16 กันยายน 2566

**พระเจ้าอชาตศัตรูตายแล้วไปอยู่โลหะกุมภีนรก หลวงพ่อฤาษี**

**พระเจ้าอชาตศัตรูตายแล้วไปอยู่โลหะกุมภีนรก หลวงพ่อฤาษี**
 
 เรื่องที่ ๑๖๑ พระเจ้าอชาตศัตรูตายจากความเป็นคนไปอยู่โลหะกุมภีเป็นยมโลกียนรกขุมที่ ๑
 โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
 
 "..**พระเจ้าอชาตศัตรูมีความทรยศต่อพระราชบิดาคือพระเจ้าพิมพิสาร** เป็นกบฏคิดฆ่าพ่อด้วยอำนาจของพระเทวทัตยุยงส่งเสริม เจตนาเดิมของพระองค์ไม่มี ในจิตใจของท่านนั้นไม่เต็มใจจะทำ แต่ว่าโดนพระเทวทัตยุหนักๆ เข้าก็ทนไม่ไหว ในที่สุดก็ต้องตามใจเพราะถือว่าเป็นอาจารย์ จึงคิดประหัตประหารพระราชบิดา**ซึ่งเป็น พระโสดาบัน** โดยแย่งราชสมบัติและก็ทรมานพ่อ จับขังคุก ต่อมาก็ให้อดข้าว

แต่พระเจ้าพิมพิสารท่านเดินจงกรมจึงอยู่ด้วยธรรมปีติ แม้จะอดข้าวก็ไม่ตายผิวพรรณยังผ่องใส ในที่สุดก็ถูกเฉือนเท้าไม่ให้เดิน ท่านมีความเจ็บปวดมาก แต่จิตใจของพระองค์ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าจึงมีจิตใจชุ่มชื่น
 
 หลังจากการฆ่าพระราชบิดาตายแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูก็เข้าหาพระ ทำบุญเป็นการใหญ่ ต่อมาได้ขอขมาต่อพระรัตนตรัยและเป็นองค์อุปถัมภ์พระศาสนาตั้งแต่ปฐมสังคายนาเป็นต้นมา

ความจริงโทษอันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสว่า **"จะต้องตกอเวจีมหานรก แต่อาศัยบุญใหญ่อันนี้จึงช่วยให้พระเจ้าอชาตศัตรูไม่ต้องลงอเวจีมหานรก มาตกอยู่แค่โลหะกุมภีซึ่งเป็นยมโลกียนรกขุมที่ ๑**"

สำหรับนรกขุมนี้ไม่ได้บอกอายุไว้ ไม่เหมือนนรกขุมใหญ่บอกอายุไว้ แต่ก็นานเหลือเกินเพราะพอลงไป ๑ ขุม อย่างน้อยที่สุดพระพุทธเจ้าตรัสไป ๒-๓ องค์ ก็ยังไม่ได้โผล่ขึ้นมาเลย

**โลหะกุมภี สำหรับโทษปาณาติบาต** **ถ้าทำปาณาติบาตก็ต้องไปตกนรกขุมใหญ่ก่อนแล้วไปผ่านนรกบริวาร **เศษของกรรมยังไม่หมดต้องมาลง**โลหะกุมภี "โลหะ" แปลว่า "ของแข็ง" เช่น เหล็ก ทองแดง ทองเหลือง เป็นต้น
 **
 "กุมภี" แปลว่า "หม้อ"
 
 รวมแล้วแปลว่า "**หม้อโลหะใหญ่**" มีหม้อทองแดงใหญ่มหึมาใหญ่เท่าๆ กับปริมาณของสัตว์นรกที่จะลงนรกขุมนี้ ถ้ามีสัตว์นรกมากหม้อก็ใหญ่มาก

ถ้ามีสัตว์นรกน้อยหม้อก็ใหญ่น้อย ในหม้อทองแดงนี้มีนํ้าทองแดงเป็นนํ้าโลหะที่ถูกเคี่ยวมีความร้อนจัดและมีความรัดตัว บรรดาสัตว์นรกทั้งหลายที่มีโทษปาณาติบาตเหลือเป็นเศษของกรรม นายนิรยบาลก็เอาลงหม้อทองแดงโดยเอาหอกเสียบแล้วก็โยนลงไปในหม้อทองแดงบ้าง เอาค้อนใหญ่ตีหัวให้คะมำลงไปในหม้อบ้าง ในหม้อทองแดงมีนํ้าโลหะร้อนเดือดพล่านอยู่ตลอดเวลา สัตว์นรกถูกความร้อนเผาผลาญอยู่อย่างนั้น ขึ้นมาปากหม้อแล้วก็จมลงไปก้นหม้อ เมื่อจมลงไปก้นหม้อแล้วก็ไหลขึ้นมาปากหม้อ วนกันอยู่แบบนั้นไม่มีเวลาหยุดจนกว่าจะหมดเศษกรรมเรื่องปาณาติบาตและก็ใช้เวลานานมาก
 
 **บางท่านบอกว่าสัตว์เกิดมาเป็นอาหารของคน สำหรับคนเลวเท่านั้นที่พูดแบบนี้**

สัตว์ทุกตัวรักชีวิตจะเห็นว่า เวลาที่เราจะเข้าไปจับหรือเวลาที่เราจะฆ่ามัน มันมีอาการดิ้นรนหนีเพื่ออิสรภาพไม่ต้องการให้ใครทำร้ายมัน **การฆ่าสัตว์ที่ยังมีชีวิตทุกประเภทจะต้องลงโลหะกุมภี**

เคยมีพวกหมอมาถามว่า "พวกพยาธิที่อยู่ในท้องก็ดี บรรดาเชื้อโรคทั้งหลายก็ดี ก็มีร่างกายมีชีวิตเหมือนกัน อย่างนี้ถ้าเราฆ่ามีโทษไหม" อันนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้บอก บอกแต่พวกเล็นพวกไรต่างๆ

**แต่ว่าการฆ่าต้องเต็มไปด้วยเจตนา ถ้าหากว่าเราเดินไปเหยียบตายโดยไม่เห็น ไม่มีเจตนาอย่างนี้ ท่านไม่จัดว่าเป็นกรรมต้องลงนรก**

เวลายุงกัดเรารำคาญเอามือไปลูบไปแตะคิดว่าจะให้ยุงหนีไป บังเอิญเป็นยุงก้นปล่องมันกินเลือดเราเข้าไปเต็มที่แล้วมันไปไม่ไหว ตัวมันอ่อน พอไปถูกเข้าตายโดยไม่มีเจตนาจะฆ่าให้ตาย อย่างนี้ไม่มีโทษต้องลงโลหะกุมภี
 
 ถ้าไม่ต้องการมายมโลกียนรกขุมที่ ๑ คือโลหะกุมภี ก็มีเมตตาปรานีเข้าไว้ หรือทรงพรหมวิหาร ๔ ทั้งหมด ก็จะไม่ปรากฏร่างของเราในอบายภูมิ.."
 
 ........................................

จากหนังสือตายแล้วไปไหน เรื่องที่ ๑๖๑ จากทั้งหมด ๑๗๙ เรื่อง
 #ตายแล้วไปไหน_หลวงพ่อฤาษี2 #หลวงพ่อฤาษี4

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...