01 กรกฎาคม 2564

นิวรณ์ 5 ประการ

สำหรับด้านภาวนานี่เป็นการเดินตรงพระนิพพาน จุดใหญ่คือการตัดกิเลส อันดับแรกถึงแม้เราจะตัดกิเลสไม่ได้จริงๆ แต่กิเลสหยาบที่มีความสำคัญมากคือ นิวรณ์ 5 ประการ 

   ⚜นิวรณ์ 5 ประการได้แก่⚜

   1.#ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ ที่เรียกว่า กามฉันทะ

   2.#อารมณ์ไม่พอใจ คือความโกรธ

   3.#ความง่วง

   4.#อารมณ์ฟุ้งซ่านเกินไป

   5.#สงสัยในผลของความดี

   ⚜ นิวรณ์ 5 ประการนี่ #พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นกิเลสหยาบ #ที่ทำให้ปัญญาถอยหลัง ถ้าจะตัดได้จริงๆ 2 ข้อแรก ต้องเป็นพระอนาคามี ถ้ายังไม่ถึงพระอนาคามีเพียงใด สองข้อแรกตัดไม่ได้ ถ้าจะตัดได้หมดต้องเป็นพระอรหันต์

     ในระยะต้นเราไม่ตัด เราระงับ เพียงแค่ระงับยับยั้ง ให้จิตว่างจากนิวรณ์ 5 ประการ โดยที่จิตนึกถึงลมหายใจเข้าออก ขณะใดจิตรู้ลมหายใจเข้าออก แล้วไม่มีอารมณ์อื่นเข้ามาแทรก เวลานั้นถือว่าจิตว่างจากนิวรณ์ มีสมาธิ อารมณ์ฌาน ทำอารมณ์ว่างจากนิวรณ์วันละนิด วันละหน่อย นิดกับหน่อยนี่มันเท่ากันไหม หน่อยมากกว่านิดใช่ไหม ถ้าเราระงับนิวรณ์ได้วันละ 2 นาที ระงับได้จริงๆ เวลานั้นความรักในระหว่างเพศก็ดี ความโกรธก็ดี ความง่วงก็ดี ความฟุ้งซ่านก็ดี ความสงสัยก็ดี ไม่มีในใจเรา ในช่วงระยะเวลา 2-3 นาที ก็ถือว่าจิตว่างจากกิเลส ถ้าได้มากกว่านั้น จิตก็ว่างมากกว่านั้น ขณะใดที่จิตว่างจากกิเลส ถือว่าขณะนั้นการก้าวเข้าสู่นิพพพาน ค่อยๆก้าวเข้าไป

    ถ้าสมาธิดีในบางขณะปัญญาเกิด ในเมื่อปัญญาเกิด ปัญญาจะรู้เท่าทันตามความเป็นจริง ในชั่วขณะเล็กน้อยก็ใช้ได้ ถ้าปัญญามีความรู้สึกตามความเป็นจริง ว่าโลกนี้แสนจะทุกข์ การเกิดของเราไม่มี
#ความสุข #ความหิวก็ทุกข์ #ความกระหายก็ทุกข์ #ความป่วยไข้ไม่สบายก็ทุกข์ #ปวดอุจจาระปัสสาวะก็ทุกข์ #ความปรารถนาไม่สมหวังก็ทุกข์ #ประกอบกิจการงานต่างๆมีความเหนื่อยยากก็ทุกข์ #การพลัดพรากจากของรักของชอบใจก็ทุกข์ #ความตายจะเข้ามาถึงก็ทุกข์

    รวมความว่า ความทุกข์ประเภทนี้มีตลอดชีวิตไม่มีบุคคลใดจะพ้นความทุกข์นี้ไปได้เลยแม้แต่วันเดียว วันไหนที่ไม่มีหิวข้าวมีไหม บางทีฉันก็มีนะ หิวแต่ก๋วยเตี๋ยว ไม่มีวันไหนที่เราไม่หิวข้าว ไม่มีวันไหนที่เราจะไม่ประกอบกิจการงาน ไม่มีการทำงาน มันเหนื่อยก็ทุกข์ ความหิวก็ทุกข์ รวมความว่าชีวิตของเราที่เกิดมาเป็นคนตลอดชีวิต เราไม่มีความสุขจริง มีแต่ความทุกข์ ถ้าตัวปัญญามันเกิด มันจะเห็นทุกข์ในอริยสัจแบบนี้

    ต่อมาเมื่อเห็นทุกข์แล้วเกิดปัญญา ก็คิดต่อไปว่าการเกิดเป็นคนมันก็ทุกข์ต่อไปแบบนี้ เราจะเกิดเป็นอะไรดี ต้องการเป็นเทวดาหรือพรหมซึ่งมีความสุขจริง แต่ว่าเทวดาหรือพรหมมีความสุขไม่นาน หมดบุญวาสนาก็ตกลงมาใหม่ ลงมาค้างแค่มนุษย์ก็ยังดี ส่วนใหญ่จากเทวดาหรือพรหม ไม่ค้างมนุษย์ ลงไปอบายภูมิเป็นส่วนใหญ่นะ

    รวมความว่า ดินแดน 3 ประการ คือ มนุษยโลกก็ดี เทวโลกก็ดี พรหมโลกก็ดี ไม่ดีจริง จุดที่ดีจริงๆคือ #นิพพาน ไปถึงแล้วไม่ต้องไปไหน มีแต่ความสุขอย่างเดียว ไม่ต้องเคลื่อนจากที่ นี่ ถ้าจิตเป็นสมาธิว่างจากนิวรณ์ ปัญญามันก็เกิดแบบนี้ ถ้าปัญญาเกิดแบบนี้ก็ใกล้นิพพานไปถึงที่สุด รวมความว่าการที่ บรรดาท่านพุทธบริษัท ทำความดีทุกอย่าง การให้ทานก็ดี การรักษาศีลก็ดี การเจริญภาวนาก็ดี เป็นการตัดกิเลสตัวสำคัญ คือ ตัดรากเหง้าของกิเลส

 ⚜ รากเหง้าของกิเลสมี 3 อย่างคือ⚜

   1.โลภะ ความโลภ

   2.โทสะ ความโกรธ

   3.โมหะ ความหลง

   การให้ทานเป็นการตัดความโลภ การรักษาศีลเป็นการตัดความโกรธ การเจริญภาวนาเป็นการตัดความหลง ในเมื่อความโลภ ความโกรธ ความหลง มันใหญ่เหมือนภูเขา การจะทำลายครั้งเดียว หนเดียว มันทำลายทั้งหมดไม่ได้ ต้องค่อยๆเคาะ ค่อยๆทำ เคาะหลุดมาชิ้นหนึ่งมันไม่เกิดอีก เพราะมันเคาะหลุดแล้ว เคาะหนักๆเข้าในที่สุดมันก็หมดไป ข้อนี้ฉันใด การบำเพ็ญกุศลของบรรดาท่านพุทธบริษัททุกรูปแบบ ไม่ว่าจะอะไรทั้งหมด ถือว่าเป็นการก้าวเข้าไปสู่พระนิพพาน

ที่มา
📖คัดลอกจากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ ๔๒​ หน้าทีี​ ๘๒~๘๕
🙏โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง)​ ต.น้ำซึม​ อ.เมือง​ จ.อุทัยธานี
📍เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

🖊️นภา​ อิน🙏🙏

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...