คลื่นเสียง ก่อความสั่นสะเทือน จากใกล้ไปไกล พลังงานเสียง สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานแสงได้.. แรงดัน จาก การอัดของคลื่นเสียง อากาศจะยุบตัว และเปล่ง ประกายแสงวาบออกมา
ก่อเกิดพลังงาน
..แสงมีความเร็วมากกว่าเสียง หลายเท่า ตาหยาบมนุษย์เรา มองเห็นแสงได้ ในความถี่หยาบๆ..ถ้ามากกว่านี้ จะมองไม่เห็น.. ถ้าจะมองเห็นแสงละเอียดได้ จะต้องใช้ “ตาจิต” หรือ “ตาญาณ”
*.คนที่ตาดี(มีทิพจักขุญาณ)..จะมองเห็น เสียงสวดมนต์ที่ออกจากปากเรา เป็นแสงพุ่งออกมา ระยะทาง ใกล้ไกลไม่เท่ากัน..และแสงเหล่านั้น ยังก่อเกิดภาพทิพย์ เช่นอาวุธทิพย์ เครื่องทรงทิพย์ ตามบทมนต์คาถา
..เมื่อเราสวดมนต์ จะเปล่งคลื่นเสียงตามอักขระบาลี หนัก เบา สั่นสะเทือนไม่เท่ากัน คลื่นเสียงนอกจากจะส่งไปที่สมอง ยังส่งไปรอบๆกาย จนถึงภพภูมิต่างๆได้
*..พลังงานเสียงสวดมนต์ นอกจากจะแผ่ไปได้ไกล ยังสามารถดึงดูดพลังงานมงคล อยู่รอบกาย ในบทสวดมนต์ เข้า หาตัวเราด้วย ตามหลัก (กฎแห่งแรงดึงดูด) ตามความหมายแห่งมนต์คาถานั้น การสวดมนต์ ที่มีสมาธิมาก แรงสั่นสะเทือน ความถี่ จะมาก จะดึงดูดมากตามไปด้วย
.*เมื่อเราสวดมนต์ คลื่นเสียง ทำให้ คลื่นแสง( ออร่า) ในตัวเราจะเปลี่ยน เป็นสีต่างๆ..ไปตามคลื่นแห่งมนต์คาถานั้นๆ เช่น
- คาถาป้องกันภัย (พระปริตรต่างๆ) ออร่าของเรา เป็นสีเขียว(ป้องกันรักษา), สีแดง(คงกระพัน อำนาจ)
- คาถาแนวโชคลาภ สีเหลืองเข้ม(โภคทรัพย์). สีน้ำเงิน (ลาภลอย)
- บางคาถามาจาก การอธิษฐานของ ท่านผู้มีมหาบารมี มหาบริสุทธิคุณ ย่อมทำให้ผู้สวดคาถานั้น ได้รับพลังงานเต็มเปี่ยม ก่อให้เกิดทั้งภาพ แสง สี ทิพย์ เช่น คาถาเงินล้าน คาถามหาจักรพรรดิ ยอดพระกัณฑ์ ชินบัญชร..มีสีหลายสี 6สี 7 สี จึงมีอานุภาพคลอบคลุม มีทั้งรวมแสงเป็นสีขาว(อธิษฐานดี) สีทอง (พลังจักรวาล)
- เมื่อสวดจนจิตเป็นเนื้อเดียวกับคาถา บางท่านจึงเห็นกายทิพย์ ตนเองทรงเครื่องจักรพรรดิบ้าง เห็นพุทธนิมิต หลวงพ่อ หลวงปู่คลุมกาย คลุมจิตอยู่..เป็นต้น
..*...การสวดมนต์ ที่เสียงดังฟังชัด เปี่ยมด้วยศรัทธา เทวดาชอบฟัง และมาโมทนา ควร สวด 3 จบ 5 จบ 7 จบ 9 จบ หรือ 108 จบ จะก่อเกิดสมาธิ จึง ดึงพลังงานดีๆ เข้าตัวเรามาก ขึ้นๆ..
ที่มา มโนธาตุ โพธิญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น