11 กรกฎาคม 2564

โลกปรับสมดุล

ลูกศิษย์ : หลวงปู่เจ้าคะ แล้วโรคระบาดตอนนี้มันเริ่มหนักขึ้นๆ
หลวงปู่ : ทำไมเล่าจ๊ะ บ้านเมืองจะได้สงบ..นี่คือข้อดี ข้อเสียลมหายใจจะแผ่วลง คนก็จะตายมาก..หายใจไม่ค่อยออก ไม่มีอะไรจะกิน..

อ้าว..ก็ที่ฉันบอกไปแล้วว่าท่านมหาบพิตรท่านได้มีอนาคตังสญาณ..ญาณรู้ล่วงหน้าแล้ว ว่าให้เจริญเศรษฐกิจพอเพียง เข้าใจมั้ยจ๊ะ จริงๆแล้วมนุษย์เรากินมื้อสองมื้ออยู่ได้มั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : ได้ครับ) มื้อเดียวก็อยู่ได้แล้ว จะอยู่ได้เฉพาะผู้ที่มีศีล
 
พวกที่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง มีความละโมบอยากได้มาก..ไม่มีคำว่าพอของกิเลสหรอกจ้ะ พวกนี้ก็จะดิ้นรนตายไปเอง นี่คือที่เค้าเรียกว่าเบียดเบียน เข้าใจมั้ยจ๊ะ เรียกว่าไม่รู้จักพอ นั้นคนที่รู้จักพอแล้วจะไม่เดือดร้อน จำไว้นะจ๊ะ โรคภัยที่มันเกิดขึ้น..มันกำลังปรับสมดุลของโลกธาตุ

นั้นธาตุใครที่ไม่ดีไม่มีภูมิต้านทาน นั่นก็คือเรียกว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร..ที่ตายจากโรคนี้เพราะโรคนี้ จึงต้องเป็นเหตุเป็นเวรเป็นกรรมกันเป็นบุพกรรมกัน หากเราไม่มีเวรมีบุพกรรมกับโรคนี้ ถามว่าโยมจะติดมั้ยจ๊ะ (ลูกศิษย์ : ไม่ครับ) ถูกต้อง..เค้าเรียกว่าเรามีภูมิต้านทานนั่นเอง

การที่โยมเจริญมนต์แม้โยมไม่มีวัตถุมงคลคล้องคอ มนต์ที่อยู่ในตัวโยมนั้นแล..เมื่อมีพวกสิ่งที่แปลกปลอมที่มันจะเข้ามา พุทธมนต์ พุทธคุณในกายของโยมนั้นมันจะมีแสงออกมา เข้าใจมั้ยจ๊ะ ฉันถึงบอกว่าจะมีแสงตอนไหน จะมีปฏิกิริยา มีพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณตอนไหน..ก็ตอนที่โยมระลึกถึงองค์ภาวนา เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ฉันบอกว่ายุคต่อไปนี้เนี่ยะ อยากให้โยมทั้งหลายอย่าได้ขาดภาวนา ระลึกได้เราก็ภาวนา พระพุทธองค์ท่านไม่เคยเลยที่จะขาดภาวนา เข้าใจมั้ยจ๊ะ เพราะจิตนั้นมันดิ้นรนกลับกลอกได้ไวมาก ดังนั้นเมื่อโยมสวดมนต์ภาวนา เจริญฌานภาวนาเจริญศีลอยู่เป็นนิตย์แล้ว เค้าเรียกเป็นพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณไปในตัว

แต่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณนี้จะเกิดมีปฏิกิริยามีแสงออกมา..ก็ต่อเมื่อเราไปเปิด เปิดเครื่องทำงาน เปิดประตูแห่งจิต นั่นก็คือการภาวนา..ให้อาหาร พอให้อาหารแล้วเป็นยังไงจ๊ะ มันเกิดการย่อย มีปฏิกิริยาเกิดขึ้น มีการถ่ายเท ผลักของเสียเข้าของเสียออก ดังนั้นเราต้องมีภาวนาอยู่ตลอด..

แต่การที่โยมมีวัตถุมงคลมันก็ทำให้โยมอุ่นใจมากขึ้น ใช่มั้ยจ๊ะ นั่นก็คือกำลังใจไปเสริมบารมี มันก็เป็นการดีอย่างหนึ่ง ดังนั้นเมื่อยุคนี้มันเป็นโรคระบาด ทั้งระบาดจริงและระบาดไม่จริงก็ดี ก็กลายเป็นประโยชน์ของมนุษย์ที่มันมีความโลภ ความเห็นแก่ตัว ก็อาศัยโรคนี้เป็นเครื่องมือ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

แต่มันก็เป็นวาระเป็นจังหวะของโลกที่มันกำลังปรับสมดุลแห่งโลกธาตุ หมายถึงว่า บุคคลทั้งหลายที่มีทาน มีศีล มีภาวนาจะมารวมตัวกัน นั่นหมายถึงว่าคนที่เค้าไม่มีศีล แม้มีแต่ก็ยังไม่ตั้งมั่น ยังไม่มีสรณะเป็นที่พึ่ง เค้าก็จะไปรวมตัวกัน..ไปชุมชน ไปชุมนุม หรือไปที่อโคจรที่จิตวิญญาณพวกนี้โรคพวกนี้แพร่ได้ง่ายอย่างนี้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ

อย่างพวกโยมทำไมไม่ไปเล่า (ลูกศิษย์ : เพราะมันไม่ใช่ที่ของเราค่ะ) ถูกต้อง ธรรมธาตุมันจะไม่ไป เมื่อเราปรับสมดุลธาตุเราได้แล้ว เรามีพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีความเชื่อศรัทธาแล้ว..เราจะไม่ไป เราจะกลัว แต่สองสิ่งที่มนุษย์นั้นจะต้องระลึกให้มากต้องตระหนัก..คืออย่าไปท้าความตาย อย่าไปอวดดีกับผี
 
ผีก็คือพวกวิญญาณ พวกโรคเหล่านี้เป็นผีทั้งนั้น เฮอะ..โยมมองเห็นเค้าเหรอจ๊ะ (ลูกศิษย์ : ไม่เห็น) ถูกต้องเรามองไม่เห็น แต่เมื่อเราเจริญภาวนาเราแผ่เมตตากับโรคร้ายทั้งหลายทั้งปวงนี้ บุคคลที่ประสบเหตุ..ให้เค้าพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บ เราเจริญเมตตา ไอ้มนต์ที่เราเจริญเมตตาไปน่ะมีผลมั้ยจ๊ะ..มีผล มีผลกับใคร มีผลกับคนที่มีบุพกรรมกับเรา แต่จะไม่มีผลกับคนที่ไม่มีบุพกรรมกับเรา เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ดังนั้นแล้วเค้าเรียกว่าภูมิต้านทาน กระแสแห่งบุญ กระแสแห่งจิตนี้สามารถถึงลูกถึงหลานถึงบุคคลที่มีบุพกรรมกับเรา ดังนั้นในยุคนี้จึงเรียกว่าเป็นการปรับเปลี่ยนโลกธาตุให้เกิดความสมดุล ดังนั้นแล้วยังมีอีกมากที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดมันจะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ

โรคระบาดก็ดี ภัยพิบัติก็ดี ภัยธรรมชาติก็ดี ภัยจากมนุษย์ก็ดี ภัยจากสงครามก็ดี ยังไงก็หนีไม่พ้น..ต้องเจอ เข้าใจมั้ยจ๊ะ ต่อไปประเทศสยามจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ทำไมถึงเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ก็คือประเทศอื่นเค้าจะมาพึ่งพาใบบุญ เข้าใจมั้ยจ๊ะ แต่ก็มีทั้งประโยชน์และก็มีโทษ

ดังนั้นแล้วขอให้โยมอยู่ด้วยมีสติ ตอนนี้บ้านเมืองแม้มันจะไม่ถึงขั้นวิกฤตนัก เรายังพอมีเวลา ยังมีสถานที่ให้เราได้พำนักได้ประพฤติปฏิบัติสร้างกุศลบารมี ก็ให้ถือโอกาสเหล่านี้แลบำเพ็ญบารมีให้มาก เข้าใจมั้ยจ๊ะ

ที่มา : มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...