08 พฤศจิกายน 2560

การชนะกิเลสด้วยปัญญา สาธุ

พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ปูเชมิ
พุทธวิถีตอน "คิดเป็นเย็นใจ"
...พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อปุณณะ เข้าไปเฝ้าถวายบังคมลาพระพุทธเจ้าไปอยู่ในถิ่นกันดารแห่งหนึ่งชือ ปรันตะ เพื่อหา
สถานที่สงัดสำหรับปฏิบัติธรรมและเผยแผ่ธรรมแก่ชาวท้องถิ่นนั้น ท่านได้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าอย่างตรงประเด็นว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์ประทานโอวาทโดยย่อๆที่ข้าพระองค์จะสามารถนำไปปฏิบัติเมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าสู่ที่วิเวกไปอยู่แต่ผู้เดียว มุ่งปฏิบัติธรรมอย่างตั้งใจ ไม่ประมาท บำเพ็ญเพียรอย่างเต็มความสามารถ
...พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดูกรปุณณะ รูปที่รู้ได้ด้วยตา เสียงที่รู้ได้ด้วยหู กลิ่นที่รู้ได้ด้วยจมูก รสที่รู้ได้ด้วยลิ้น โผฎฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกาย และธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยใจ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่รักประกอบด้วยกามคือ...ความกระหายอยากได้อยากครอบครองเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ถ้าภิกษุเพลิดเพลิน หมกมุ่น มัวเมา ติดอกติดใจใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฎทัพพะ ธรรมารมณ์ นันทิ ความยินดีลุ่มหลงย่อมเกิดแก่เธอ เมื่อนันทิเกิดแล้วความทุกข์ก็เกิด
ในตรงกันข้ามแม้ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏทัพพะ ธรรมารมณ์ที่น่าใคร่น่าพอใจมีอยู่แต่ภิกษุ ไม่เพลิดเพลิน ไม่พูดถึง
ไม่ปักใจ ไม่ติดอกติดใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฎทัพพะนั้น นันทิ ความยินดีพอใจก็ย่อมไม่เกิดแก่เธอ เมื่อนันทิ ความยินดีพอใจ ไม่เกิดแก่เธอความทุกข์ก็ไม่เกิด
...พระพุทธเจ้าก็ทรงชี้เหตุแห่งความทุกข์แก่พระปุณณะอย่างลัดสั้นตามที่ท่านต้องการอย่างตรงประเด็นว่า ให้ระวังอย่าให้เกิดนันทิ เมื่อตาเห็นรูป หูฟังเสียง จมูกดมกลิ่น ลิ้นล้ิมรส กายถูกต้องสัมผัส จิตใจรับธรรมารมณ์ เมื่อนันทิไม่เกิดทุกข์ก็ไม่เกิด เป็นอันว่ารูป เสียง กลิน รส โผฏทัพพะ และธรรมารมณ์เป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติมิใช่เหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง แต่ความทุกข์จะเกิดครั้งหนึ่ง ก็ต่อเมื่อเผลอสติไปยินดีพอใจครั้งหนึ่ง ถ้าระวังมิให้นันทิเกิดขึ้นได้นานเท่าไร ความทุกข์ก็ไม่เกิดนานเท่านั้น จิตก็มีเสรีเท่านั้น
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสสอนพระปุณณะอย่างย่อๆ แต่ได้ใจความสมบูรณ์ตรงหัวใจของความดับทุกข์ แล้ว
พระองค์ตรัสถามพระปุณณะว่า : เธอรับโอวาทแล้วจะไปอยู่ที่ไหน
พระปุณณะทูลว่า : ตะไปหมู่บ้านสุนาปรันตะพระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า : เขากล่าวกันว่า
คน "สุนาปรันตะ"หยาบคายดุร้ายหนักถ้าเธอถูกเขาด่าจะทำอย่างไร
พระปุณณะ : ข้าพระองค์คิดว่าพวกเขาด่าดีกว่าชกหรือทุบพระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า : ถ้าเขาทุบหรือชกเอาละเธอจะทำอย่างไร
พระปุณณะ : ข้าพระองค์คิดว่า ยังดีกว่าเขาเอาก้อนดินขว้างปา พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า : ถ้าพวกเขาเอาก้อนดินขว้างปาละเธอจะทำอย่างไร
พระปุณณะ : ข้อพระองค์คิดว่ายังดีกว่าเขาทุบด้วยท่อนไม้พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า : ถ้าพวกเขาทุบด้วยท่อนไม้ละเธอจะทำอย่างไร
พระปุณณะ : ข้าพระองค์คิดว่า ยังดีกว่าเขาฆ่าด้วยศาสตรา พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า : ถ้าพวกเขาฆ่าเธอด้วยศาสตราหละ จะทำอย่างไร
พระปุณณะ : ก็ยังดีกว่าเขาฆ่าด้วยศาสตราอันคมพระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า : ถ้าเขาฆ่าเธอด้วยศาสตราอันคมหละ เธอจะทำอย่างไร
พระปุณณะ : บางคนเกลียดเบื่อหน่ายชีวิตพยายามหาศาสตรามาสังหารชีวิตตนเอง แต่เราไม่ต้องแสวงหา เขามาจัดการให้ก็ดีแล้ว พระพุทธเจ้าข้า
...พระพุทธเจ้าตรัสว่า เธอมีความข่มใจและสงบรำงับอย่างนี้ไปอยู่ในหมู่บ้านที่มีคนดุร้ายหยาบคายอาศัยอยู่ได้โดยไม่มีความสะดุ้งหวาดกลัวแต่อย่างใด เธอเตรียมตัวเดินทางเถิด
...พระปุณณะอำลาพระพุทธเจ้ามุ่งหน้าสู่หมู่บ้านสุนาปรันตะ เจริญภาวนาอย่างสมำเสมอ ไม่ประมาท รู้สึกตัวทั่วพร้อมตลอดเวลา มีเมตตาต่อประชาชนอย่างไม่มีข้อจำกัดภายในพรรษานั้นเอง มีผู้มาฟังธรรมแล้วมีความเลื่อมใสปฏิญานตนเป็นอุบาสก ๕๐๐ คน อุบาสิกา ๕๐๐ คน
ตัวท่านเองได้บรรลุพระอรหันต์ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิงภายในพรรษานั้นเหมือนกัน นับได้ว่า ท่านเป็นต้นแบบของพระธรรมทูตที่เดินทางไปเผยแผ่ธรรมต่างแดนที่สามารถสร้างประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมได้อย่างสมบูรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...