สมเด็จองค์ปฐม ทรงมีพระเมตตาตรัสสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้
๑. การนอนในท่าสีหไสยาสน์เป็นของดี แต่มิใช่ว่าจักต้องอยู่ในท่านั้นเสมอไป และที่คุณหมอคิดว่า ถ้าหากนอนอยู่ในท่าเดียวก็ทนไม่ไหว จักต้องพลิกเปลี่ยนท่าไปตามสภาวะของร่างกายบ้างนั้น เป็นการถูกต้องแล้ว ดูแต่การนั่งขัดสมาธิตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่นก็เช่นกันเป็นของดี แต่พึงเป็นเฉพาะบางเวลา ถ้าปวดถ้าเมื่อยก็เปลี่ยนท่านั่งได้ฉันใด การนอน สีหไสยาสน์ก็ฉันนั้น
๒. อย่าลืมกรรมฐานอยู่ที่จิต แต่จิตก็อาศัยอยู่ในกาย มิใช่กายจักอย่างไรไม่สำคัญ จะเอากรรมฐานอย่างเดียวนั้นก็ไม่ได้ ให้หาความพอดีของกายเอาไว้ด้วย ทุกๆ อิริยาบถของกาย พึงหาความเหมาะสมของความสบายของกายไว้ด้วย ถ้ากายถูกเบียดเบียน จิตก็พลอยถูกเบียดเบียนไปด้วย นี่เป็นอริยสัจ
๓. อนึ่ง การยืนนาน นั่งนาน นอนนาน เดินนาน เป็น อัตตกิลมถานุโยค ทั้งสิ้น ให้หาความพอดีของอิริยาบถ ๔ ไว้ด้วย
๔. สำหรับร่างกาย จักห้ามไม่ให้มันเสื่อมเลยนั้นไม่ได้ เพียงแต่เราคือจิตให้รู้จักหาอริยสัจ คือความเป็นจริงของร่างกายเอาไว้ด้วย ต้องรู้เท่าทัน และปฏิบัติในร่างกาย ความทุกข์ของร่างกายอันจักถูกเบียดเบียน ก็จักบรรเทาเบาบางลงไปด้วย
๕. ความพอดีของจิตก็มี ความพอดีของกายก็มี หาให้พบแล้วปฏิบัติตามนั้น
๖. เจ้าจักต้องไม่ลืมความจริงข้อนี้ การเจริญพระกรรมฐาน ต้องเข้าหาความจริงจึงจักเป็นของแท้ ให้เห็นกาย เห็นจิต เห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง การเจริญพระกรรมฐานจึงจักได้ผล
๗. เมื่อเห็นความไม่เที่ยงของกายสังขาร สัตว์ คน วัตถุธาตุ ก็พึงทำจิตอย่าให้มีความประมาทมากนัก สำรวจอารมณ์เข้าไว้เสมอ อย่าปล่อยอารมณ์ให้ฟูไปตามกิเลสมากนัก หมั่นนึกถึงความตายให้ถี่มากได้แค่ไหน ความประมาทก็จักน้อยลงแค่นั้น อย่าลืม รู้ลม รู้ตาย รู้นิพพาน
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้นเล่ม ๘ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๘ ตอน ๑
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
#สมเด็จองค์ปฐม4 #ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น4
ที่มา FB เอนก บวรไกรศรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น