🖊️" นี่เราก็ดูตัวอย่างของพระพุทธเจ้า ท่านดีกว่าเราโดยฐานะดีกว่าเราโดยบารมี ถ้าเป็นฆราวาสท่านก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองโลกโดยธรรม เมื่อมาบวชท่านก็เป็นพระพุทธเจ้า จัดว่าเป็นผู้เด่นที่สุด แต่ท่านก็ยังเห็นว่าร่างกายของมนุษย์มันเป็นของไม่ดี ความเกิดเป็นของไม่ดี แล้วพวกเราจะมานั่งนึกหาความดี ถือว่าการเกิดเป็นของดีเพื่อประโยชน์อะไร แล้วพระองค์เองก็ทรงเห็นภัยในวัฏฏะ เห็นว่าการครองร่างอยู่อย่างนี้มันเต็มไปด้วยความทุกข์ ความทุกข์มีอะไรบ้างเราพูดกันมานานแล้ว ใคร่ครวญหาความทุกข์ให้เจอ
.
🖊️บุคคลใดถ้าไม่เห็นทุกข์ บุคคลนั้นก็ชื่อว่ายังมีอวิชชา หรือโมหะบังหน้าอยู่เต็มที่ องค์สมเด็จพระชินศรีทรงกล่าวว่า
"คนโง่ย่อมมองไม่เห็นทุกข์"
ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะเห็นว่าความทุกข์เป็นความสุขไปหมด ยังมีความปรารถนาในความทุกข์ เห็นปัจจัยของความสุขจะเหน็ดเหนื่อยยากลำบากสักเท่าไรก็ตามก็เห็นว่าดีอยู่เสมอ นี่เป็นอารมณ์ของความโง่ คือ อวิชชา เข้ามาปิดบังใจ
.
🖊️แต่องค์สมเด็จพระจอมไตรไม่ได้คิดอย่างนั้น เวลาใกล้รุ่งอรุณแห่งวันเพ็ญกลางเดือน ๖ พระองค์ก็ทรงจิตขึ้นสู่วิปัสสนาญาณ เห็นอริสัจ ๔ คือทุกข์เป็นจุดต้น สัตว์และคนทั้งหลายที่เกิดมาทั้งหมดจะเป็นเทวดา หรือพรหมก็ตาม เป็นผู้ไม่พ้นจากความทุกข์ หาความสุขจริงจังอะไรไม่ได้ แล้วตัวทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้มันมาจากไหน พระองค์ก็ใคร่ครวญต่อไปว่า มันมาจากเหตุของความทุกข์ คือ สมุทัย ได้แก่ความอยาก
.
🖊️คือว่า อยากเกิด อยากสวย อยากงาม อยากร่ำรวย อยากมีฐานะใหญ่ อยากเป็นผู้มีอำนาจวาสนาบารมีสูง อยากอย่างนี้อยากได้ แต่ไม่อยากตาย ไม่อยากป่วย ทั้ง ๆ ที่มันจะต้องตาย จะต้องป่วย ความอยากตัวนี้เป็นภัยอย่างยิ่ง เพราะเป็นการปิดใจบังใจของท่านบรรดาพุทธบริษัทชายหญิงให้เห็นว่านั่นเป็นของดี
.
🖊️แต่องค์สมเด็จพระชินศรีย่อมมองไม่เห็นด้วย เจ้าความอยากตัวนี้แหละ เป็นปัจจัยให้เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะ เกิดเป็นคน เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นพรหมนี่น้อยนัก ส่วนใหญ่แห่งการเกิดของพวกเรา ก็คือเกิดในอบายภูมิ มีนรก เป็นต้น เกิดเป็นเปรต อสุรกาย เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมีมากต่อมาก แสดงว่าดินแดนแห่งการเกิดในเมื่อเราเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ มันมีทุกข์มากกว่าความสุข "
.
🖊️📖ที่มา : หนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๑๘ (หน้า ๙๗)
🙏🙏คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง)
🖊️นภา อิน🙏🙏
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น