เรื่องแรก ระหว่างปี 2514-2518 ปีไหนจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าปีนั้นน้ำท่วมวัด ในช่วงนั้นโบสถ์ใหม่ยังไม่ใด้สร้าง ต้องใช้แพโบสถ์น้ำในการทำสังฆกรรม ตำแหน่งของแพโบสถ์น้ำก็ประมาณแพปลาในแม่น้ำสะแกกรังหน้าวัดในปัจจุบันนี้
มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อเดินถือแผ่นทองแดงปึกหนึ่ง กะคร่าวๆประมาณ 10 แผ่น เดินไปแพโบสถ์น้ำ (ระหว่างนั้นยังไม่ได้สร้างหอฉัน) หมวดตระกูลก็เดินตามไป ที่แพจะมีกระดานเป็นสะพานทอดข้ามอยู่ พอหลวงพ่อขึ้นแพไปแล้วก็เดินไปลงน้ำอีกด้านหนึ่ง และในขณะที่หลวงพ่อเดินลงน้ำเหมือนมีขั้นบันไดรับเท้าหลวงพ่อลงไปทีละขั้นจนมิดศีรษะหายไป ด้วยความที่ได้ติดตามและเห็นอภินิหารของหลวงพ่อมาหลายครั้งทำให้หมวดตระกูลมั่นใจว่าหลวงพ่อคงจะลงไปทำตะกรุดใต้น้ำ
แต่คราวนี้หลวงพ่อลงไปนานมากน่าจะเกินครึ่งชั่วโมง จนหมวดตระกูลร้อนใจเป็นห่วงหลวงพ่อ เตรียมตัวจะถอดเสื้อตามลงไป ก็พอดีกับหลวงพ่อเดินขึ้นมา การเดินก็คล้ายๆกับเดินขึ้นบันไดมาทีละชั้น เมื่อขึ้นมาแล้วสังเกตว่าจีวรหลวงพ่อก็ไม่เปียก ส่วนตะกรุดนั้นม้วนเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อเดินถือกำขึ้นมาแล้วกลับกุฏิไป ตะกรุดชุดนั้นหมวตตระกูลบอกว่าหลวงพ่อน่าจะแจกให้กับญาติโยมที่อุปัฏฐากวัดในขณะนั้น เช่น ท่านเจ้ากรมเสริม ท่านเจ้ากรมอาทร เป็นตัน
เรื่องตะกรุดใต้น้ำนี้ได้ยินมาอีกครั้งว่าหลวงพ่อท่านเคยปรารภกับศิษย์ใกล้ชิดในช่วงประมาณปี 2533-2535 ว่าใครอยากได้ตะกรุดให้นำแผ่นทองแดงมา หลวงพ่อท่านจะไปทำในน้ำให้ ตำรวจทหารที่ดูแลหลวงพ่ออยู่ในขณะนั้น ก็รวบรวมถวายไปจำนวนหนึ่งท่านก็ทำมาให้ แต่ครั้งนี้ไม่มีใครเห็นว่าท่านไปทำที่ไหนอย่างไร
เรื่องที่สอง มีอยู่คราวหนึ่งมีขโมยเข้ามาลักของในวัด หลังจากสืบเสาะจนได้ความแล้วหมวดตระกูลก็ตามไปที่บ้าน ไปถามตรงๆขโมยยอมรับ หมวดก็ยิงเลย เสร็จแล้วก็กลับวัดทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอพบหลวงพ่อท่านก็ถามว่าแกไปยิงเขามาหรือ หมวดก็ยอมรับแล้วถามว่าหลวงพ่อรู้ไดัอย่างไรครับ ท่านตอบว่า มันเดินตามหลังแกมา หมวดก็ถามว่าแล้วจะทำอย่างไรดีครับ หลวงพ่อบอกให้หยิบกิ่งไม้วางข้างหลังแล้วภาวนา สัมปะติจฉามิ เดินไปข้างหน้าอย่าหันกลับไปมอง
เรื่องที่สาม ทางเข้าตีกอินทราพงษ์ที่พักของหลวงพ่อในอดีตจะมีประตู 2 ประตู คือประตูรั้ววัดและประตูเหล็กยืดท้ายศาลาหลวงพ่อ 5 พระองค์ มีกำหนดเปิด-ปิดเป็นเวลา มีอยู่วันหนึ่งตอนเย็นๆ ปิดประตูแล้ว หลวงพ่อท่านคงมีธุระไปฝั่งศาลานวราชบพิตร ท่านเดินไปหมวดตระกูลก็เดินตามไปห่างๆ เพราะมีหมาห้อมล้อมติดตามหลวงพ่ออยู่ พอไปถึงประตูเหล็กหลวงพ่อก็เดินทะลุประตูไปเฉยๆ พร้อมกับหมาอีก 1 ฝูง หมวดตระกูลต้องหยิบลูกกุญแจออกมาไขแล้วจ้ำตามหลวงพ่อไป เป็นแบบนี้ทั้ง 2 ประตู
เรื่องที่สี่ เรื่องหางพลูของหลวงพ่อ สมัยหนุ่มๆ หมวดตระกูลเป็นคนเจ้าชู้ไม่ธรรมดา มี วีรกรรมเล่าขานมากมาย มีอยู่คราวหนึ่งพบสาวงามถูกใจ พยายามเจริญสัมพันธไมตรีทุกวิถีทางแต่กลับถูกสาวพูดจาสบประมาทจนเสียหน้าอย่างรุนแรง หมวดตระกูลมาเล่าความคับแค้นใจระบายให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อท่านฉันหมาก ฉันเสร็จท่านยื่นหางพลูให้หมวดตระกูล หมวดตระกูลรับมาอธิษฐานกินแล้วกลับไปใหม่ หมวดบอกว่าคราวนี้สำเร็จ (เรื่องนี้สันนิษฐานว่าหลวงพ่อท่านคงสงเคราะห์ตามกฎแห่งกรรมของแต่ละคน)
โดย ร.ต.ต. ตระกูล เปาริก
(จากธัมมวิโมกข์ ธันวาคม 2556 หน้า 128-129)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น