ในขณะนี้อยู่ติดที่ว่าพิพากษาโทษ คำว่าพิพากษาโทษ..เราจะได้เห็นอะไรได้บ้าง ได้มีอะไรเกิดขึ้น วิบัติภัยอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง..มีภัยสงคราม แล้วอะไรอีก..ภัยพิบัติ แล้วก็ภัยแห่งวัฏฏะ
ภัยสงครามคืออะไร ยักษ์นอกศาสนาห้ำหั่นฆ่าแกงกัน ใช่หรือเปล่า ไม่มีใครได้..ไม่มีใครเสีย มีแต่เสียอย่างเดียว เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ เป็นไปแต่กองซากปรัก วิญญาณทั้งหลาย สัมภเวสีเร่ร่อนทั้งหมด นี่คือภัยสงคราม..
แล้วก็ภัยพิบัติ เกิดจากอะไรอีก แล้วทำไมมันต้องเกิดพร้อมกันเล่า เพราะอะไร อย่าลืมว่าถ้าถึงเวลากรรมมันให้ผล ทุกอย่างมันต้องพร้อมกันทั้งหมด เหมือนคนที่จะบรรลุธรรม..ก็ต้องพร้อมด้วยบุญกุศล บารมี วาสนา เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าอะไรมันไม่เกื้อหนุนไม่พร้อมกัน..มันก็เกิดขึ้นได้ยาก
เหมือนการที่เราจะมาประพฤติปฏิบัติ มาฟังธรรม..มันต้องเกิดพร้อมกัน เกิดมีศรัทธาก่อน เกิดอยากจะปฏิบัติก่อน วาสนาเก่ามันต้องมาหนุน เหมือนกรรมเก่ากรรมดีมันมาหนุน ไอ้ที่เกิดเวรพยาบาทอาฆาต ยักษ์นอกศาสนามันเกิดขึ้น..เพราะวิบากกรรมมันอาฆาตกันมาตั้งนานแล้ว มันกำลังหาเวลาแล้ว..
เมื่อเวลามันได้พอดีของมันในวิบากกรรม มันก็เลยจุดชนวนความอาฆาต ความพยาบาท ความโลภ ความโกรธ ความหลง..มันก็มาพร้อมกันทั้งหมด เมื่อมันมีกำลังห้ำหั่นกันแล้วทีนี้..มันก็ไม่ต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งหลาย นี่เพราะว่าเค้าไม่มีสรณะเป็นที่พึ่ง เค้าก็เลยเรียกว่านอกศาสนา รู้จักนอกศาสนามั้ยจ๊ะ เค้าไม่มีศาสนาเป็นที่พึ่ง..
ดังนั้นเมื่อมันมีภัยพิบัติ ภัยสงครามเกิดขึ้น ภัยพิบัติเกิดจากอะไรได้บ้าง ธรณีพิโรธบ้าง ฟ้าพิโรธบ้าง มันเกิดจากดินน้ำไฟลม..มันแปรปรวน นี่คือความวิบัติ มันก็เกิดจากศีลทั้งนั้น เกิดจากความวิบัติของธรณี ของน้ำ ของดินฟ้าอากาศ..มันก็แปรปรวน ที่ไหนไม่เคยมีน้ำ ที่เป็นทะเลทรายมันก็มีน้ำได้ นั่นคือมันแปรปรวน ตอนนี้น้ำทั้งหลายก็จะไหลมาสู่รวมตัวกัน เข้าสู่เมืองหลวงบ้าง เข้าสู่ที่ตั้งที่ราบบ้าง ไหลมาจากทางเหนือบ้าง..
แล้วเมื่อมันมีธรณีเกี่ยวข้อง คำว่าธรณีเกี่ยวข้องก็คือแผ่นดินไหวบ้าง คำว่าแผ่นดินไหวนี้..เมื่อมันมีที่ตั้งของเขื่อนบ้าง อ่างเก็บน้ำบ้าง มันก็จะมีการแตกร้าว มีการสั่นสะเทือน น้ำมันก็มีมากขึ้นทีนี้ นี่เค้าเรียกว่าภัยพิบัติอย่างหนึ่ง..
เรามาดูภัยในวัฏฏะ ภัยในวัฏฏะคืออะไร ภัยในวัฏฏะก็คือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย คือที่มนุษย์มันจะพ้นไปไม่ได้ นั้นมนุษย์ที่จะอยู่รอดได้ในยุคนี้ คือมนุษย์ที่มีศีลมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ คืออาศัย ๓ ร่มโพธิ์ศรีนี้แลเป็นที่อยู่ที่อาศัย เราก็จะยกแผ่นดินสยามนี้เป็น ๓ ร่มโพธิ์ศรีขึ้นมาได้ เพราะเรามีสรณะเป็นที่พึ่งเป็นที่อาศัย..
เพราะว่าเรามีชาติ..ชาติคือแผ่นดิน ศาสนา..คือมีสรณะเป็นที่พึ่งที่อาศัย แล้วมีอะไรอีก..มีกษัตราที่เป็นประมุข เป็นพระโพธิสัตว์ กษัตริย์ทุกพระองค์นี้เค้าเรียกว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่มาจุติเกิด เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ ที่จะบำเพ็ญเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ดังนั้นที่ใดมีพระโพธิสัตว์ปกครองแผ่นดิน ที่นั่นจะร่มเย็นเป็นสุข พ้นจากภัยสงครามพ้นจากความวิบัติ..แต่ไม่พ้นจากภัยพิบัติไปได้ เพราะมันเป็นภัยธรรมชาติ เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ
ดังนั้นขอให้จงรู้ว่าเรานั้นมีความโชคดี ยังมีบุญวาสนาอยู่ ตราบใดที่มีพระโพธิสัตว์เจ้าโพธิสมภารมาปกครองแผ่นดิน แผ่นดินนั้นจะสามารถอยู่ได้ด้วยความสงบสุขอยู่ได้ แล้วใครก็ตามที่คิดทรยศแผ่นดิน ผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษด้วยวิบากกรรม เพราะอะไร..เพราะว่าพระมหาโพธิสัตว์หรือกษัตราทั้งหลายได้อธิษฐานไว้กับแผ่นดิน “หากอ้ายอีผู้ใดมันคิดทรยศต่อแผ่นดินแล้วไซร้ จะต้องมีอันเป็นไป..”
เพราะแผ่นดินนี้ไม่ได้เกิดให้ใครมาเป็นเจ้าของ แต่แผ่นดินนี้ถูกยกถวายให้เป็นพุทธบูชา เป็นธรรมบูชา สังฆบูชา..เพื่อที่จะเป็นร่มโพธิ์ศรีใหญ่ ให้มนุษย์ทั้งหลายได้มาประพฤติปฏิบัติสร้างคุณงามความดี ต่อไปจึงได้บอกว่าสยามนี้แลจะเป็นศูนย์กลางของศาสนาของโลก เพราะพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย..ไม่เว้นแม้ว่าพระศรีอริยเมตไตรยก็ยังมาตรัสรู้ มาจุติเกิดในสยาม เพราะสยามก็ชื่อว่าเป็นชมพูทวีปอย่างหนึ่งในอดีต
ดังนั้นจึงขอให้รู้ว่า..ทำไมจึงเกิดอริยเจ้าอริยสงฆ์มากที่สยามนี้ แล้วยุคนี้แลจะเป็นยุคของนาค ยุคของผ้าขาวที่จะเกิดขึ้นมาบำเพ็ญศีล บำเพ็ญบารมี เป็นยุคที่สามารถเข้าถึงมรรคเข้าถึงผล เข้าถึงนิพพาน แต่พ้นจากนี้ไปที่จะเข้ากลียุคแล้วก็จะปฏิบัติลำบากนัก เมื่อมีอมนุษย์จุติเกิดขึ้น ที่ว่าจะเบียดเบียนผู้ที่ทรงศีลทรงธรรม แต่เมื่อใดผู้ทรงศีลทรงธรรมได้มารวมตัวกันเป็นกองทัพ มารก็จะมีความพ่ายแพ้ลงไป ยำเกรงลงไป..
ดังนั้นแล้วศาสนาที่มันถูกทำให้เสื่อมลงไปๆก็จะถูกฟื้นฟูอีกครั้ง..ด้วยพระยาธรรมิกราช พระยาธรรมิกราชไม่ได้มีแต่ที่เกิดขึ้นมาแต่ผู้เดียวลำพัง แต่จะเกิดขึ้นมาด้วยญาณบ้าง ด้วยบารมีบ้าง ด้วยอธิษฐานจิตมาบ้าง เพื่อมากอบกู้จิตวิญญาณ ไม่ได้กอบกู้ศาสนา เพราะศาสนาไม่ได้เคยมีวันเสื่อมเลย แต่ที่เสื่อมคือจิตวิญญาณมนุษย์..ที่มันเสื่อมจากศีลจากธรรม จากคุณงามความดี เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ เมื่อเรากู้จิตวิญญาณของมนุษย์ขึ้นมาได้ ศาสนาก็จะมีความรุ่งเรืองไพบูลย์อีกครั้งหนึ่ง อย่างนี้..
นั้นฉันถึงบอกว่าการที่เราได้มาประพฤติปฏิบัตินี้ถือว่าโชคดีนัก และเป็นผู้จรรโลงศาสนาโดยแท้ ดังนั้นผู้ใดเป็นผู้จรรโลงศาสนาโดยแท้ หรือเรียกว่าเป็นสมณะก็อยู่ในศีลในธรรม ปฏิบัติข้อวัตรวินัยศาสนกิจของศาสนาก็ดี เป็นเนื้อนาบุญของพุทธบริษัทก็ดี เหล่านี้แล..ชื่อว่าเทวดาทั้งหลายย่อมปกปักรักษาคุ้มครอง ไม่ว่าสถานที่ใดก็ตามที่มีการเจริญมนต์ สวดมนต์ภาวนา เจริญศีลสมาธิปัญญาในทางเดินแห่งมรรค ย่อมมีเทพเทวดา ท้าวจตุโลกบาลทั้งหลายปกปักรักษาดูแลคุ้มครอง อย่างนี้
นี่คือเป็นเหตุที่จะเกิดขึ้น คือภัยสงคราม ภัยพิบัติ ภัยแห่งวัฏฏะ คำว่าภัยแห่งวัฏฏะทั้งหลายเหล่านี้คืออะไร เพื่อจะพิจารณาให้กระจ่างกว่านี้ นั่นก็หมายถึงว่าดวงจิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร วิบากกรรมทั้งหลายจะถูกพิพากษา ใครทำกรรมชั่วทั้งหลายแล้ว..กรรมชั่วนั้นย่อมให้ผลคือความเผ็ดร้อน ก่อนที่จะไปตกนรกหมกไหม้ ก็ต้องได้รับเสวยวิบากกรรมในทางโลกเสียก่อน ดังนั้นผู้ใดที่จะพ้นจากความเผ็ดร้อน พ้นจากทุกข์เหล่านี้ นั่นก็หมายถึงว่า..จะต้องอยู่ในศีลในธรรมเป็นเครื่องอยู่
คำว่า ๔ ปีเกิดมันจะเริ่มเกิด ๔ ปีดับก็จะเริ่มตายลงไป ประหัตประหารกันไป เค้าเรียกว่า ๔ ปีเกิด ๔ ปีดับ รวมเป็น ๘ ปี มันจะเป็นอย่างนี้อยู่ร่ำไปก่อน
นี่มันแค่เริ่มต้น แล้วรู้หรือเปล่าจ๊ะ..ว่าคู่อิจฉาคู่พยาบาทมันจะมาเป็นคู่ๆ ๑ คู่ ๒ คู่ ยังไม่ใช่คู่ใหญ่ พอคู่ใหญ่ทีนี้..มันจะรวมหัวกันเป็นขั้วกัน ว่าขั้วใคร..ขั้วใคร ทีนี้แลเค้าเรียกว่ามหาสงครามโลกจะเกิดขึ้น เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ รู้จักมหาภัยสงครามโลกมั้ยจ๊ะ
นี่ยังไม่ใช่มหาภัย แต่ว่ามันจะเป็นชนวนที่เกิดภัยสงครามโลก ความเป็นจริงแล้ว..สงครามโลกเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่เป็นมหาสงคราม เข้าใจหรือเปล่า แต่ตอนนี้มันจะเริ่มเป็นมหาสงครามแล้ว เพราะไม่มีการยำเกรงซึ่งกันและกัน ตราบใดไม่มีความยำเกรงซึ่งกันและกันแล้ว ความฉิบหายวายวอดทั้งหลายมันก็จะบังเกิดขึ้น เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหลายก็จะล่มสลายหายไป..
เค้าเรียกว่าเมืองจะร้าง นี่แหล่ะเค้าเรียกว่าถนนไม่มีคนเดิน บ้านไม่มีคนอยู่ ข้าวไม่มีคนกิน หมาไม่มีคนเลี้ยง มันเป็นอย่างนั้น นั้นเรายังมีสถานที่มีแผ่นดินให้รองรับอยู่ จงรู้คุณค่าของแผ่นดิน ของบรรพชนวีรชน บูรพกษัตริย์ทั้งหลายให้มาก ทุกครั้งที่เรานั้นเจริญกรรมดีเจริญกุศล..ให้ระลึกถึงอยู่บ่อยๆ
แล้วสิ่งที่เราจะทำได้..ก็แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ดวงจิตวิญญาณ ผู้ที่เค้ามีภัยพิบัติภัยสงคราม ให้เค้าพ้นจากภัย นั่นคือสิ่งที่เราทำได้ เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ แต่กรรมทั้งหลายเราไม่สามารถไปช่วยเค้าตัดกรรมได้ ใครทำกรรมสิ่งใดไว้..กรรมนั้นต้องให้ผล กรรมนั้นต้องสนอง อย่าไปเที่ยวไปรู้กรรมคนอื่นเค้าเลย แม้กรรมเราเองก็ลำบากแล้ว ที่เราจะฉุดช่วยตัวเองให้พ้นจากทุกข์..ทุกข์กายทุกข์ใจเหล่านี้
นั้นสิ่งที่เราทำได้..เมื่อเข้าถึงความสงบ เข้าถึงศีลสมาธิปัญญา เราก็แผ่เมตตาจิตออกไปให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย พรหมโลก เทวโลก มนุษย์โลก นรกโลก มารโลก..ทุกรูปทุกนาม อย่าได้มีเวรอาฆาตพยาบาทซึ่งกันและกันเลย ขอให้ทุกรูปทุกนามจงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งสิ้นเทอญ
เอาเพียงว่าไม่ให้กรรมทั้งหลายมันเข้ามาสู่ใจเราได้..ใช้ได้แล้ว เข้าใจหรือเปล่า เราไม่สามารถไปช่วยใครได้ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้คือตัวเราเอง ถ้าเราช่วยกู้จิตวิญญาณเราขึ้นมาได้แล้วนั่นแล เราถึงจะอธิษฐานจิตเราแผ่เมตตา คำว่าแผ่เมตตา..เค้าเรียกว่าความอนุเคราะห์ ความกรุณา นั่นคือสิ่งที่เราทำได้ อย่างอื่นเราคงทำไม่ได้..
เพราะไม่ว่าอะไรก็ตามที่กรรมมันให้ผลแล้ว มันมีอำนาจมาก เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ดังนั้นแล้ว..มันเป็นไปตามแห่งยุค เมื่อเวลามันให้ผลแล้ว กรรมมันให้ผลแล้ว ไม่มีอะไรต้านทานได้..
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
บ้านโปร่งวิเชียร อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
ติดตามข้อมูลข่าวสารกิจกรรมของมูลนิธิได้ทาง https://www.facebook.com/mprs.foundation
ติดตาม คลิปธรรมะได้ทาง YouTube channel : ธรรมะมหัศจรรย์ ตามรอยธรรมสมเด็จโต