ในการปฏิบัติจริง ผู้ปฏิบัติใหม่ มักมีการสลับกันโดยไม่รู้ตัวระหว่างสมถะกับวิปัสสนาอยู่แล้ว เพราะการปฏิบัติจริง ไม่ได้แตกต่างกันเท่าใด และความที่ยังไม่แม่นในการปฏิบัติ จึงสลับไปมาโดยไม่รู้ตัว
ดูรู้อยู่ในอารมณ์เดียวเป็นฌาน ดูรู้แบบไม่ยึดในอารมณ์เดียวเห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของอารมณ์ต่างๆ ไม่ยึดในอารมณ์เดียวเป็นญาณ
สมถะกับวิปัสสนานั้น เขาเสริมกันดุจเท้าซ้ายและเท้าขวา ต้องมีคู่กัน เพื่อก้าวหน้าไป ถ้าผู้ปฏิบัติ เผลอไปให้นํ้าหนักกับเท้าข้างใดข้างหนึ่งมากไปโดยไม่รู้ตัว สิ่งนีจะช่วยเตือนให้เห็นว่า เราเผลอไปด้านเดียวนะ ต้องมีอีกด้านตามมาด้วย ธรรมจึงจะงอกงามสมบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น