ลืมอารมณ์หลังที่เรามีความหลง เห็นคนสวยพยายามไปดูถึงบ้าน ในเวลาที่เขาไม่แต่งตัว ไปดูเวลาที่เขาถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ มันน่ากินน่าดื่มไหม นั่นแหละคนสวยที่เราคิดว่าสวย ก็คือคนซวย มันจะสวยตรงไหน เต็มไปด้วยความสกปรก จะเอาคำว่าสวยมาจากไหน ถ้าจะถามว่าคนซวยคือใคร ก็คือเรา เรามันซวย เพราะว่าเห็นคนที่สกปรกหาว่าเป็นคนสวย เห็นคนที่มีสภาวะร่างกายไม่ทรงไว้ซึ่งความจีรังยั่งยืน หาว่ายั่งยืน เขาเป็นเช่นใด เราก็เป็นเช่นนั้น
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว เรายังจะโง่เข้าไปรักร่างกายที่มีความสวยสดงดงามตามที่เราคิดด้วยความโง่อีกหรือ เราจะหลงในวัตถุที่เขาแต่งด้วยสีสันวรรณะ เห็นว่าสวยสดงดงาม แต่เนื้อแท้จริง ๆ มันเต็มไปด้วยความผุพัง เก่าคร่ำคร่าภายใน มันเดินทางเข้าไปหาความสลายตัวของมัน เรายังพอใจหรือยังไง เป็นอันว่าทรงอารมณ์ใจคิดไว้อย่างนี้ว่า ร่างกายของเราก็ดี ของเขาก็ดี มันเต็มไปด้วยความสกปรก และก็ยังไม่มีการจีรังยั่งยืน มันทรุดโทรม มันจะสลายตัวไปทุกวัน ในที่สุดเราก็กลายเป็นผีที่ไม่มีใครปรารถนา เมื่อ
อานาปานุสสติกรรมฐานคือลมปราณสิ้นไป ใครเล่าเขาจะต้องการ
ดูตัวอย่างนางสิริมา สวยแสนสวย แต่ทว่าพอตายแล้ว ๓ วัน องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาทรงนำพระไปเยี่ยม ไปเยี่ยมศพ คำว่าการเยี่ยมศพของพระพุทธเจ้ามีความหมายที่ให้บรรดาพระทั้งหลายมีความเข้าใจในขันธ์ ๕ ว่ามันสกปรก ในที่สุดประกาศขายนางสิริมาพันกหาปณะ ไม่มีใครซื้อ ยกให้เปล่า ๆ นางเน่าแล้วไม่มีใครซื้อ นั่นเพราะอะไร ตอนที่
นางสิริมามีลมปราณ เธอเป็นหญิงที่มีความสวยงามมาก เป็นที่ต้องตาต้องใจ
สำหรับการพิจารณาแบบนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายทำใจสลับกันระหว่างสมาธิกับการพิจารณา ถ้าพิจารณาไปอารมณ์มันซ่าน เราก็ถอยหลังเข้ามาจับอารมณ์ให้ทรงตัว คือทิ้งการพิจารณาเสียมาจับ
อานาปานุสสติกับพุทธานุสสติควบกัน สลับกันไปสลับกันมาแบบนี้ ในที่สุดจิตใจของทุกท่านก็จะเกาะติดอยู่ในอารมณ์ของอสุภกรรมฐานกับ
กายคตานุสสติ และสักกายทิฏฐิ เป็นตัวตัดกิเลสในด้านราคะจริต คือกามราคะจะค่อย ๆ สลายตัวไป
และขอให้ท่านทั้งหลายจงลืมความหลังที่เราเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีความจีรังยั่งยืน มีความสวยสดงดงาม ที่น่ารักน่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ จงทำกำลังใจของท่านยอมรับนับถือกฎของความเป็นจริงตามที่กล่าวมา มองดูเวลาก็หมดเสียแล้วสำหรับวันนี้ สำหรับ อสุภสัญญากับกายคตานุสสติ กับสักกายทิฏฐิ วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้
จาก : หนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่๒๓ หน้าที่๑๑๑ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น