หลวงปู่ : อันว่าเหล็กไหลนี้มันเกิดจากกสิณ ผู้ที่ไปฝึกฌานสมาบัติเพ่งกสิณ นั้นก็มีจิตวิญญาณ อะไรที่งอกได้โตได้..เหล่านี้เรียกว่ามีจิตวิญญาณมีชีวิต เรียกว่าเป็นพวกโอปปาติกะก็ดี สิ่งเหล่านี้โยมรู้ไปก็หามีประโยชน์อะไรไม่ เพราะไม่ทำให้โยมนั้นหลุดพ้นได้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ
สิ่งที่ดีคือโยมอยากมีเหล็กไหลมั้ยจ๊ะ แต่ธาตุโยมก็มีธาตุเหล็กอยู่แล้วนี่ โยมภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ เจริญมนต์พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ชินบัญชรน่ะ..สวดภาวนาอยู่บ่อยๆ ภาวนาให้มันเป็นอารมณ์แห่งฌาน เป็นสมาธิ ไม่นานมันจะเป็นอภิญญา จิตที่เราสวดภาวนาชินบัญชรมันฟอกอยู่ตลอดเวลา จิตมันจะไปฟอกธาตุขันธ์ จิตที่มันจะมีอำนาจฟอกธาตุขันธ์ให้บริสุทธิ์ ให้มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเจได้เพราะอะไร..มันด้วยอำนาจของฌานของจิต ก็คือจิตที่เรานั้นบริสุทธิ์
จิตที่บริสุทธิ์เป็นยังไง อารมณ์ของจิตที่บริสุทธิ์คือว่าจิตที่ไม่มีโมหะ โลภะ ราคะ จิตปราศจากนิวรณ์ จิตปราศจากความอาฆาตพยาบาท..นี้จิตที่เรียกว่าจิตบริสุทธิ์ จิตที่เข้าถึงความสงบ จิตที่ว่างแล้วนั่นแล เข้าใจมั้ยจ๊ะ ภาวนาชินบัญชรเข้าไป เราจะนับประคำก็ได้ ไอ้ลูกประคำนี้มีไว้ทำอะไร..เอาไว้คลำจิตเอาไว้คลำใจ จิตคือให้รู้อารมณ์ที่เราทำอยู่ ใจคือมีสติให้มันตั้งมั่น คลำไว้อย่างนี้..
เมื่อเราจะมาภาวนาบริกรรมพระคาถาชินบัญชร อ้าว..เราจะเอาสักกี่จบ การว่าตั้งจบ ๓ จบ ๑๐ จบ ๑๐๘ จบนี้เค้าเรียกว่าเป็นการเดินจงกรมจิต เข้าใจมั้ยจ๊ะ มีความตั้งปรารถนากำหนดจุดหมายปลายจงกรมไว้ เมื่อจิตมันผูกไว้จุดหมายปลายจงกรมอย่างนี้แล นี่เรียกว่าการฝึกสติอย่างหนึ่ง เป็นการฝึกการย่นระยะทางอย่างหนึ่ง
เพราะเมื่อโยมภาวนามากๆเข้าแล้ว ใจที่มันเห็นอริยสัจแล้ว มันเห็นตามความเป็นจริง มันเห็นว่าทุกข์ที่เกิดขึ้น เห็นความไม่เที่ยง เห็นการตั้งอยู่..ดับไปของอารมณ์ทั้งหลาย เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วจิตมันก็วาง จิตมันก็สงบได้ ไม่นานสมาธิมันก็บังเกิด ปัญญามันก็บังเกิด โยมก็จะตัดอารมณ์ทั้งหลายได้นั่นเอง เข้าใจมั้ยจ๊ะ
อย่างนี้..ทำอย่างนี้แล ร่างกายสังขารโยมก็จะมีธาตุกายสิทธิ์ เช่นว่าเป็นพระธาตุขึ้นมาบ้าง หรือว่าเกิดอุบัติเหตุแล้วก็แคล้วคลาดปลอดภัยอย่างนี้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ เอาแค่ป้องกันโรคระบาดได้ก็มีธาตุกายสิทธิ์แล้วในตัว เค้าเรียกว่ามีคุณวิเศษในตัว บุคคลที่จะเจริญฌานได้ เจริญสมาธิได้ ภาวนามนต์อยู่เป็นนิตย์ แผ่เมตตาเป็นประจำ นี่เค้าเรียกผู้มีคุณวิเศษอยู่ในตัว
คำว่า"คุณวิเศษในตัว" อสรพิษนี้จะไม่สามารถทำอะไรได้ แม้ง้างปากจะกัดก็จะเกิดนะจังงัง แม้จะเกิดอุบัติเหตุ ชีวิตก็ยังอยู่ เข้าใจมั้ยจ๊ะ แต่ยานยนต์ยานพาหนะไม่ได้ไปปลุกเสกไว้..มันคงไม่เหลือ แล้วถ้าโยมเชื่อในเรื่องนี้มันก็ทำให้เป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง นั้นโยมอย่าไปตามหาเลยไอ้ของวิเศษอะไร โยมทำตัวเองให้วิเศษจะดีกว่ามั้ยจ๊ะ
ในตัวเรามีทุกอย่างอยู่แล้วธาตุกายสิทธิ์ เพราะเรามีอะไร ดิน มีน้ำ มีลม มีไฟ ครบมั้ยจ๊ะ แต่แค่ไม่เป็นหนึ่งแค่นั้นเอง พอไม่เป็นหนึ่งมันก็ไม่เป็นก้อนไม่เป็นกำ เข้าใจมั้ยจ๊ะ นั้นเราต้องควบคุมอำนาจแห่งจิตให้ได้ ถ้าเราควบคุมได้..จิตนี้แหล่ะคือที่มีความวิเศษที่สุดแล้ว
พุทธคุณไม่ว่าจะเป็นเหล็กไหล ของอะไรก็ตาม เมื่อมีจิตของพระผู้ที่มีอภิญญา หรืออธิษฐานจิตไว้ แม้ท่านตายไปแล้ว..อำนาจแห่งจิตนั้นที่อยู่ในของมงคลในวัตถุ..ยังอยู่มั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : อยู่ครับ) ถูกต้อง..ยังอยู่ เพราะว่าของนั้นมันเป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม จิตสามารถไปอาศัยอยู่ได้ มันก็เป็นวัตถุอย่างหนึ่ง
เค้าถึงบอกว่าสมเด็จมีอยู่กี่องค์ก็ตาม มีพระอธิษฐานจิตไว้ นี้ถ้าโยมรู้เลยได้ว่าจิตของใครเป็นผู้ทำ มันก็จะปรากฏขึ้นมา เข้าใจมั้ยจ๊ะ เค้าจึงต้องมีเทวดามาคอยรักษาองค์พระ มันไม่ใช่ของที่ว่า..เค้าถึงบอกว่าดินที่แผ่นดินสยามจึงว่ามีราคาแพงมาก ก็องค์น้อยๆก็หลายบาทอยู่นะ ใช่มั้ยจ๊ะ
แต่มันสู้การมาอธิษฐานจิตปลุกเสกตัวเองไม่ได้หรอกจ้ะ ให้เรามีความเชื่อมีความตั้งมั่นในพระรัตนตรัย เมื่อเรามีความตั้งมั่นในพระรัตนตรัยแล้วเราจะมีหิริโอตับปะ มีความเกรงกลัวต่อบาป มีความละอาย เมื่อนั้นแล้วเราจะไม่กล้าทำความชั่ว ถ้าเราคิดจะทำมันก็จะละของมันเอง เข้าใจมั้ยจ๊ะ
ที่มา
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น