย
จึงทรงนึกถึงพระปัญจวัคคีย์ผู้ที่เคยศึกษาปฏิบัติร่วมกับพระองค์มา ทรงเห็นว่าพระปัญจวัคคีย์มาพร้อมด้วยศีล ด้วยสมาธิ แต่ขาดเพียงอย่างเดียวคือปัญญา ความรู้ที่จะทำให้จิตได้หลุดพ้นออกจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยมุ่งไปหาพระปัญจวัคคีย์และได้พบกับพระปัญจวัคคีย์ในวันเพ็ญเดือน ๘ อย่างในวันนี้ เมื่อได้พบกันในตอนบ่าย พระองค์ก็ทรงแสดงธรรมให้แก่พระปัญจวัคคีย์ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเป็นครั้งแรกนี้ที่เราเรียกว่า “พระปฐมเทศนา” มีชื่อว่า “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” เป็นธรรมที่พระองค์ทรงแสดงแก่นของพระพุทธศาสนา คือ พระอริยสัจ ๔ และ มรรค ๘ ที่เป็นทางดำเนินสู่การหลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด หลังจากที่พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมเทศนาเสร็จ หนึ่งในพระปัญจวัคคีย์คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ก็มีดวงตาเห็นธรรม เข้าใจถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า สามารถน้อมเอาเข้ามาปฎิบัติดับกิเลสตัณหาในขั้นที่ ๑ คือขั้นของพระโสดาบันได้ ทำให้สามารถปิดประตูแห่งอบายได้ และตัดภพตัดชาติให้เหลือเพียง ๗ ชาติเป็นอย่างมาก ถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติขึ้นสูงกว่าระดับที่ได้บรรลุ ถ้าเกิดมีเหตุทำให้ตายไปก่อน ก็จะกลับมาเกิดใหม่ไม่เกิน ๗ ชาติ แล้วก็จะสามารถปฏิบัติเพื่อให้ขึ้นไปต่อ สู่ขั้นที่สูงต่อไปได้ จนถึงขั้นสูงสุดโดยที่ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธศาสนามาสอนมานำทาง
เพราะพระโสดาบันนี้เป็นผู้มีพระศาสนาประดิษฐานอยู่ในใจ มีพระธรรมของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ในใจ ถึงแม้ว่าร่างกายจะตายไปแต่ใจนี้ไม่ได้ตายไปกับร่างกาย ใจที่มีพระพุทธศาสนาอยู่ในใจก็สามารถที่จะบำเพ็ญต่อได้ หลังจากที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็จะบำเพ็ญไปจนถึงขั้นพระนิพพานได้ ขั้นพระอรหันตสาวกได้ เพราะคำว่า “โสดา” ก็คือ แปลว่ามาจากคำว่า “โสตะ” โสตะนี่แปลว่ากระแส กระแสสู่พระนิพพาน โสตะเป็นผู้เข้าสู่กระแสของพระนิพพาน “โสดาบัน” ผู้ที่ได้บรรลุเป็นโสดาบันแล้วนี้จะไม่มีทางกลับไปเป็นปุถุชนอีกต่อไป จะมีแต่มุ่งไปสู่พระนิพพาน ออกจากวัฏสงสาร วัฏฏะแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ไม่เกิน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่มี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปรากฏขึ้นมาครบองค์ มีพระพุทธเจ้าเป็นผู้แสดงพระธรรมคำสอน มีผู้ฟังคือพระอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุเป็นพระอริยสงฆ์สาวกขึ้นมา จึงมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ครบองค์ จึงถือว่าเป็นวันก่อตั้งพระพุทธศาสนา เป็นวันเกิดของพระพุทธศาสนาขึ้นมา พระพุทธศาสนานี้จำเป็นจะต้องมีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จึงจะสามารถตั้งอยู่ได้เป็นเวลาอันยาวนาน ถ้ามีเพียงแต่พระพุทธเจ้าโดยที่ไม่มีการประกาศพระธรรมคำสอน ก็จะไม่มีพระอริยสงฆ์สาวก ถ้าพระพุทธเจ้าได้ทรงตัดสินพระทัยไม่สั่งสอน พระองค์ก็จะทรงไม่แสดงธรรม พระธรรมคำสอนก็จะไม่มาปรากฏขึ้นมาในโลกนี้ เมื่อไม่มีพระธรรมคำสอนก็จะไม่มีผู้มาศึกษา เมื่อไม่มีผู้ศึกษาก็จะไม่มีผู้ที่จะบรรลุเป็นพระอริยสงฆ์สาวก ก็จะไม่มีใครที่จะสืบทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว คือตายจากโลกนี้ไปแล้ว ก็จะไม่มีศาสนาพุทธอยู่ต่อไป
แต่ถ้ามีพระพุทธเจ้า มีพระธรรมคำสอน มีพระอริยสงฆ์สาวก ก็จะมีการอนุรักษ์รักษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้อยู่คู่ไปกับโลกได้เป็นเวลาอันยาวนาน จึงปรากฏมีพระพุทธศาสนาขึ้นมา วันนี้จึงถือว่าเป็นวันก่อตั้งของพระพุทธศาสนา หรือวันเกิดของพระพุทธศาสนาก็ได้ ถ้าเราอยากจะรู้ว่าอายุของพระพุทธศาสนามีอายุยาวเท่าไหร่ในขณะนี้ ก็ให้เอาปี พ.ศ. เช่นปีนี้ พ.ศ. ๒๕๖๑ บวกกับ ๔๕ เพราะว่าพระพุทธเจ้านั้นทรงสั่งสอนอยู่ ๔๕ ปี ก่อนที่จะเสด็จจากโลกนี้ไป พระพุทธศักราชนี้เราเริ่มนับตั้งแต่วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จจากโลกนี้ไป ดังนั้นปีนี้ ๒๕๖๑ เป็น ๒๕๖๑ ปีที่พระพุทธเจ้าได้จากพวกเราไป แต่พระพุทธศาสนานี้เกิดก่อนที่พระพุทธเจ้าจะจากเราไป ๔๕ ปี ดังนั้นอายุของพระพุทธศาสนาต้องบวกกับอีก ๔๕ ปี ๒๕๖๑ บวกกับ ๔๕ ก็ได้ ๒,๖๐๖ ปี (๒๕๖๑+๔๕=๒๖๐๖) นี่คืออายุของพระพุทธศาสนา และจะอยู่ต่อไปคู่กับโลกได้นาน ๕,๐๐๐ ปีด้วยกัน อันนี้เป็นคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้า ที่ทรงได้ตรัสไว้ในโอกาสที่มีพระพุทธมารดาเลี้ยง ได้นำเอาผ้าไตรจีวรที่ทรงตัดเย็บด้วยพระองค์เอง เอามาถวายให้แก่พุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงปฏิเสธถวายถึงสามครั้ง ก็ทรงปฏิเสธทั้งสามครั้งว่าไม่ขอรับเป็นของตน ให้ถวายเป็นของสงฆ์ คือให้ถวายเป็นสังฆทาน
คำว่า สังฆทาน คือไม่เจาะจงให้กับพระรูปใดรูปหนึ่ง ให้เป็นสมบัติรวม เป็นสมบัติส่วนกลางของพระทุกรูป ให้พระที่อยู่ร่วมกันได้พิจารณาว่าพระรูปใดขาดแคลนผ้า ก็ให้พระรูปนั้นรับไปใช้ สาเหตุที่ให้ถวายเป็นสังฆทานเพราะว่าจะได้มีพระสงฆ์อยู่กับพระพุทธศาสนาไปนานๆ นั่นเอง ถ้ามีแต่ญาติโยมถวายผ้าให้กับพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้ถวายให้กับพระภิกษุรูปอื่น พระภิกษุรูปอื่นก็จะอยู่อย่างอดอยากขาดแคลน และอาจจะอยู่ไม่ได้ อาจจะต้องลาสิกขาไป ก็จะไม่มีพระภิกษุสงฆ์มาศึกษา มาปฏิบัติ มาสืบทอดพระศาสนานั่นเอง พระพุทธเจ้าจึงทรงบอกกับพระพุทธมารดาเลี้ยงว่า ให้ถวายผ้านี้เป็นสังฆทานเพื่อจะได้อนุรักษ์รักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ได้นานถึง ๕,๐๐๐ ปี นี่คือเรื่องของการถวายสังฆทาน คือพระองค์ต้องการให้ดูแลพระภิกษุทุกๆรูป ให้มีปัจจัย ๔ พอเพียงทั่วถึงกัน ไม่ให้ไปเลือกที่รักมักที่ชังกับพระรูปใดรูปหนึ่ง ชอบพระรูปนี้แต่ไม่ชอบพระรูปนั้น ก็ไปถวายแต่พระที่เราชอบ พระที่เราไม่ชอบก็อาจไม่มีใครดูแล ก็อาจจะทำให้ไม่มีพระมาบวชกัน นี่คือเรื่องคำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาว่า จะอยู่ได้นานไม่นาน ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่การสนับสนุนของพุทธบริษัท ของศรัทธาญาติโยม ให้สนับสนุนกับสงฆ์เป็นส่วนรวม เพื่อที่สงฆ์จะได้อยู่กันอย่างร่มเย็นผาสุข ไม่มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในเรื่องปัจจัย ๔ นี่คือเรื่องของพระพุทธศาสนาที่ปรากฏขึ้นมา ให้ปรากฏเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกอย่างพวกเรา ปรากฎขึ้นมาในวันอาสาฬหบูชานี้ ถ้าเราไม่มีพระพุทธศาสนา พวกเรานี้ก็จะไม่มีผู้นำผู้สอน ผู้ที่จะพาให้เราได้ออกจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑
#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ขอบคุณภาพจาก วิกิพีเดีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น