28 กุมภาพันธ์ 2564

คนที่จิตใจต่ำ จะเรียกว่ามนุษย์ไม่ได้

คนที่จิตใจต่ำ ไม่มีศีลธรรม ก่อการเบียดเบียน จะเรียกว่ามนุษย์ไม่ได้นะ 

คน กับ มนุษย์ นั้นต่างกันนะ ท่านทั้งหลาย มนุษย์ คือ สัตว์โลกที่มีจิตใจสูง เป็นสัตว์ประเสริฐกว่าสัตว์ทั้งหลาย มีเหตุผล มีศีลธรรม มีคุณธรรม ส่วนคน คือ สัตว์โลกที่มีจิตใจต่ำ ไม่มีศีลธรรม ไม่มีเหตุผล คำว่า มนุษยธรรม จึงแปลว่า ธรรมะที่ทำคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อพัฒนาจิตใจจากคนขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้ก็คือการเป็นคนดี ตั้งมั้นอยู่ในศีลธรรม นั่นเอง 

เราลองประเมินตนเองดูให้ดีนะ ว่าตอนนี้ เราเป็นคน 
หรือ เป็นมนุษย์กันแน่ คนสมัยนี้นะ ก่อการเบียดเบียน ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน สร้างกรรมหนักให้กับตนเองมากนะ เพิ่มความหนักให้กับจิตใจตนเอง ขาดสติ ลืมคิดไปนะ ว่าเกิดมาแล้วต้องตาย โกบโกย แย่งชิง ทำการทุจริตต่างๆ มากมีชีวิตอยู่ เหมือนว่าข้าจะไม่ต้อง แก่ ต้องตาย ไปจากโลกนี้ หลงผิดคิดว่าทุกสิ่งเที่ยงแท้แน่นอน เกิดมาแล้วอยากทำอะไรก็ทำ ผิด ชอบ ชั่ว ดี ไม่รู้นะ ขอให้ตัวข้าเองนั้น มีความสุขก็พอ ข้าต้องได้ อย่างนั้นนะ อย่างนี้นะ คนอื่นจะเป็นยังไงข้าไม่สนใจ 
หลงผิดนะ ท่านทั้งหลายนะ ลืมคิดไปนะว่า สิ่งที่แน่นอน ที่สุด คือ ความตาย ตายไปแล้วต้องไปเสวยความเผ็ดร้อน ทุกข์ทรมาน อย่างยาวนาน ตามความหนักที่ตัวเองได้ทำมา ได้ก่อความเบียดเบียดมา ทั้งกาย และ ใจ ความหนักมันถูกบันทึกไว้ที่จิตนะ ยิ่งเพิ่มความหนักให้กับจิตใจตัวเองมากเท่าไหร่ โลกหลังความตาย ก็จ่มดิ่งลง ตามความหนักของตัวเอง ทุกข์ทรมาน อย่างยาวนาน ผู้ที่เห็นโทษภัยของ วัฏสงสาร
กลับตัวกลับใจได้ ยังทันนะ ตั้งสติ ก้าวเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง งดเว้นจากการเบียดเบียน ไม่ทำให้ตนเอง และ ผู้อื่นเดือดร้อน ไม่เพิ่มความหนักให้กับตนเอง 
มีสติรู้สึกตัวอยู่กับปัจจุบันทุกขณะจิต ทำแต่ความดี 
เห็นใครทำอะไรไม่ดี เค้าจะได้ดี ขนาดใหน รวยขนาดใหน สุขสบายขนาดใหน เราเห็นว่านี่ไม่ดี ก็อย่าไปทำนะ ยุคสมัยนี้ต้องมีสติให้มากๆนะ ให้ความสำคัญกับการ ยกระดับจิตใจของตนเอง จากคนเป็นมนุษย์ พัฒนา “เปลี่ยนจิตใจจากปุถุชนไปเป็นพระอริยบุคคล” 

•สร้างเหตุที่ดี เหตุที่สูง ผลก็ย่อมดี สูง สืบต่อไป •
•สร้างเหตุที่ชั่ว เหตุที่ต่ำ ผลก็ย่อมชั่ว ต่ำ สืบต่อไป •

อมตะธรรม ประเทศไทย

#ผู้ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ย่อมมีความสงสัยในธรรม


#โดยธรรมทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่ผู้ไม่ยินดีประพฤติกิจที่ควรทำ
 อุปัชฌายสูตร
             [๕๖] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปหาอุปัชฌาย์ของตนถึงที่อยู่ ครั้น
แล้ว ได้กล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บัดนี้ กายของผมหนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อม
ไม่ปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่ผม ถีนมิทธะย่อมครอบงำจิต
ของผม ผมไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมมีความสงสัยในธรรมทั้งหลาย
ครั้งนั้น ภิกษุนั้นพาภิกษุสัทธิวิหาริกนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ภิกษุนี้กล่าวอย่างนี้ว่า บัดนี้ กายของผมหนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมไม่
ปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่ผม ถีนมิทธะย่อมครอบงำจิต
ของผม ผมไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมมีความสงสัยในธรรมทั้งหลาย
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ การที่กายของเธอหนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมไม่
ปรากฏแก่เธอ ธรรมทั้งหลายย่อมไม่แจ่มแจ้งแก่เธอ เธอไม่ยินดีประพฤติ
พรหมจรรย์ และเธอมีความสงสัยในธรรมทั้งหลายนี้ ย่อมมีแก่ภิกษุผู้ไม่คุ้มครอง
ทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ไม่รู้ประมาณในโภชนะ ไม่ประกอบความเพียรเป็นเครื่อง
ตื่นอยู่ ไม่เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรม
ทั้งหลายทุกวัน ทุกคืน ดูกรภิกษุ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เราจักเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ ประกอบ
ความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่ เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย ประกอบการเจริญโพธิ-
*ปักขิยธรรมทั้งหลาย ทุกวัน ทุกคืน ดังนี้ ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ครั้งนั้นแล ภิกษุนั้นอันพระผู้มีพระภาคตรัสสอนด้วยพระโอวาทนี้แล้ว ลุกขึ้น
จากที่นั่งถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วหลีกไป ภิกษุนั้นหลีกออก
จากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจแน่วแน่อยู่ ไม่นานเท่าไร
ได้ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตรทั้งหลายออกบวชเป็น
บรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า
ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความ
เป็นอย่างนี้มิได้มีอีก ก็แลภิกษุนั้นได้เป็นพระอรหันต์ รูปหนึ่ง ในจำนวน
พระอรหันต์ทั้งหลาย ครั้งนั้น ภิกษุนั้น ได้บรรลุอรหัตแล้ว จึงเข้าไปหาอุปัชฌาย์
ของตนถึงที่อยู่ แล้วกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บัดนี้ กายผมไม่หนักขึ้น ทิศ
ทั้งหลายย่อมปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมแจ่มแจ้งแก่ผม ถีนมิทธะย่อมไม่
ครอบงำจิตของผม ผมยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมไม่มีความสงสัยในธรรม
ทั้งหลาย ครั้งนั้น ภิกษุนั้น พาภิกษุผู้สัทธิวิหาริกนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง
ที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วกราบทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ บัดนี้ กายของผมไม่
หนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมปรากฏแก่ผม ธรรมทั้งหลายย่อมแจ่มแจ้งแก่ผม ถิ่น-
*มิทธะย่อมไม่ครอบงำจิตของผม ผมยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และผมไม่มีความ
สงสัยในธรรมทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ การที่กายของเธอไม่
หนักขึ้น ทิศทั้งหลายย่อมปรากฏแก่เธอ ธรรมทั้งหลายย่อมแจ่มแจ้งแก่เธอ ถิ่น-
*มิทธะย่อมไม่ครอบงำจิตของเธอ เธอยินดีประพฤติพรหมจรรย์ และเธอไม่มี
ความสงสัยในธรรมทั้งหลายนี้ ย่อมมีได้แก่ภิกษุผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
รู้ประมาณในโภชนะ ประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่ เห็นแจ้งกุศลธรรม
ทั้งหลาย ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรมทั้งหลาย ทุกวัน ทุกคืน ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจัก
เป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ ประกอบความ
เพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่ เห็นแจ้งกุศลธรรมทั้งหลาย ประกอบการเจริญโพธิปักขิย-
*ธรรมทั้งหลาย ทุกวัน ทุกคืน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ
จบสูตรที่ ๖

             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒ บรรทัดที่ ๑๖๐๓-๑๖๔๘ หน้าที่ ๗๐-๗๑.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=1603&Z=1648&pagebreak=0
             ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [คลิกเพื่อฟัง]

ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร

..สมัยพุทธกาล มีคนถามพระพุทธองค์ว่า 
ปฏิบัติธรรมแล้ว สุดท้ายเราจะได้อะไร

พระพุทธองค์ตอบว่า"ไม่ได้อะไรเลย"

เขาจึงถามต่อไปว่า... ถ้าเช่นนั้นท่านจะปฏิบัติไปเพื่ออะไร

พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า 
ตถาคตสามารถบอกเธอถึงสิ่งที่หายไป นั้นก็คือ

ความโกรธได้หายไป 
ความหม่นหมองวิตกกังวลหายไป 
ความเศร้าท้อแท้หายไป
ความกังวลไม่สบายใจหายไป
ความเห็นแก่ตัว โลภะ โทสะ โมหะพิษร้ายทั้งสามก็หายไป
อวิชาคือความไม่รู้ที่ปิดกั้น ปุถุชนทั้งหลายก็ได้สูญสิ้นไป

พูดเหมือนง่าย... แต่เหตุผลนั้นมันลึกซึ้ง...
คนทั้งหลายที่มาสู่โลกนี้ มีเพียงสองเรื่องคือเกิดกับตาย

เรื่องแรกทำสำเร็จไปแล้ว ส่วนอีกเรื่องนั้นเราจะทุกข์ร้อนไปทำไม...

มีวาสนาก็มา ... ไม่มีวาสนาก็ไป... สิ่งใดที่สมควรแก่เหตุก็มาเอง... สิ่งใดที่ไม่สมควรแก่เหตุ จะแสวงหาก็ไม่พบ อ้อนวอนก็ไม่สำเร็จ...มีวาสนาก็ไม่ปฏิเสธ ไร้วาสนาก็ไม่ต้องแสวงหา... สิ่งที่เข้ามาหาก็ต้อนรับ สิ่งที่จากไปก็ไม่ต้องอาลัย... ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วแต่วาสนา ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรจะเป็น

ผู้มีปัญญาทั้งหลายไม่เอาชีวิตไปขึ้นอยู่กับปากและตาของผู้อื่น... ให้มองเห็นจิตและใจของตนเอง... มีสติ รู้จิต ไม่ฟุ้งซ่าน... ไม่ดิ้นรนแสวงหาในสิ่งที่หลอกลวงทั้งหลาย... ไม่ดิ้นรนแสวงหา ใจเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง... จะร้อนจะหนาว จะลุกจะนั่ง จิตก็มีสติอยู่เสมอ นี่แหละคือการปฏิบัติธรรม

เกิดเป็นคน อย่าเป็นคนหลอกลวงไร้สัจจะ ถ้าเป็นคนหลอกลวงจะไม่สามารถเปิดใจต่อผู้อื่นได้... ความทุกข์ที่สุดของมนุษย์คือใจที่ไร้ที่พึ่ง...

ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ ยอมรับหรือไม่ยอมรับก็ตาม จิตที่ดีงามย่อมไม่มีเรื่องทุกข์ใจฺ... 

จิตที่ประเสริฐ ย่อมไม่มีผู้ที่จะต้องเคียดแค้นชิงชัง... จิตที่เรียบง่าย ย่อมไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ... เป็นคนดี กายใจซื่อตรง ย่อมหลับเป็นสุข... ผู้ประกอบกรรมดี ฟ้าดินย่อมมองเห็น ผีสางเทวดาย่อมสรรเสริญ

ความสงบที่แท้จริงมิได้เกิดจากการนั่งนิ่งๆหลายชั่วโมง แต่เกิดจากการมองผู้คนและสิ่งทั้งหลายด้วยใจที่สงบ ได้ยินแม้แต่เสียงดอกไม้บาน... นั่งก็เป็นสมาธิ เดินก็เป็นสมาธิ 

เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เหตุเกิดขึ้นแล้วก็ว่างเปล่า...ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของทุกคน ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้แต่เพียงเกี่ยวข้องแล้วก็ผ่านไป... พวกเราทุกคนเป็นเพียงแขกผู้ผ่านกาลเวลาเท่านั้น... วันหนึ่งเราก็ต้องบอกลาทุกสิ่งไป

ทุกสิ่งที่ปรากฎต่อหน้าเรานั้นควรจะทนุถนอม... แต่สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ควรต้องอาลัย... สิ่งใดที่ควรได้ก็ให้รับเขาด้วยความยินดีแต่ไม่ยึดถือ.. 

ขออวยพรแด่ทุกคนที่มีวาสนาได้เกิดมาเป็นมนุษย์ร่วมโลกกัน

อมตะธรรม ประเทศไทย

27 กุมภาพันธ์ 2564

หลักธรรม คำสอนพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร

ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร พระบูรพาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระกัมมัฏฐาน

๑. เราทั้งหลาย ต่างเกิดมาด้วยวาสนา มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้ อย่างเต็มภูมิ ดังที่ทราบอยู่แก่ใจ อย่าลืมตัวลืมวาสนา โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อ ภพชาติของเรา ที่เคยเป็นมนุษย์ จะเปลี่ยนแปลง และกลับกลายหายไป เป็นชาติที่ต่ำทราม ท่านจึงสอน ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน เมื่อเห็นเขาตกทุกข์
หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริง ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดี กรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้ เช่นเดียวกับผู้อื่น

๒. เกิดมาแล้ว ก็แก่ เจ็บ ตาย แต่ก่อนจะตาย ทานยังไม่มี ก็ให้มีเสีย ศีลยังไม่เคยรักษา ก็รักษาเสีย ภาวนายังไม่เคยเจริญ ก็เจริญให้พอเสียจะได้ไม่เสียที ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาด้วยความไม่ประมาท..นั้นละจึงจะสม กับที่ได้เกิดมาเป็นคน

๓. ผู้มีปัญญาไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผู้มีปัญญาได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย ผู้มีปัญญาซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน

๔. จะเอาอะไรมาเพิ่มอีก..ก็ถ้าหากตายไปในวันนี้วันพรุ่งนี้ สิ่งต่างๆที่เคยมีและผ่านเข้ามา ตะเกียดตะกายดิ้นรนไขว่คว้า ทุกอย่างก็จะเป็นเพียงแค่ สิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของเรา

๕. ไม่ควร "ยกโทษ ผู้อื่น" หรือ "เพ่งโทษผู้อื่น" ถึงแม้นผู้นั้น จะไม่ดีก็ตามที เพราะการเพ่งโทษผู้อื่น จะนำความวิบัติสู่ตนโดยไม่รู้ตัว ความเผลอสติ มักพาให้ผู้คนนั้น "ยกโทษผู้อื่น และพยายามยกคุณตนเอง" แทนที่จะ "ยกคุณผู้อื่น ยกโทษตนพิจารณา"

๖. วิธีการภาวนา คือ วิธีสังเกตตัวเอง สังเกตจิตที่มีนิสัยหลุกหลิก ไม่อยู่เป็นปกติสุข ด้วยการมีสติตามระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของจิต โดยมีธรรมบทใดบทหนึ่ง เป็นคำบริกรรม เพื่อเป็นยารักษาจิตให้ทรงตัวอยู่ได้ด้วยความสงบสุขในขณะการภาวนา ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน เมื่อเห็นเขาตกทุกข์ หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้น หรือ ยิ่งกว่านั้นก็ได้ เมื่อถึงวาระเข้าจริง ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมดี กรรมชั่ว เรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล คือ ลืมตน จะกลายเป็น ผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้

๗. เราต้องการของดี คนดีจำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นฝึกไปไม่ได้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกตน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้วจึงหมดการฝึก คำว่า ดี จะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน

๘. คนมีทานย่อมเป็นผู้สง่าผ่าเผย และเด่นในปวงชน เป็นที่เคารพรักในหมู่ชน จะตกอยู่ทิศใดย่อมไม่อดอยาก ขาดแคลน จะมีสิ่งหรือผู้อุปถัมภ์จนได้ ไม่อับจนทนทุกข์ ผู้มีทานประดับตน ย่อมไม่เป็นคนล้าสมัย บุคคลทุกชั้นไม่รังเกียจ

๙. บุคคลใดปฏิบัติแล้ว บุคคลนั้นย่อมพิจารณาความเป็นไปแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมเห็นความเกิด ความแก่ ความเจ็บไข้ และความตายในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่เห็นความสุข ความยินดีน้อยหนึ่งในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ไม่เห็นซึ่งอะไรๆ ในเบื้องต้น ท่ามกลาง หรือที่สุดในสังขารทั้งหลายเหล่านั้นซึ่งจะเข้าถึงความเป็นของไม่ควรถือเอา

๑๐. อย่าลดละท้อถอยความเพียร ธรรมเป็นสมบัติกลางและเป็นสมบัติของทุกคนที่ใคร่ต่อธรรม พระพุทธเจ้ามิได้ผูกขาดไว้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ ต่างมีสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของได้ด้วยการปฏิบัติดีของตนด้วยกัน

๑๑. ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดแต่ตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรมไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน

๑๒. การปฏิบัติธรรม เป็นการทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนเรื่อง กาย วาจา จิต มิได้สอนเรื่องอื่น ทรงสอนให้ปฎิบัติฝึกหัดจิตใจ ให้เอาจิตพิจารณากาย เรียกว่า..กายานุปัสสนาสติปัฏฐานหัดสติให้มากในการค้นคว้า เรียกว่า..ธัมมวิจยะ พิจารณาให้พอทีเดียว เมื่อพิจารณาพอจนเป็นสติสัมโพชฌงค์ จิตจึงจะเป็นสมาธิรวมลงเอง การประกอบความพากเพียร ทำจิตให้ยิ่ง เป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

๑๓. ใครเพียร ใครอาจหาญ ใครอดทน ในการต่อสู้กับกิเลสตัวฝืนธรรมอยู่ตลอดเวลา ผู้นั้นจะเจอร่มเงาแห่งความสงบเย็นใจในโลกนี้ ในบัดนี้ และในดวงใจนี้ ไม่เนิ่นนานเหมือนการท่องเที่ยวที่เจือไปด้วยสุขด้วยทุกข์อยู่ทุกภพ ทุกชาติ ไม่มีวันจบสิ้น

๑๔. ฝึกตนดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า ถ้าบุคคลไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกแจกธรรมสั่งสอนไซร้ ก็จักเป็นผู้มีโทษปรากฏว่า ปาปโก สทฺโท โหติ คือ เป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ

๑๕. ผู้มีสมบัติพอประมาณในทางที่ชอบ มีความสุขมากกว่าผู้ได้มาในทางมิชอบเสียอีก เพราะนั่นไม่ใช่สมบัติของตนอย่างแท้จริงทั้งๆ ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์

๑๖. อย่าไปสนใจคิดถึงกาลสถานที่ หรือบุคคลใดๆ ว่าเป็นภัยและเป็นคุณ ให้เสียเวลาและล่าช้าไปเปล่า โดยไม่เกิดประโยชน์อะไร ยิ่งกว่าการคิดเรื่องกิเลสกับธรรม ซึ่งมีอยู่ที่ใจ

๑๗. การงานทุกชนิดที่ทำด้วยใจ ของผู้มีภาวนาจะสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย ทำด้วยความใคร่ครวญเล็งถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เป็นผู้มีหลักมีเหตุผล ถือหลักความถูกต้องเป็นเข็มทิศทางเดินของกาย วาจา ใจ ไม่เปิดช่องให้ความอยากอันไม่มีขอบเขตเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะความอยากดั้งเดิมเป็นไปตามอำนาจของกิเลสตัณหา ซึ่งไม่เคยสนใจต่อความผิด ถูก ชั่ว ดี พาเราเสียไป จนนับไม่ถ้วนประมาณไม่ถูก จะเอาโทษมันก็ไม่ได้ ยอมให้เสียไปอย่างน่าเสียดาย ถ้าไม่มีสติระลึกบ้างเลยแล้วของเก่าก็เสียไป ของใหม่ก็พลอยจมไปด้วย ไม่มีวันฟื้นคืนตัวได้

๑๘. ความทุกข์ ทรมาน ความอดทน ทนทาน ต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง ใจจะกลายเป็นของประเสริฐ ให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจต่อเรื่องทั้งหลายทันที

๑๙. ศาสนาทางมิจฉาทิฏฐิ ก็นับวันจะแสดงปาฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย ฉะนั้น พวกเธอทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่ธรรม พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแล

๒๐. วิธีถ่ายถอนกิเลส...พึงเจริญอสุภภาวนา เพื่อละราคะเสีย พึงเจริญเมตตา เพื่อละพยาบาทเสีย พึงเจริญอานาปานสติเพื่อเข้าไปตัดวิตกเสีย พึงเจริญอนิจจสัญญา เพื่อถอนอัสมิมานะเสีย อนัตตาสัญญา ก็พึงเห็นพึงตั้งใจไว้ด้วยดี ความถอนอัสมิมานะขึ้นเสียได้ เป็นปรินิพพานในทิฏฐธรรมภพปัจจุบันนี้ทีเดียว..."

พระครูวินัยธร หลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถร วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร [พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒]

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

พระพุทธเจ้าในอนาคต ๑๐ พระองค์











พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์ไว้แก่พระสารีบุตรถึงการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าในอนาคตไว้ ๑๐ พระองค์ ต่อจากพระองค์ไปโดยลำดับกัปนับแต่ภัทรกัปนี้เป็นต้นไป ซึ่งพระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ พระองค์นี้ เมื่อทรงสร้างบารมี ๓๐ ทัศครบบริบูรณ์แล้ว จะทรงมีพุทธานุภาพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พระอนาคตวงศ์ ๑๐พระองค์ มีประวัติโดยย่อดังนี้

๑.) พระศรีอาริยเมตไตรย
ในอดีตพระองค์ คือพระเจ้าสังขจักรพรรดิราช แห่งอินทปัตนครในสมัยของพระสิริมิตรพุทธเจ้า
วันหนึ่ง พระองค์ได้พบสามเณรในสำนักพระสิริมิตรพุทธเจ้า ทรงเกิดความเลื่อมใสในสามเณรนั้น
พระองค์จึงเสด็จมาเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ที่บุพพาราม หลังจากที่พระองค์ได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าสิริมิตรแล้ว พระองค์จึงได้ถวายศีรษะของพระองค์เองแด่พระพุทธเจ้าเพื่อบูชาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระองค์
แล้วทรงไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต
และด้วยอานิสงค์แห่งบารมีนี้เอง จึงทำให้พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา ขณะนี้พระองค์ทรงเสวยทิพยสมบัติเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต และเมื่อถึงกำหนดเวลา พระโพธิสัตว์เจ้าจะได้ลงมาจุติในโลกมนุษย์ ในวรรณะพราหมณ์
เกิดในครรภ์ของนางพรหมวดีซึ่งเป็นภรรยาของสุพรหมพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิราชแห่งเกตุมดีนคร
เมื่อทรงประสูติจะมีนิมิต ๓๒ ประการปรากฏขึ้น
และมีมหาปราสาทสำหรับเป็นที่ประทับ ปรากฏขึ้น ๓ หลัง หลังละ ๗ ชั้น ประดับประดาด้วยรัตนะ ๗ ประการ
พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๘๘ ศอก ( ๔๔ เมตร) และทรงกระทำความเพียรเพื่อตรัสรู้นาน ๗ วัน พระฉัพพรรณรังสีของพระองค์จะแผ่ไปหมื่นโลกธาตุ ส่องสว่างตั้งแต่อเวจีมหานรกถึงภวัคคพรหม

๒.) พระรามพุทธเจ้า คือ อดีตนารทมาณพ ซึ่งเกิดในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าเมื่อพุทธันดรที่แล้ว)
นารทมาณพนั้นได้จุดไฟที่ศีรษะบูชาแด่พระพุทธเจ้า
หลังจากที่ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากพระศรีอาริยเมตไตรย ก็ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิตก่อนจะมาจุติเป็นพระรามพุทธเจ้า และต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๙๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๘๐ ศอก ( ๔๐ เมตร) มีพระฉัพพรรณรังสีส่องสว่างตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

๓.) พระธรรมราชาพุทธเจ้า คือ อดีตพระเจ้าปเสนทิโกศล
ที่จะมาบังเกิดเป็นพราหมณ์หนุ่มชื่อ สุทธมาณพ หาเลี้ยงชีพโดยเก็บดอกบัววันละ ๒ ดอกไปขาย ทรงได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าโกนาคมน์ว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต เมื่อได้เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วจะลงมาจุติบนโลกมนุษย์ เป็นกษัตริย์มีพระนามว่าพระธรรมราชา และต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๕๐,๐๐๐ ปี จะมีพระสรีรกายสูง ๑๖ ศอก (๘ เมตร)
ทรงมีพระฉัพพรรณรังสีเกิดขึ้นเป็นนิจ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

๔.) พระธรรมสามีพุทธเจ้า คือ อดีตพระยามาราธิราช (พญาวสวัตดีมาร) ผู้เป็นจอมเทวดาฝ่ายมารบนสวรรค์ชั้นสูงสุด(ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี) พระองค์จะได้บังเกิดเป็นมหาเสนาบดีนามว่าโพธิ
และได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ากัสสปะว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต และเมื่อไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว ก็จะจุติลงมาเกิดเป็นกษัตริย์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา ทรงมีพระนามว่าพระธรรมสามี พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๘๐ ศอก (๔๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีจะสว่างดังแสงพระอาทิตย์และพระจันทร์

๕.) พระนารทพุทธเจ้า คือ อดีตพระยาอสุรินทราหู ผู้เป็นมหาอุปราชครองภพอสูร ได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นกษัตริย์มีพระนามว่าสิริคุต ครองนิรมลนครในสมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ และได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันว่า
จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตมีพระนามว่านารทะ
พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๑๐,๐๐๐ ปี ทรงมีพระสรีรกายสูง ๑๒๐ ศอก (๖๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีบังเกิดขึ้นทั้งกลางคืนและกลางวัน

๖.) พระรังสีมุนีพุทธเจ้า คือ อดีตโสณพราหมณ์
ที่จะมาบังเกิดเป็นพ่อค้ามีนามว่า มาฆมาณพในสมัยพระพุทธเจ้ากกุสันธะ มาฆมาณพเป็นพ่อค้าที่ฉลาด แต่ประสบทุกข์
สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้จำนวนมากถึง ๓ ครั้ง ๓ คราว จึงเดินทางไปเมืองโกสัมพี เพื่อรักษาอุโบสถศีลในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ พระกกุสันธพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า มาฆมาณพจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ทรงพระนามว่าพระรังสีมุนี
พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๕,๐๐๐ ปี มีสรีรกายสูง ๖๐ ศอก ( ๓๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีแสงสว่างแห่งพุทธรัศมีสว่างไสวในเวลากลางวันเหมือนดังแสงทอง และสว่างไสวในเวลากลางคืนดังแสงสีเหลือง

๗.) พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า คือ อดีตสุภพราหมณ์
บรมโพธิสัตว์ที่มาบังเกิดเป็นพระยาช้างฉัททันต์ ริมฝั่งสระฉัททันต์ในสมัยพระโกนาคมนพุทธเจ้า พระยาช้างฉัททันต์ได้เห็นสรีระของพระสาวกอันมีพระนามว่าพระอัญญาโกณฑัญญะ
ซึ่งดับขันธปรินิพพานที่ริมสระฉัททันต์นั้น จึงได้อธิษฐานขอบุญกุศลที่เคยบำเพ็ญมา ทำให้เกิดเลื่อยมาเลื่อยเอางาทั้งสองของตน โดยเอางาช้างหนึ่งมาทำเป็นราง อีกข้างหนึ่งทำเป็นรูปนกยูง เพื่อประดิษฐานสรีระของพระเถระไว้กับราง แล้วรวบขนบนศีรษะของตนจุดไฟบูชาสรีระของพระเถระ และตั้งความปรารถนาขอให้การถวายงาจงเป็นพลวปัจจัยให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ สุภพราหมณ์ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ทรงมีพระนามว่า พระเทวเทพ พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีสรีรกายสูง ๘๐ ศอก (๔๐ เมตร) มีฉัพพรรณรังสีประดุจดังช่อดอกไม้ ไม่มีความหนาวร้อน ส่องสว่างไปทั่วสากลโลก

๘.) พระนรสีหสัมพุทธเจ้า คือ อดีตนันทมาณพ ซึ่งเคยถวายผ้ากำพล ๑ ผืน และทองแสนตำลึงแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในสมัยหนึ่ง ได้ตั้งความปรารถนาในคราวนั้นว่าขอให้ตนได้เกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มีอำนาจแผ่ไปตลอดหนึ่งโยชน์ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง ต่อมาเมื่อนันทมาณพตายไปแล้วก็ได้ไปเสวยทิพยสมบัติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วจึงจุติลงมาเกิดเป็นกษัตริย์ เสวยสัมบัติในเมืองมนุษย์ก่อนจะมาเกิดเป็นโตเทยยพพราหมณ์ ในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดมซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระพุทธองค์ได้พยากรณ์โตเทยยพพราหมณ์ว่า
จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มีพระนามว่าพระนรสีหะ
พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีสรีรกายสูง ๖๐ ศอก (๓๐ เมตร) แสงสว่างแห่งพุทธรัศมี กลางวันมีสีประหนึ่งแก้วมณี กลางคืนมีสีประหนึ่งสีทอง เบื้องบนพระเศียร จะมีเศวตฉัตรอันประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ ขนาด ๓ โยชน์ ลอยอยู่เป็นนิจ

๙.) พระติสสสัมพุทธเจ้า คือ อดีตช้างธนบาลบรมโพธิสัตว์(ช้างนาฬาคีรี) ที่เคยเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของพระธรรมราชาแห่งแคว้นจำปานคร ทรงมีพระนามว่าธรรมเสน ต่อมา พระองค์ได้เสด็จออกผนวชอยู่ในสำนักพระฤาษีธรรมเสนได้ฟังธรรมของพระโกนาคมนพุทธเจ้า จนเกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายศีรษะของพระองค์บูชาพระโกนาคมนพุทธเจ้า และตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ทรงได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตมีพระนามว่าพระติสสะ พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๘๐ ศอก ( ๔๐เมตร) พระฉัพพรรณรังสีประดุจเปลวเพลิง สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน แสงสว่างจากพระอุณาโลมเป็นประหนึ่งแวดล้อมด้วยเศวตฉัตรนับพัน

๑๐.)พระสุมลสัมพุทธเจ้า คือ อดีตช้างปาลิไลยกะ ซึ่งได้เคยบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในอดีตชาติ ทรงพระนามว่ามหาปนาทะ ทรงผนวชในสำนักพระกกุสันธพุทธเจ้า ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต มีพระนามว่าพระสุมงคล พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๖๐ ศอก ( ๓๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีในเวลากลางวันเป็นเช่นเดียวกับแสงสีทอง และในเวลากลางคืนเป็นเช่นเดียวกับแสงสีเงิน

พระองค์ได้ตรัสเป็นลำดับกันโดยนิยมดังนี้ อันว่าไม้พระศรีมหาโพธิอปราชิตบัลลังค์ที่นั่งทรงพิจารณาพระปฏิจจสมุปบาทธรรม แล้วตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้านั้น

- พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า คือไม้กากะทิงเป็นที่ตรัสรู้ ๑
- พระรามเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัสรู้ ๒
- พระธรรมราชาเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัสรู้ ๓
- พระธรรมสามีเจ้า คือ ไม้รังใหญ่เป็นที่ตรัสรู้ ๔
- พระนารทะเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัสรู้ ๕
- พระรังสีมุนีเจ้า คือ ไม้ดีปลีใหญ่เป็นที่ตรัสรู้ ๖ (บางคัมภีร์ว่าเป็นไม้เลียบ)
- พระเทวเทพเจ้า คือ ไม้จำปาเป็นที่ตรัสรู้ ๗
- พระนรสีหะเจ้า คือ ไม้แคฝอยเป็นที่ตรัสรู้ ๘
- พระติสสะเจ้า คือ ไม้ไทรเป็นที่ตรัสรู้ ๙
- พระสุมงคลเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัสรู้ ๑๐

อันว่าไม้พระมหาโพธิ ๑๐ ต้นนี้ เป็นที่ได้ตรัสรู้พระสัพพัญญู แห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์ อันจะบังเกิดในอนาคตกาลเบื้องหน้าฯ

อันว่านรชาติหญิงชายทั้งหลายจำพวกใดได้ถวายนมัสการกราบไหว้ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์กับทั้งไม้พระศรีมหาโพธิ ๑๐ ต้น ดังพรรณนามานี้ อันว่านรชาติหญิงชายจำพวกนั้นจะมีผลานิสงส์คือ มิได้ไปบังเกิดในนรกสิ้นกาลช้านานถึงแสนกัปป์ ด้วยกุศลเจตนาของอาตมาที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์นั้นฯ

สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์พุทธเจ้าของเราทรงบัณฑูรพระธรรมเทศนาว่า แท้จริงกัปป์ที่เรียกสุญญกัปนั้น คือเปล่าเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณ กัปป์ที่มิได้สูญจากท่านผู้ทรงพระคุณนั้นมี ๕ ประการ คือ
- สารกัปป์ ๑
- มัณฑกัปป์ ๑
- วรกัปป์ ๑
- สารมัณฑกัปป์ ๑
- ภัทรกัปป์ ๑

อันว่าแผ่นดินทั้ง ๕ ประการนี้ มีสมเด็จพระพุทธเจ้าบังเกิดใน สารกัปนั้น ๑ พระองค์, ในมัณฑกัปป์ ๒ พระองค์, ในวรกัปป์ ๓ พระองค์, ในสารมัณฑกัปป์ ๔ พระองค์, ในภัทรกัปป์ ๕ พระองค์ เหมือนกับแผ่นดินเราทุกวันนี้ ชื่อว่าภัทรกัปบังเกิดพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ฯ คือ
- พระกุกกุสนธเจ้าพระองค์ ๑
- พระโกนาคมนเจ้าพระองค์ ๑
- พระกัสสปเจ้าพระองค์ ๑
- พระพุทธเจ้าของเราอันทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดมพระองค์ ๑

- ไปในอนาคตเบื้องหน้า พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า ซึ่งจะได้มาตรัสนั้น พระองค์ ๑ เป็นพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ด้วยกัน บังเกิดในภัทรกัปอันนี้ฯ

เมื่อองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า ตรัสแล้วล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน สิ้นพระศาสนาของพระองค์เจ้าแล้วล่วงไปจนถึงไฟประลัยโลก สิ้นแผ่นดินแผ่นฟ้าตลอดกาลช้านาน จึงบังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกว่า สุญญกัปป์ เปล่าเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณวิเศษนั้นนานถึง อสงไขยแผ่นดิน

โลกทั้งหลายมืดสิ้นไม่มีท่านผู้วิเศษเลย ต่อสิ้นกาลช้านานแห่งสุญญกัปป์นั้น นับได้อสงไขยแผ่นดินล่วงไปแล้ว เกิดกัปใหม่ตั้งแผ่นดินขึ้นใหม่เรียกว่ามัณฑกัปป์ จะมีสมเด็จพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิเจ้า และสมเด็จบรมจักร

ในกาลครั้งนั้นจึงมีพระรามเจ้าเป็นอาทิจะได้ตรัสรู้ก่อน พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่สมควรจะได้ตรัสนั้น ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบๆกันไปตามนัยดังแสดงแล้วแต่หนหลัง ด้วยวาสนาภูมิบารมีของพระบรมโพธิสัตว์สร้างมานั้นต่างๆกัน

- ที่เป็นอุคฆติตัญญูโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกชื่อว่า ปัญญาธิกะ ยิ่งด้วยปัญญาฯ

- ที่เป็นวิปจิตัญญูโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๘ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกชื่อว่า สัทธาธิกะ ยิ่งด้วยศรัทธาฯ

- ที่เป็นเนยยโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๑๖ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกชื่อว่า วิริยาธิกะ ยิ่งด้วยความเพียรฯ

ตามประเพณีพุทธภูมิโพธิสัตว์ทั้ง ๓ จำพวก อันมีในคัมภีร์พระอนาคตวงศ์

ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราตรัสพระสัทธรรมเทศนา แก่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ก็สิ้นเนื่อความยุติลงแต่เพียงเท่านี้ฯ

อานิสํสกถา

พระบรมโพธิสัตว์ อันจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้า ๑๐ พระองค์นั้น
- ที่ ๑ คือพระศรีอาริยเมตไตรย์ พระองค์มีพระชนม์ชีพได้ ๘ หมื่นปี พระสรีระกายสูงได้ ๘๘ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระมหาโพธิในภัทรกัปป์นี้ฯ

- ที่ ๒ คือพระรามเจ้า พระองค์มีพระชนม์ได้ ๙ หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้จันทร์แดงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

- ที่ ๓ คือพระเจ้าปเสนธิโกศล จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมราชา พระองค์มีพระชนม์ได้ ๕ หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ ๑๖ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

- ที่ ๔ คือพระยามาราธิราช จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมสามี พระองค์มีพระชนม์ได้ ๑๐ หมื่นปี มีพระสรีระกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้รังเป็นพระศรีมหาโพธิ ในสารกัปป์ฯ

- ที่ ๕ คือพระยาอสุรินทราหู จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนารทะ พระองค์มีพระชนม์ได้หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๒๐ ศอก มีไม้จันทร์เป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

- ที่ ๖ คือโสณพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระรังสีมุนี พระองค์มีพระชนม์ได้ ๕ พันปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๖๐ ศอก มีไม้ดีปลีก็ว่า ไม้เลียบก็ว่าเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

-ที่ ๗ คือสุภพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระเทวเทพ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้จำปาเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

- ที่ ๘ คือโตไทยพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนรสีหะ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปี มีพระสรีรกายสุงได้ ๖๐ ศอก มีไม้แคฝอยเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

- ที่ ๙ คือช้างนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระติสสะ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้ไทรเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ

- ที่ ๑๐ คือช้างปาลิไลย จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสุมงคล พระองค์มีพระชนม์ได้ ๑๐ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๖๐ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ฯ..."

ข้อมูลจาก : พุทธวงศ์ อานิสํสกถา

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาบุญท่านเจ้าของผู้ถ่ายภาพนี้ พร้อมทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการเผยแผ่โอวาทธรรมนี้ ทุกๆท่าน

26 กุมภาพันธ์ 2564

สรุปเรื่องสำคัญเนื่องในวันมาฆบูชา

“วันมาฆบูชา” ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓)

“มาฆบูชา” ย่อมาจาก “มาฆปูรณมีบูชา” หมายถึงการบูชาวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะ ตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน ๓ ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือเดือนมีนาคม วันมาฆบูชาเป็นเสมือนวันประชุมกันเป็นพิเศษแห่งพระอรหันตสาวก โดยมิได้มีการนัดหมายล่วงหน้าซึ่งได้มีขึ้น ณ บริเวณเวฬุวันวรมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นเวลานับได้ ๙ เดือน วันนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วันจาตุรงคสันติบาต” (มาจากศัพท์บาลี คือ จตุ+องค+สนนิปาต+ แปลว่า การประชุมอันประกอบด้วยองค์ประกอบทั้ง ๔ ประการ) เนื่องจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ ๔ ประการ คือ

 ๑. วันที่พระสงฆ์ทั้งหมดมาชุมนุมกันนี้ ตรงกับวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓)

๒. พระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป มาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมาย

๓. พระภิกษุ เหล่านั้นทั้งหมด ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง (เอหิภิกขุอุปสมปทา)

๔. พระภิกษุทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ ประเภทฉฬภิญญา คือ ได้อภิญญา ๖
พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ เป็นพระพุทธพจน์ ๓ คาถา ซึ่งถือได้ว่า เป็นหัวใจของพระศาสนา มีใจความดังนี้

พระพุทธพจน์คาถาแรก ทรงกล่าวถึง พระนิพพาน ว่าเป็นจุดมุ่งหมายหรืออุดมการณ์อันสูงสุดของบรรพชิตและพุทธบริษัท อันมีลักษณะที่แตกต่างจากศาสนาอื่น ดัง พระบาลีว่า “นิพพานัง ปรม วทนติ พุทธ” แปลว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า พระนิพพานเป็นบรมธรรม

พระพุทธพจน์คาถาที่ ๒ ทรงกล่าวถึง "วิธีการอันเป็นหัวใจสำคัญเพื่อเข้าถึงจุดมุ่งหมายของพระพุทธศาสนาแก่พุทธบริษัททั้งปวง โดยย่อดังพระบาลีว่า “สพพปาปสส อกสรณ กุสลสสูปสมปทา สจิตตปริโยทปเน เอต พุทธานสาสนฯ” คือ การไม่ทำชั่วทั้งปวง การบำเพ็ญแต่ความดี และการทำจิตของตนให้ผ่องใสเป็นอิสระจากกิเลสทั้งปวง ส่วนนี้เองของโอวาทปาฏิโมกข์ที่พุทธศาสนิกชนมักท่องจำกันไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นเพียงคาถาใน ๓ คาถากึ่งของโอวาทปาฏิโมกข์เท่านั้น

ส่วนพระพุทธพจน์คาถาสุดท้าย ทรงกล่าวถึงหลักการปฏิบัติของพระสงฆ์ผู้ทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนา ๖ ประการ คือ การไม่กล่าวร้ายใคร ,การไม่ทำร้ายใคร ,การมีความสำรวมในปาฏิโมกข์ทั้งหลาย ,การเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหารและการรู้จักที่นั่งนอนอันสงัด 

ไม่ว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดก็ตาม เมื่อได้มาตรัสรู้และประกาศคำสอนแล้ว ก็จะประกาศหัวใจของศาสนาด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งมีหัวข้อสำคัญอยู่ ๓ หัวข้อด้วยกันคือ ๑. ละเว้นจากการทำบาปทั้งปวง ๒. ทำกุศลทั้งหลายให้ถึงพร้อม ๓. ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ กำจัดความโลภ ความโกรธ ความหลงให้หมดสิ้นไปจากจิตจากใจ 

นี่คือหัวใจของพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ที่อุบัติขึ้นมาในอดีตก็ดี หรือจะมาตรัสรู้ในภายภาคหน้าก็ดี ก็จะสอนเหมือนกันทั้งนั้น เพราะคำสอนนี้เป็นเหตุที่จะนำสัตว์โลกไปสู่ความสุข ความเจริญแคล้วคลาดปลอดภัยจากทุกข์ภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวง เพราะสัตว์โลกทั้งหลายทั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมาจนถึงสัตว์นรก ก็ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น คือ “กฎของเหตุและผล” เหตุก็คือการกระทำ ผลก็คือความสุขความเจริญ หรือความทุกข์ความเสื่อม ก็จะตามมาไม่ยกเว้นใครทั้งสิ้น ถ้าทำเหตุที่ดีตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ทำทั้ง ๓ ประการ ก็จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด ถ้ายังไม่ได้บรรลุก็จะได้เป็นเทพ เป็นพรหม เป็นมนุษย์ไปก่อน จนกว่าจะทำภารกิจให้เสร็จสิ้นไป ก็จะได้กลายเป็นพระอรหันต์ กลายเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ถ้ายังไม่ถึงขั้นพระอรหันต์ก็จะเวียนว่ายอยู่ในภพที่ดี อยู่ในสุคติ เกิดเป็นมนุษย์บ้าง เป็นเทพบ้าง เป็นพรหมบ้าง แล้วในที่สุดก็จะได้เป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องไปเกิดอีกต่อไป ได้ไปอยู่ในพระนิพพาน อันเป็นดินแดนที่มีแต่ความสุขมีแต่ความเจริญโดยฝ่ายเดียว ปราศจากความทุกข์ต่างๆ

การกำจัดความโลภความโกรธความหลง ด้วยการสร้างปัญญาให้เกิดขึ้น สอนตนเองว่าไม่มีอะไรในโลกนี้เที่ยงแท้แน่นอน ที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ที่จะอยู่กับเราไปตลอด ที่จะให้ความสุขไร้ความทุกข์ เมื่อต้องพลัดพรากจากกัน ก็จะต้องปล่อยวาง เตรียมตัวเตรียมใจว่า สักวันหนึ่งจะต้องจากกันไป จะได้รู้สึกเฉยๆ ไม่เดือดร้อน ไม่ทุกข์ เพราะเดือดร้อนไปทุกข์ไป ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เกิดขึ้นได้ เมื่อถึงเวลาจะต้องตายจากกัน จะทุกข์หรือไม่ทุกข์ก็ต้องตายจากกันเหมือนกัน แต่คนที่ไม่ทุกข์ เป็นคนฉลาด เพราะใจสบาย คนที่ทุกข์เป็นคนโง่ ต้องแบกความทุกข์ ความเศร้าโศกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะไม่สร้างปัญญามาทำลายความหลงนั่นเอง นี้ก็คือการกำจัดความโลภความโกรธความหลงในจิตใจ เพื่อที่จะทำให้ไม่ต้องไปเกิดอีกต่อไป

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนา ชุด กำลังใจ ๓๑ 

เรื่อง “วันมาฆบูชา” กัณฑ์ที่ ๓๐๒ 
วันที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี

“ข้อมูลจากหนังสือ ป้ายบอกทาง”

ขอบคุณภาพโดย: Dean Moriarty 

หลวงปู่บุดดา ถาวโร บรรลุพระสัจธรรม

หลวงปู่บุดดา ถาวโร 
บรรลุพระสัจธรรม
(วัดกลางชูศรีเจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี)
หลวงปู่บุดดาได้เมตตาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านบรรลุธรรมว่า “คืนวันหนึ่ง ขณะที่ท่านนั่งสนทนาธรรมกับ หลวงปู่สงฆ์ พรหมสโร สองต่อสองตามปกติ อย่างออกรสออกชาติ จู่ๆ ท่านก็เงียบเสียงไปเฉยๆ และนั่งลืมตาค้างอยู่ หลวงปู่สงฆ์ก็แปลกใจที่ทำไม ? ท่านจึงเงียบไปเฉย ๆ เช่นนั้น ก็ถามหลวงปู่ว่า

“เอ๊ะ ! เป็นอะไรไป ?” หลวงปู่บุดดาท่านก็นิ่งเฉยไม่ตอบ นัยน์ตาเบิกโพลงอยู่อย่างนั้น

หลวงปู่บุดดาเล่าให้ฟังในภายหลังว่า ท่านรู้สึกสว่างแจ้งขึ้นมาเอง รู้สึกว่าไม่มีตัวตน เห็นชัดทุกอย่างรอบตัวว่า เป็นสิ่งสมมุติขึ้นมา เห็นปรมัตถธรรม ทุกอย่างมันเป็นธรรมหมด ไม่ใช่ของใคร พระพุทธเจ้าก็ไม่ถือเอาเป็นเจ้าของ พระอรหันต์ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ

สัพพัญญพุทธะ ปัจเจกพุทธะ สาวกพุทธะ ไม่มีตัวมีตน ธรรมต่างหากที่ทรงไว้ คงอยู่ในจิตของตนเอง ที่พูดกันแต่เรื่องปริยัติ ปฏิบัติ ไม่มีใครชนะใครหรอก มันติดในสมมุติบัญญัติกันต่างหากล่ะ

โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้ คือ เกื้อกูลแก่การตรัสรู้ธรรม ที่เกื้อหนุน อริยมรรค ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ และมรรคมีองค์ ๘

ทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้หลุดรอดได้ พ้นจากสมมุติบัญญัติหลวงปู่บุดดาบอกว่า “ท่านมีความรู้ความเข้าใจในธรรมทั้งหมดนี้ขึ้นมาเอง” ในขณะนั้น

หลวงปู่บุดดาได้อธิบายให้หลวงปู่สงฆ์ฟังต่ออย่างคล่องแคล่วว่า “อายตนะภายนอกกับภายในมันรวมกันได้ มันมีจิต เจตสิก รูป นิพพาน เท่านั้นเอง มีเพียงสมมุติบัญญัติเท่านั้นเอง ไม่มีเจ้าของ ผมขน เล็บ ฟัน หนัง ก็สมมุติบัญญัติขึ้นมา พูดกันไม่รู้เรื่อง แต่พิจารณาดูได้ อ่านได้ เข้าใจได้ จนรู้ความเป็นจริง ความเป็นไปของสังขาร รู้ความเป็นจริงของโลก ก็หมดกัน ไม่มีปัจจัยอะไรส่งให้สัตว์ต้องมาเกิดอีก”
หลวงปู่สงฆ์ฟังตามไม่ค่อยทัน เพราะต้องทำความเข้าใจตามไปด้วย และท่านก็ไม่เข้าใจว่าหลวงปู่บุดดาบรรลุธรรมอะไร ? เพราะเป็นโลกุตตรธรรมที่หลั่งไหลออกมาจากใจของหลวงปู่บุดดาในขณะนั้น หลวงปู่สงฆ์ก็ได้แต่เก็บเอาไปคิดพิจารณาตามเท่านั้น

หลังจากนั้น ๓ วัน หลวงปู่สงฆ์ได้มาบอกหลวงปู่บุดดาว่า “ไม่มีคนไปนรก ไม่มีคนไปสวรรค์เน้อ ! “   

หลวงปู่บุดดาจึงเสริมว่า “โอ้ย ! มันจะมีนรก มีสวรรค์อย่างไร นั่นมันกิเลสต่างหากเล่า กิเลสหมด มันก็หมดนรก หมดสวรรค์ซิ”

หลวงปู่สงฆ์บอกความรู้สึกของท่านกับหลวงปู่บุดดาในขณะนั้นว่า “เอ๊ะ ! ทำไม ? ไม่มีคนไปนรก ไม่มีคนไปสวรรค์ล่ะ ทำไม ? ไม่มีคนล่ะ !”

หลวงปู่บุดดาก็อุทานตอบไปว่า “โอ๊ย ! มันไม่มีมาตั้งแต่ไหน แต่ไรแล้ว ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ตั้งแต่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนามาแล้ว นรก...สัตว์สร้างเอาเอง สวรรค์...สัตว์ก็สร้างเอาเอง ถ้าไม่มีสัตว์สร้าง สวรรค์นรกจะเกิดได้อย่างไร”

หลวงปู่สงฆ์ท่านบอกว่า “ท่านไม่ถือรูปถือนาม ไม่ถือธาตุถือขันธ์อะไรแล้ว ถ้าหลงรูป หลงนามอยู่ มันก็หลงเกิด หลงตายอีกซิ”  
        
หลวงปู่สงฆ์จึงบรรลุพระสัจธรรม ณ ถ้ำภูคา อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ในพรรษาที่ ๕ อายุ ๔๒ ปี ณ สถานที่แห่งเดียวกับหลวงปู่บุดดา ถาวโร บรรลุพระสัจธรม ในพรรษาที่ ๔ อายุ ๓๒ ปี

25 กุมภาพันธ์ 2564

ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์คือพระนิพพาน

#ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์คือพระนิพพานต้องอ่าน
โลกุตรภูมิ คือ ภูมิหรือชั้นที่พ้นจากภพ 3 คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ หมายถึง ระดับจิตของพระอริยบุคคลที่พ้นจากกิเลสโดยเด็ดขาดตามลำดับและรวมถึงอมตมหานิพพานด้วย

1. #ภูมิของพระโสดาบัน เป็นภูมิลำดับแรกในโลกุตรภูมิ เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพาน เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ได้ 3 อย่าง คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส จะกลับมาเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ

2. #ภูมิของพระสกิทาคามี เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 2 เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ที่จะกลับมาเกิดอีกเพียงครั้งเดียว ผู้ที่จะเข้าถึงสภาวะของความเป็นพระสกิทาคามี จะต้องผ่านความเป็นพระโสดาบันก่อน พระสกิทาคามี มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ที่พระโสดาบันละได้ และสามารถขจัดสังโยชน์เพิ่มอีก 2 ตัว คือ กามราคะ และปฏิฆะ ให้เบาบางลงได้อีกด้วย

3. #ภูมิของพระอนาคามี เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 3 ของโลกุตรภูมิ ซึ่งจะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นพระโสดาบัน และพระสกิทาคามีมาตามลำดับ จึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอนาคามี พระอนาคามีมีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5 อย่าง ซึ่งละสังโยชน์ต่อจากพระสกิทาคามีอีก 2 อย่าง คือ กามราคะ และปฏิฆะ ผู้ที่เป็นพระอนาคามี เมื่อละโลกแล้ว จะบังเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาสและบรรลุพระอรหันต์บนนั้น ไม่กลับมาเกิดอีก

4. #ภูมิของพระอรหันต์ เป็นโลกุตรภูมิลำดับสุดท้าย อันเป็นภูมิขั้นสูงสุดของโลกุตรภูมิ เป็นเป้าหมายอันสูงสุดของมวลมนุษยชาติ การจะเป็นพระอรหันต์จะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นอริยบุคคลทั้ง 3 ขั้นมาตามลำดับ แล้วจึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอรหันต์ได้ คุณวิเศษของพระอรหันต์ คือ นอกจากละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ 5 ประการแล้ว ในขั้นนี้สามารถละสังโยชน์เบื้องสูงอีก 5 ประการ คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เมื่อละกิเลสได้หมดแล้ว ได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ อันเป็นการทำกิจของการเกิดเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์แล้ว เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ อย่างเต็มเปี่ยม เป็นผู้ที่ควรแก่การบูชา และได้ชื่อว่าเป็นทักขิไณยบุคคลโดยแท้

ตายแล้วไปไหนชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร อารมณ์ที่มาปรากฏก่อนตาย มี 3 ประการ สรรพสัตว์ย่อมตายไปเพราะเหตุแห่งความตาย 4 ประการ เมื่อเวลาใกล้จะตายนั้น อารมณ์ 3 อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมปรากฏแก่สัตว์ทางทวาร 6 ใน ทวารใดทวารหนึ่ง ได้โดยอำนาจของกรรมทั้งสองคือ อุปปัชชเวทนียกรรมและอปราปรเวทนียกรรม (ในภาคปฏิบัติหมายถึงดวงบุญหรือบาปจะมาฉายภาพให้เห็นการกระทำของตน และอุปกรณ์ประกอบกรรม หรือภพที่จะไปเกิดใหม่) ตามสมควร คือ

1. กรรมอารมณ์ 2. กรรมนิมิตอารมณ์

3. คตินิมิตอารมณ์

1. กรรมอารมณ์ หมายถึง เจตนาที่เป็นกุศลหรืออกุศลที่เป็นสภาวธรรมล้วนๆ ที่มาปรากฏทางความรู้สึกนึกคิดที่ตนเคยประสบมาแล้วในอดีตกี่ภพกี่ชาติก็ตาม เช่น ความรู้สึกดีใจปีติ เพราะเคยไหว้เจดีย์ ความศรัทธาในพระสงฆ์องค์โน้น หรือ ความรู้สึกโกรธเกลียด รู้สึกกำหนัดยินดีในแก้วแหวนเงินทองในบุคคล ที่เคยเกิดแล้วขณะทำกรรมในอดีต จะมาปรากฏอีกครั้งในขณะนั้นตอนใกล้ตายเหมือนกับเพิ่งจะเกิดใหม่ กรรมใดจะเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมก็ตามชนิดใดชนิดหนึ่งได้โอกาสจักให้ผลปฏิสนธิในภพใหม่ กรรมที่ได้โอกาสนั้นย่อมปรากฏขึ้นโดยอำนาจแห่งสภาวะของกรรม และมาปรากฏทางใจอย่างเดียว สรุปคือสภาวะที่ทำให้เศร้าหมองหรือผ่องใสนั่นเอง กรรมอารมณ์นี้ บางตำราว่าหมายถึง ความคิด คำพูด หรือการกระทำทางกายของตน ที่เคยทำมาในอดีตมาฉายภาพให้เห็นทางใจตอนใกล้ตาย

2. กรรมนิมิตอารมณ์ หมายถึง อารมณ์กรรมที่เป็นประธาน (อุปลทฺธปุพฺพํ) คือ อารมณ์ 6 มีรูปเสียงเป็นต้น ที่เคยได้เห็นได้ยินเป็นต้น รวมทั้งรูปนาม บัญญัติ ที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำของตน และวัตถุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นบริวารของกรรมที่เป็นประธานนั้นที่ตนเคยใช้ประกอบในการกระทำกรรมนั้นๆ เช่น เคยใช้ประกอบในการกระทำกรรมนั้นๆ เช่น ต้องการถวายจีวร จีวรเป็นอารมณ์หลัก ส่วนอุปกรณ์ที่ประกอบการถวายจีวรให้สำเร็จ เช่น พระภิกษุ ไทยธรรมอื่นๆ เป็นบริวารกรรมที่จะให้การถวายจีวรสำเร็จ กรรมนิมิตนี้จะมาปรากฏทางทวารใดทวารหนึ่งในทวารทั้ง 6 ได้ดังนี้

ถ้าเป็นอดีตกรรมนิมิต ก็เป็นอดีตอารมณ์ ย่อมเกิดในมโนทวารอย่างเดียว ถ้าเป็นปัจจุบันกรรมนิมิต ก็เป็นปัจจุบันอารมณ์ ย่อมเกิดได้ทั้ง 6 ทวารตามสมควร : 1. ฝ่ายกุศลกรรม เช่น ได้เห็นพระเจดีย์ ได้ยินเสียงพระแสดงธรรม ได้กลิ่นธูปเทียนหอมที่บูชาพระรัตนตรัย ได้ลิ้มรสอาหารที่ตนเคยถวายพระ ได้สัมผัสผ้านุ่มๆ เหมือนจีวรที่เคยถวายพระ เป็นต้น, 2. ฝ่ายอกุศลกรรม เช่น ได้เห็นสัตว์ที่ตนฆ่า ได้ยินเสียงสัตว์ที่ตนฆ่าร้อง ได้กลิ่นคาวเลือด รสสุราที่เคยดื่ม มาปรากฏทางลิ้นรู้สึกเปรี้ยวปากอย่างดื่มขึ้นมาทันทีหรือรู้สึกเหนื่อยกายเหมือนตอนทำอกุศลกรรมนั้น หรือ ความรู้สึกนึกคิดขณะนั้น เช่น เกิดความโกรธ ความกำหนัดยินดีในขณะนั้น เป็นต้น

3. คตินิมิตอารมณ์ หมายถึง อารมณ์ 6 ที่จะได้รับในภพหน้าที่จะเกิด มี 2 ประการ

ก. อุปลภิตัพพคตินิมิตอารมณ์ คือ คตินิมิตตารมณ์ในภพที่จะเกิดโดยตรง เช่น จะเกิดเป็นมนุษย์ ก็จักเห็นครรภ์มารดา จะเกิดเป็นเทวดา จักได้เห็นเทพบุตรเทพธิดาหรือวิมาน จะเกิดเป็นสัตว์นรก จักได้เห็นเปลวไฟ เห็นนายนิรยบาล จะเกิดเป็นเปรต จักได้เห็นหุบเขาที่มีสภาพมืดมนเป็นต้น

ข. อุปโภคคตินิมิตอารมณ์ คือ เครื่องใช้สอยในภพนั้นๆ เช่น ถ้าจะเกิดเป็นเทวดา ก็จะเห็นตนเองได้นั่งอยู่บนเทวรถ กำลังเสวยสุธาโภชน์ร่วมกับเหล่าเทพ ถ้าจะไปเกิดเป็นมนุษย์ เห็นตนกำลังสนทนาปราศรัยกับคน ประกอบการงานอย่างใดอย่างหนึ่งบนมนุษย์โลก รู้สึกว่าตนอยู่ในครรภ์ ถ้าจะไปเป็นสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง จะเห็นอาหารสัตว์ชนิดนั้นหรือกำลังเล่นอยู่กับสัตว์เหล่านั้น ถ้าจะเป็นสัตว์นรก จะรู้สึกว่าตนกำลังถูกจองจำ ทุบตีด้วยอาวุธ ถูกสุนัขนรกไล่กัดเป็นต้น

ศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลักธรรมสำคัญที่นำไปสู่เป้าหมายสูงสุด โครงสร้างองค์รวมและลักษณะคำสอนในพระไตรปิฎก ศึกษาความสำคัญ ความหมาย และวิธีปฏิบัติในเรื่อง ทาน ศีล ภาวนา ศัพท์ทางพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษา หัวข้อธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง หลักการ วิธีการปฏิบัติ และมารยาทพื้นฐานต่อพระรัตนตรัย

วิเคราะห์ประเทศไทย

อยากให้อ่านเพื่อให้คนไทยได้รู้จักตัวตน
และรู้จักจุดอ่อนจุดแข็งของประเทศไทย
คนที่รักประยุทธควรอ่าน คนที่เกลียดประยุทธก็ต้องอ่าน คนที่รักทักษิณยิ่งควรอ่าน 
คนที่เกลียดทักษิณยิ่งต้องอ่านให้มาก เพราะทุกคน คือคนไทยที่จะเป็นกำลังสำคัญ ในการช่วยแก้ไขวิกฤติบ้านเมือง ที่นักการเมืองชั่ว ข้าราชการเลวได้ทำให้ขาติเกือบหายนะ แลหายนะจะเกิดแน่ ถ้าคนไทยไม่รู้ดีรู้ชั่ว เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ จนลืมความถูกต้อง ชอบธรรม ทุจริต โกงกินอย่างเมามันกันไม่หยุดหย่อน
_______________________

ฑูตประเทศแถบสแกนดิเนเวีย,
นอร์เวย์,สวีเดน, 
ฟินแลนด์,เดนมาร์ก
วิเคราะห์ให้ฟังว่า
จุดแข็ง - จุดอ่อน 
ของประเทศไทย
และบทสรุปที่น่าคิด

**จุดแข็งของประเทศไทย **

ประเทศไทยตั้งอยู่
ในพื้นที่ๆดีที่สุด
ในทุกๆ ด้าน คือ

1.ที่ตั้ง: 
จะว่าอยู่ใจกลางโลกก็ว่าได้ 
เพราะรอบข้างมีแต่ประเทศ
ที่มีประชากรมาก เช่น 
อินเดีย 1,200 ล้านคน 
จีน 1,400 ล้านคน 
ญี่ปุ่น 100 ล้าน 
อินโดนีเซีย 400 ล้านคน 
ฟิลปปินส์ เวียดนาม เกาหลี 
ล้วนแต่ 100 ล้านคน >> 
ซึ่งหมายถึงตลาดการค้า 
ตลาดอาหารและยาสมุนไพร 
ที่ใหญ่มหาศาลยิ่ง

2.มีสภาพพื้นที่เป็นแหลม
ยื่นลงไปในทะเลระหว่าง
สองมหาสมุทร 
คือมหาสมุทรอินเดีย
และมหาแปซิฟิก 
เป็นทั้งแหล่งอาหาร 
ออกเรือหาปลาได้
ถึงสองมหาสมุทร 
ทั้งจะติดต่อค้าขาย
กับทุกประเทศ
ก็สะดวกยิ่งนัก

3.บนผืนแผ่นดิน
ก็อุดมสมบูรณ์ด้วย
พืชพันธ์ุธัญญาหาร 
มีทรัพยากรธรรมชาติ
ที่หลากหลาย มีป่าไม้ 
แหล่งน้ำ กุ้งหอย 
ปู ปลา ทั้งในน้ำจืด
และในทะเล 
ทุกพื้นที่ในป่า ในบ้าน 
ในสวน เต็มไปด้วย
พืชอาหาร และพืชสมุนไพร
มากมายเหลือเกิน 
เป็นทั้งครัว และคลังยาสมุนไพร
ของโลกไปพร้อมกันได้เลยทีเดียว

4.ใต้ผืนดินก็มี
แร่ธาตุนานาชนิด 
มีแหล่งน้ำมันดิบ
และแก๊สธรรมชาติ 
มากมายมหาศาลยิ่งนัก 
มากกว่าประเทศกลุ่มโอเป็ก
หลายประเทศเสียด้วยซ้ำไป

5.เรามีภูมิปัญญา
ในการใช้สมุนไพร
ที่สืบทอดจากบรรพชน
มากมายเหลือเกิน 
ที่สามารถนำมา
วิจัยพัฒนาต่อยอด
ให้มีประสิทธิภาพ
เป็นยาสมุนไพร
ที่มีมาตรฐาน
ในการรักษาโรค
ได้ไม่แพ้ยาเคมีจากต่างประเทศ สามารถส่งเป็นสินค้า
ออกไปขายทั่วโลกได้ 
สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ 
เสริมความมั่นคงของชาติได้อย่างดี

6.เรามีธรรมชาติที่สวยงาม 
มีหาดทรายยาวสองฝั่งทะเล 
มีน้ำตก มีถ้ำ เพิงผา ป่าไม้ 
ภูเขา อ่าว แหลม 
ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่ดีมากมาย

7.ตั้งอยู่ในเขตร้อนที่แดดจัด 
สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้า
จากแสงอาทิตย์ใช้
อย่างไม่ต้องกลัวหมด 
มีลมบก ลมทะเล 
ที่สามารถแปลงเป็น
พลังงานไฟฟ้าได้ไม่รู้สิ้น

8.ตั้งอยู่ในเขตที่ไม่เสี่ยง
ต่อภัยธรรมชาติที่รุนแรง 
ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว 
ไม่มีภูเขาไฟที่คุกรุ่น 
ไม่มีลมพายุที่รุนแรง 
เช่น ทอร์นาโด หรือใต้ฝุ่น

9.เท่านั้นยังไม่พอ 
เรายังมีพุทธศาสนา 
ซึ่งเป็นศาสนาที่มี
คำสอนที่สมบูรณ์ 
ที่เป็นวิทยาศาสตร์
มากที่สุดอีกด้วย

10.เรามีคนไทยที่จิตใจดี 
ยิ้มแย้ม มีน้ำใจ มีความฉลาด 
เรียนรู้เร็ว สามารถพัฒนาได้ง่าย

👉ด้วยจุดแข็งทั้ง 10 ข้อ 
ดังที่กล่าวมา 
ดินแดนไทยถือเป็น
ดินแดนสวรรค์บนดินก็ว่าได้ 
ใครก็ตามที่ได้เกิดในประเทศนี้ 
ถือได้ว่าโชคดี
ไม่ต่างจากได้เกิดบนสววรค์

👉คนไทยส่วนใหญ่
ควรจะมีความสุขที่สุดในโลก 
มีสุขภาพดี ไม่เจ็บไขได้ป่วย 
มีฐานะมั่งคั่ง รำรวย กันถ้วนหน้า

⚠️แต่ในความเป็นจริง 
กลับตรงกันข้าม

❌จุดอ่อน ของประเทศไทย

❎มีคนไทยเพียงไม่กี่ตระกูล 
ที่เป็น

🎠1.ขุนทหาร

🚔2.ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

🎭3.นักการเมืองใหญ่

💰4.นายทุนระดับชาติเท่านั้น
ที่ร่ำรวย ที่เสพสุขอยู่บน
กองทุกข์ของประชาชน 
อย่างล้นเหลือ ราวกับ
เทพยดาเดินดินก็ไม่ปาน

😢แต่คนส่วนใหญ่
กลับตกอยู่ในขุมนรก
ของความยากจน 
ที่นับวันพวกเขายิ่งจน 
ยิ่งเป็นหนี้พอกพูนรุนแรง

🌳ทรัพยากรธรรมชาติ
ถูกทำลาย ป่าไม้กลายเป็น
ป่าเสื่อมโทรม 
พื้นที่ทำเกษตร
ในแม่น้ำลำธาร 
เต็มไปด้วยสารพิษ
ทางการเกษตรตกค้าง 
สัตว์น้ำลดลง
แทบไม่เหลือ
เนื่องจากสารพิษ
ปนเปื้อนในน้ำ
ทำให้การขยายพันธ์ุ
สัตว์น้ำลดลงมาก 
ส่งผลให้แหล่งอาหาร
ตามธรรมชาติ
ของคนไทยลดลง
อย่างน่าใจหาย 
คนต้องซื้ออาหาร
จากตลาดในราคาแพง 
แทบทั้งหมด

🏥มีคนเจ็บไข้ได้ป่วย
เป็นโรคมะเร็งมาก
เป็นอันดับ 1 ของโลก 
เนื่องจากรับสารเคมี
ที่ปนเปื้อนในพืชผัก 
ในอาหารและน้ำ
เข้าสู่ร่างกายทุกวัน 
เป็นเวลานาน 
นอกจากนี้ยังมีโรคไต 
โรคเบาหวาน โรคหัวใจ 
โรคความดันโลหิต 
โรคอ้วน ฯลฯ 
เนื่องจากขาดสภาพแวดล้อม
และการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม 
จนคนป่วยล้นทุกโรงพยาบาล 
ทำให้คนไทยจำนวนมาก
ทุกขเวทนาจากการเจ็บไข้ได้ป่วย

⚰ทั้งไม่ปลอดภัย 
ในชีวิตและทรัพย์สิน 
คนชั่วไม่เกรงกลัวกฏหมาย 
มียาเสพติด มีอาชญากรรม
เต็มบ้านเต็มเมือง 
คนธรรมดาอยู่ที่ไหน
ก็ไม่ปลอดภัย

💲การทุจริตคอรัปชั่น
ยิ่งเพิ่มทวีทุกระดับ 
ยักษ์ใหญ่โกงใหญ่ 
ยักษ์เล็กโกงเล็กๆ 
โกงตามที่มีแรงจะโกง 
บ้านเมืองเข้าสู่ยุค 
"มือใครยาว สาวได้ สาวเอา" 
อย่างแท้จริง

คือ ชนชั้นนำของไทย 
ตั้งแต่ปี 2500 
ได้ใช้หลัก "รัฐศาสตร์มาร" 
ในการปกครองบ้านเมือง 
คือ การปกครองประเทศ
แบบ ฉ้อฉล หลอกลวง 
"คดในข้อ งอในกระดูก" 
"มุ่งทำให้ประชาชนอ่อนแอ" 
ทำให้ประชาชน
ตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ 
"โง่-เลว-จน-เจ็บ" 
เพื่อให้ปกครอง
อย่างเอารัด เอาเปรียบ 
คดโกง ได้สะดวกง่ายดาย

**ข้อคิดที่น่าวิเคราะห์ 
ของสังคมไทย **

ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ในทุกๆ ด้าน , 
ปัญหาความยากจน, หนี้สิน, 
แม้แต่ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ 
แม้จะดูว่าเกิดตามธรรมชาติ
แต่แท้จริงปัญหาพวกนี้ 
ล้วนแล้วแต่เติบโต 
และขยายใหญ่ ลุกลาม 
ทวีความรุนแรงขึ้น 
เนื่องจากโครงสร้าง
การปกครองที่ชั่วร้าย 
ที่รวบอำนาจไว้ที่คนไม่กี่คน 
ไม่มีระบบถ่วงดุลอำนาจที่ดีพอ 
ทำให้ผู้ปกครอง 
ทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ 
ผู้ปกครองกลายเป็น
ตัวขัดขวาง
การแก้ไขปัญหา
ทุกปัญหา 
เร่งให้มีปัญหา 
และปัญหาขยาย
ใหญ่ขึ้นมากขึ้น ทั้งสิ้น

↗️วิธีการทำให้ประชาชน "โง่"
โดย จัดการที่หลักสูตรการศึกษา 
ทำให้เด็กไม่รักการอ่าน 
ไม่ชอบการคิดหาเหตุผล 
ไม่สอนปรัชญาประชาธิปไตย 
ไม่สอนประวัติศาตร์ 
วีรชนที่เป็นสามัญชน 
ไม่สอนให้รู้จักการเอาตัวรอด
ในระบบทุนนิยม 
ไม่สอนให้รู้จักการรวมตัวกัน
ต่อสู้ปัญหาเศรษฐกิจ
ในรูปกลุ่ม หรือสหกรณ์ ฯลฯ

↙️วิธีการทำให้ประชาชน "เลว" 
เรื่องนี้เน้นที่ปัญญาชน 
คนชั้นกลาง 
โดยจัดการที่การศึกษา

⬅️จะไม่ฝึกการมีวินัย

⬅️ไม่ปลูกฝังความรู้
ทางศาสนาอย่างจริงจัง 
เพื่อให้คนไม่คิด
พัฒนาจิตใจตนเอง 
เพื่อความเป็นมนุษย์

⬅️ไม่ปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติ
ให้ปัญญาชน-กีดกันการแสดงออก
ทางการเมืองของนักศึกษาปัญญาชน 
เพื่อทำให้ปัญญาชน
เห็นแก่ตัวให้มากที่สุด

⬅️เพื่อให้ปัญญาชนคนรุ่นใหม่
คิดแต่ประโยชน์ส่วนตน 
ตัวใคร ตัวมัน 
ไม่เห็นใจคนยากคนจน 
ไร้จิตสำนึกความเป็นมนุษย์
ที่จะต้องเอื้อเฟื่อเผื่อแผ่
ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่ #ด้อยกว่า

🚸ทำได้ดังนี้ ทางก็สะดวก 
ไม่มีใครขัดขวางการทุจริต 
การทำลายชาติของชนชั้นบน

⛔แย่ถึงขนาดว่า 
ถ้าใครพูดถึงการเมือง 
พูดถึงปัญหาชาติบ้านเมือง 
ชนชั้นกลาง
ส่วนหนึ่งก็พากันต่อต้าน 
ไม่ให้พูด ซึ่งเท่ากับ 

"ปกป้องการคอรัปชั่น 
ปกป้องคนทำลายชาติ
กันเลยทีเดียว แล้วจะไม่ให้ประเทศนี้ 
แย่ที่สุดในโลก ได้อย่างไร ?

🚷วิธีการทำให้ประชาชน "จน" 
แค่ออกกฎหมายกีดกัน 
สร้างความเหลื่อมล้ำ
ในการประกอบอาชีพ 
เช่น กฎหมายการเงินการธนาคาร 
การผลิตสุรา และอื่นๆ 
ที่ไม่เท่าเทียม 
ออกนโยบายส่งเสริมด้านอุตสาหกรรม

🚫เลิกการสนับสนุนด้านเกษตร 
งดเงินสนับสนุนวิทยาลัยเกษตร
ในต่างจังหวัด 
กลับไปสนับสนุน
วิทยาลัยการกีฬาแทน
ซึ่งไม่ได้พัฒนาอาชีพอะไร 
ไม่สนับสนุนการวิจัย
ข้าว ยาง อ้อย พืชสวน ฯลฯ

⬇️ปล่อยให้มีการบุกรุก
ทำลายป่าไม้ แหล่งน้ำ 
ซึ่งเป็นแหล่งอาหาร และสมุนไพร

↘️สนับสนุนปุ๋ย เคมีฆ่าหญ้า 
ยาฆ่าแมลง
เพื่อทำลายสัตว์น้ำในธรรมชาติ 
ทำลายดิน ทำให้น้ำปนเปื้อนสารพิษ

✔แค่นี้ เกษตรกรก็ล้าหลัง 
แข่งขันไม่ได้ 
ตกเป็นเบี้ยล่างนายทุน
ยา ปุ๋ย พันธ์ุพืช-สัตว์ 
เครื่องจักรกลการเกษตร ฯลฯ

✔แค่นี้เกษตรกร ก็ต้องทิ้ง
ลูก เมีย ไร่ นา ไปหางานทำ 
เป็นกรรมกรในกรุงเทพฯ

✔การอ้างส่งเสริมอุตสาหกรรม 
และการท่องเที่ยว 
จงใจละเลยการเกษตร 
ซึ่งเป็นอาชีพของคนส่วนใหญ่ นั้น 
ชั่วร้ายเกินที่จะกล่าว

❌อย่าลืมว่าคนสามัญชน
 70กว่า ล้านคนของไทย 
ไม่มีใครมีศักยภาพพอ
ที่จะครอบครองเทคโนโลยีสูง 
หรือเป็นเจ้าของสถานที่ท่องเที่ยว 
เป็นเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรม
ที่ใช้เทคโนโลยีสูงได้ 
อย่างดีก็เป็นได้แต่ลูกจ้าง 
เป็นทาสนายทุน 
ประชาชนจะมีรายได้สูง 
ตามที่โม้ว่า
เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 
จะเป็นไทยแลนด์ 4.0 
ได้อย่างไร?

✖วิธีการทำให้ประชาชน "เจ็บ" 
แค่เว้นภาษีนำเข้า
ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า 
เพียงอ้างว่า 
เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
ให้ซื้อของเหล่านี้ได้ถูก
ทั้งที่จริงถ้านำธรรมชาติ
มาคิดเป็นต้นทุนแล้ว 
มันจะแพงแสนแพงก็ตาม

นอกจากจะทำให้
นายทุนยาพิษรวย
จนสะดือปลิ้นแล้ว 
ยาเหล่านี้ยังไป
ปนเปื้อนในดิน น้ำ อากาศ 
นอกจากทำให้ปลา สัตว์น้ำ
ในธรรมชาติแทบสูญพันธุ์แล้ว 
ยังทำให้คนไทยทุกคน
ได้รับยาเหล่านี้ผ่านอาหาร 
สัมผัสโดยตรง 
ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย
ด้วยโรคมะเร็ง 
โรคต่างๆ สารพัด 
ทำให้ธุรกิจค้าความตายเหล่านี้
เติบโตสูบเงินคนไทย
ไปไม่ต่ำกว่าปีละ 
เก้าแสนล้านบาททีเดียว

🎭หลายคนอาจไม่ทราบว่า 
สารพิษ เคมีเกษตรนั้น
ปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม

↗️ แต่ จุลลินทรีย์ชีวภาพ
กำจัดแมลงที่ปลอดภัย 
และคนไทยทำได้เอง 
กลับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 
(นี่คือความคดในข้อฯ 
ของกฎหมายที่ออก
โดยคนชั้นสูง ครับ)

🚫เพื่อกีดกันด้านการค้า 
และเพื่อชะลอเทคโลโลยีอินทรีย์
ที่ปลอดภัยและผลิตได้เอง
อย่างชะงัดนัก

🔜บทสรุป สั้นๆ <<🔚

ปัจจุบัน ประเทศของเรากำลังดิ่งลงและแย่ที่สุดเพราะ

1.ชนชั้นนำไทย 
ที่พยายามทำลายไทย 
เพื่อประโยชน์ของตน
และโคตรตระกูลตนฝ่ายเดียว

2.ชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง 
ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง 
เห็นแก่ความสุขสงบของตน 
มองการต่อต้านความอยุติธรรม
ของการปกครอง 
เป็นความวุ่นวาย 
และพากันต่อต้าน
การต่อสู้ของประชาชน !!!

🔜รอวันล่มสลาย !!!
นี่เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้น

#อยากเห็นคนไทยรักกัน 
#อยากเห็นเป็นผู้นำ ก็เท่านั้น

24 กุมภาพันธ์ 2564

แผ่ส่วนกุศลไปให้เปรต

 

ในวัดอัมพวันนี้... มีพระ 4 - 5 องค์เป็น "เปรต" มารับส่วนบุญทุกวันพระ ท่านทั้งหลายจะเห็นหรือไม่ก็ไม่ทราบกันนะ อาตมาถามว่า

"ยังไม่ไปเกิดอีกหรือ?" เขาตอบว่า 
"ยังครับ.. ผมยังไม่หมดกรรม"

เที่ยวมาขอทานอยู่ที่วัดนี้ มี "หลวงตาเฟื่อง" อีกองค์ชื่อ "หลวงตาเก๊า" ยังอยู่ที่นี่ ถ้าวันพระโผล่มาทุกที มาอยู่ข้างโบสถ์ มารับส่วนสังฆทานที่เขาทำกัน และก็มาด้อมๆมองๆที่กุฏิกรรมฐานว่าคนไหนมีบุญวาสนา ได้กรรมฐานก็เข้าไปขอ

คนไหนค้าขายไม่ได้กำไร ขาดทุน เขาไม่ไปขอ คนที่ไร้บุญวาสนา เปรตจะไม่เข้าไปขอบ้านนั้น

"เปรต" นี่เข้าได้ทุกบ้านคือ "ขอทาน" เปรตเข้าโบสถ์ได้ไหม? ได้.. แต่อสุรกายดุร้ายเข้าไม่ได้

ถ้าบ้านเรามีบุญกุศล มีเทวดารักษา อสุรกาย ยักษ์ร้าย อมนุษย์เข้าบ้านไม่ได้ เราไม่ต้องไปหาเครื่องป้องกัน ไม่ต้องเอาพระมาเขียนผ้ายันต์ เขาไม่เข้าหรอก

ถ้าเรา "สวดมนต์ไหว้พระ" ทุกวัน "หมั่นเจริญกรรมฐาน" แผ่เมตตา พวกนี้เข้าบ้านเราไม่ได้

เรามาเจริญกรรมฐาน "ปู่ย่า - ตายาย" ตายไปเป็น "เปรต" จะมาขอเลย.. ถ้าคนไหนได้ยินเสียงเปรตร้อง คือ ญาติของคนนั้น 

ถ้าเราไม่ได้ยิน ไม่ใช่ญาติของเรา ถ้าได้ยินเตรียมแผ่ส่วนกุศลได้ เป็นญาติของเราเลยทีเดียว ร้องขึ้นมา เพราะต้องการขอบุญกุศล รีบแผ่ให้เลยนะ

โอวาทธรรม หลวงพ่อจรัญ_ฐิตธมฺโม

23 กุมภาพันธ์ 2564

เหยียบเรือสองแคม

"เหยียบเรือสองแคม"   
หลวงปู่ท่านเมตตากล่าวเตือนลูกศิษย์เสมอๆ ว่า เรายังอยู่ทางโลก แม้ว่าเราจะมีศรัทธามาประพฤติปฏิบัติธรรม เราจะทิ้งทางโลกไม่ได้ ท่านว่า "เราต้องเหยียบเรือสองแคม ทางโลกต้องไม่ให้ช้ำ ทางธรรมต้องไม่ให้เสีย"

สุดท้าย เพื่อไม่ให้ลูกศิษย์ไปแบ่งแยกทางโลกทางธรรมจนเกินไป ท่านจึงแนะว่าให้พยายามกลมกลืนการปฏิบัติธรรมเข้าไว้ในชีวิตประจำวัน ด้วยการดูจิต รักษาจิต มีสติทุกๆ อิริยาบท เวลาโลภ โกรธ หลง กำลังเข้าครอบงำจิตเราอยู่ ก็ให้มีรู้เท่าทัน ทางโลกนั้น มีประโยชน์เกื้อหนุนทางธรรมมาก อย่างน้อยๆ ก็สร้างแรงกระทบที่จะเป็นเครื่องทดสอบว่าเรามีศีล สมาธิ ปัญญา จริงและเพียงพอหรือไม่

โบราณท่านว่า เรือที่จอดเทียบท่า ยังไม่อาจรู้ว่าเป็นเรือดีหรือไม่ ต่อเมื่อออกไปฝ่าคลื่นลมแล้ว นั่นแหละจึงจะรู้ได้ว่าเรือดีหรือไม่ดี

บางคนบอกฉันเป็นคนมีศีล แต่พอคนเอาเงินหรือสิ่งของมาให้ เพื่อให้ช่วยทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบปฏิบัติ ก็ทำให้เขา ศีลข้ออทินนาและมุสา ก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว

บางคนบอกว่าตัวเองเป็นผู้มีปรกติดูจิตตัวเองได้ตลอด พอคนที่บ้านพูดไม่เข้าหูนิดเดียว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และยังอาจบอกด้วยความหลงอีกว่าไม่ได้โกรธๆ 

สิ่งกระทบทางโลกจึงเป็นเครื่องช่วยชี้วัดระดับศีล สมาธิ ปัญญา เวลาครูบาอาจารย์ท่านเข้าป่าหาที่สงัด ท่านก็แค่ปลีกวิเวกเพื่อไปตั้งหลัก ก่อนที่จะออกสู่ทางโลกเพื่อทดสอบและประเมินตัวเอง

อย่างนี้นี่เอง เวลาประสบทุกข์ในทางโลกๆ หลวงปู่จึงบอกว่า "มาถูกทางแล้วล่ะ"

ช่วยกันแชร์คนละ 1 แชร์ เป็นการแจกจ่ายธรรมทาน ให้กับเพื่อนมนุษ ได้อานิสงส์เช่นเดียวกับพิมพ์หนังสือธรรมะ หากมีใครสักคนนำไปทำตามเราก็ได้บุญด้วย

19 กุมภาพันธ์ 2564

#มรณสติพุทธวิธีต้อนรับความตาย

#ความตายและผี 
#ไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างที่คิด 

#มรณสติพุทธวิธีต้อนรับความตาย

 หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ความตาย เป็นปรากฏการณ์ซึ่งไม่ค่อยจะมีเสมอนัก ฉะนั้น เมื่อความตายมาปรากฏเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นคนสนิทใกล้ชิดหรือห่างไกลเราก็ตาม จึงเป็นเหมือนธรรมเทศนา อัปปมาทธรรมของเทวทูตกัณฑ์หนึ่งก็ว่าได้ เป็นของไม่น่าเกลียดและน่ากลัวเลย คนที่เกลียดและกลัวคนที่ตายไปแล้ว ตนสะอาดสวยงามเป็นของน่ารักน่าใคร่ คนอื่นเห็นเขาแล้ว เขาจะยินดีพอใจ คนที่ตายไปแล้วเท่านั้น เป็นผีที่น่าเกลียด แต่หาได้รู้ว่าตัวของเราก็เป็นผีสดศพหนึ่งดี ๆ นี่เอง นอกจากจะเป็นผีสดแล้ว ยังเป็นป่าช้าที่ฝังผีของสัตว์ต่าง ๆ มีหมู วัว เป็ด ไก่ เป็นต้น ซึ่งเราขนมาฝังอยู่ทุก ๆ วัน คนที่ตายแล้ว เขาไม่ได้เป็นป่าช้าของสัตว์อื่นอีกต่อไปแล้ว

ส่วนคนที่กลัวก็วาดภาพมาหลอกตัวเองว่า คนที่ตายไปนั้นจะต้องมีหน้าตาบิดเบ้บู้บี้ อย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งวาดไปแต่ทางที่ไม่น่าดูน่าแล ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่น่ากลัวน่าเกลียดทั้งนั้น แต่ซากของผู้ตายเองก็หาได้รู้ด้วยไม่ เป็นภาพของผู้กลัวคิดภาพเอาเอง แล้วก็กลับไปเอง 

#จะเรียกว่าผีหลอกให้คนกลัวได้อย่างไร 

#ควรเรียกว่าคนกลัวนั่นเองหลอกตนเอง 

#แล้วไปใส่ร้ายผีต่างหาก 

#คนผู้พิจารณาไม่เป็นย่อมไม่เห็นธรรม 

#จึงเป็นของยากที่จะให้เห็นจริงได้

ธรรมดามนุษย์ทั้งหลายที่เกิดมาเบื้องต้นแล้วต้องตายด้วยกันทั้งหมดเป็นที่สุด เมื่อตายแล้วพากันสมมติว่าผี เพราะตนไม่ชอบดังกล่าวแล้ว แต่สัตว์ทั้งหลายมีกุ้ง ปลา หมู เป็ด ไก่ เป็นต้น ชิงกันซื้อขายวุ่นวายกันไปหมด ผีหมู่นี้มีที่ไหนมาก ๆ ที่นั้นคนก็จะรุมยุ่งกันทุกแห่ง ดูที่ตลาดสดนั่นซิ วันหนึ่ง ๆ เขาขนผีไปกองไว้ ขายนับศพไม่ถ้วน วันไหนผีไม่มีหรือมีน้อย แย่งซื้อไม่ทัน วันนั้นต้องทำหน้าแห้งบ่นกันอู้กลับบ้าน ทำไมจึงไม่พิจารณาให้เห็นเป็นธรรมบ้าง

คนเราเป็นเสียอย่างนี้ เห็นคนอื่นเป็นของน่าเกลียดน่ากลัวไปเสียหมด ส่วนตัวของเราเองเห็นเป็นดีไปทั้งนั้น เรากลัวผีวาดภาพคนตายขึ้นมาแล้วกลัว ก็ใส่ร้ายว่าผีหลอก เราอยากมี เอาผีมากินเป็นอาหาร ก็คือเนื้อว่าปลาเอร็ดอร่อยชอบใจ แกล้งทำเข้าตนเองแท้ ๆ

 

ที่มา : ความตาย โดย พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์) ใน มรณสติ พุทธวิธีต้อนรับความตาย

18 กุมภาพันธ์ 2564

สมาพันธ์กาแลกติก. Grey Reptilianและโคลน

 จุดยึดติดกับจิตสำนึกของมนุษย์จำนวนมากล้อมรอบแนวความคิดที่ว่าความเป็นไปได้ทั้งหมดมีอยู่พร้อมกัน เส้นเวลาในอดีตปัจจุบันและอนาคตแม้ว่าจะแบ่งตามเวลา แต่ก็ไม่ได้ จำกัด เวลาเนื่องจากไม่มีเวลา เป็นเพียงภาพลวงตาหรือการรับรู้เท่านั้น สิ่งนี้ทำให้เกิดความสับสนอย่างมากเมื่อเราเริ่มเล่นกับแนวคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตในสมาพันธ์กาแลกติกมาจากทั้งในอดีตและอนาคตของเรา Pleiadeans เป็นหนึ่งในสปีชีส์แรกที่มาถึงโลกและช่วยในกระบวนการค้นหาวิธีที่จะให้ธาตุทั้งสี่ของไฟน้ำดินและอากาศอยู่ร่วมกันบนดาวเคราะห์ดวงเดียว 

 แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็เป็นรุ่นที่พัฒนามาจากอนาคตของเราเช่นกัน ทั้งคู่จะเป็นได้อย่างไร สิ่งเดียวกันนี้สามารถพูดได้กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ เช่น Grays ที่ใช้ไทม์ไลน์ของเราเพื่อแก้ไขพันธุกรรมของตัวเองจากผลกระทบเชิงลบในอดีต สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เคยเป็นมนุษย์ที่ถูกกลืนกินโดยการสั่นสะเทือนด้านลบของความกลัวและความโลภ อันเป็นผลมาจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของโลกและซึ่งกันและกันสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลกกลายเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นพิษอันเป็นผลมาจากหายนะต่างๆ หมายความว่ามนุษย์เหล่านี้จำนวนมากในเวลานั้นลงไปใต้ดินเพื่อเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดและมนุษย์ที่สามารถยืดอายุสายพันธุ์ของพวกมันได้กลายพันธุ์เมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์และสารอาหารที่ไม่เพียงพอที่จะเป็นเชื้อเพลิงให้กับร่างกายของพวกเขา พวกเขาเคยชินกับสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งทำให้ดีเอ็นเอของพวกเขาอ่อนแอลง

 สิ่งมีชีวิตสีเทาเหล่านี้เป็นผลพลอยได้จากพันธุวิศวกรรมภายใต้อิทธิพลของสัตว์เลื้อยคลานเมื่อทั้งคู่อยู่ร่วมกันใต้ดิน ทั้ง Pleiadeans และ Grays ดูเหมือนจะเป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นในอนาคตของเราซึ่งแตกต่างจากการสั่นสะเทือนเมื่อเลือกไทม์ไลน์ของฝ่ายตรงข้าม เมื่อเราดู Earth เวอร์ชันอนาคตที่แยกระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ (เช่นที่กล่าวไว้ในผลงานของ Dolores Canon) สิ่งมีชีวิตในอนาคตเหล่านี้ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับเรื่องเล่าทั้งสองนี้ แม้ว่าการแยกมิติและโลกจะเป็นเส้นเวลาอนาคตสำหรับเรา แต่มันก็เป็นอดีตของพวกเขา นั่นหมายความว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะต้องมีเวลาเดินทางเพื่อติดต่อกับเราในยุคปัจจุบันนี้

 แล้วสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เดินทางข้ามเวลาได้อย่างไร? ผ่านการชดเชยความแตกต่างของระยะห่าง เพียงแค่ทำความเข้าใจว่าเวลาเกี่ยวข้องโดยตรงกับแรงโน้มถ่วงอย่างไรผ่านทฤษฎีสัมพัทธภาพของ Einstein และจัดการกับรูปคลื่นของพลังงาน เวลาเป็นเวลาที่ช้าที่สุดเมื่อมีแรงโน้มถ่วงที่แข็งแกร่งที่สุด รูปคลื่นมีความหนาแน่นมากขึ้นจึงช้าลง ยิ่งความหนาแน่นสูงการสั่นสะเทือนก็จะยิ่งลดลง การสั่นสะเทือนยิ่งต่ำรูปคลื่นก็จะยิ่งช้าลงดังนั้นการรับรู้เวลาจะช้าลง 

 ในขณะที่คุณเดินทางไปในอวกาศหากแรงโน้มถ่วงน้อยกว่าสถานที่ที่คุณจากมาเวลาจะเร็วขึ้นในทางเทคนิคและในทางกลับกัน สิ่งมีชีวิตขั้นสูงยังสามารถโค้งงอเวลาและพื้นที่โดยใช้รูหนอน นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีว่าทั้งหลุมดำและหลุมขาวใช้ในการสร้างรูหนอน รูหนอนไม่มีขอบฟ้าเหตุการณ์เหมือน "กับดัก blackhole" หลุมดำโดยตัวของมันเองจะไม่อนุญาตให้เรากลับไปที่จักรวาลนี้เมื่อเราเข้าไปในนั้นอาจจะยุบเราไปสู่จักรวาลอื่นด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องใช้หลุมสีขาวเพื่อทำให้สมดุลของขั้ว สมดุลนี้ช่วยให้สิ่งมีชีวิตที่มีความเข้าใจขั้นสูงเกี่ยวกับฟิสิกส์ควอนตัมสามารถเดินทางย้อนกลับและไปข้างหน้าได้ทันเวลาในขณะที่อยู่ในจักรวาลของเรา การจัดการการไหลออกไปด้านนอกหรือด้านในของสนามพลังงานเวกเตอร์ภายในแหล่งกำเนิดเฉพาะในอวกาศคุณสามารถเปลี่ยนความแตกต่างเป็นประจุบวกหรือลบที่ช่วยให้คุณเดินทางข้ามเวลาได้ทั้งสองทาง

 รูหนอนสามารถอธิบายได้ง่ายๆโดยใช้การเปรียบเทียบกับแผ่นกระดาษ หากคุณต้องการเดินทางจากด้านบนของกระดาษไปด้านล่างเป็นเส้นตรงคุณจะต้องเปลี่ยนจากจุด A ไป B เป็นเส้นตรงราวกับว่ากระดาษแบน อย่างไรก็ตามหากคุณสามารถสร้างพลังงานได้เพียงพอที่จะทำให้กระดาษโค้งงอเพื่อม้วนแผ่นเพื่อให้จุดทั้งสองอยู่ใกล้กันมากขึ้นคุณสามารถสร้างรูหนอนซึ่งสามารถเร่งคุณไปยังช่องว่างนั้นได้เร็วขึ้นมากในขณะนี้ช่องว่างระหว่างสองจุดนั้น 

 ปีแสงที่แตกต่างกันระหว่างจุดทั้งสองจะสร้างเวลาที่แยกจากกัน ปลายด้านหนึ่งของรูหนอนจะต้องเร่งความเร็วแสงแล้วส่งกลับ ความลับที่มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้รู้วิธีดำเนินการทางลอจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยีของพวกเขา ด้วยการทำเช่นนี้คุณสามารถเปลี่ยนไทม์ไลน์ของผู้อื่นได้ แต่ไม่ใช่ของคุณเอง ดังนั้นพวก Grays จึงเดินทางกลับเข้าสู่ไทม์ไลน์ของเราเพื่อช่วยให้มนุษย์พัฒนาจิตสำนึกของพวกเขา (คนที่คิดบวก) เพื่อที่พวกเขาจะไม่เดินตามเส้นทางที่พวกเขาเคยทำ

 แต่พวกเขาต้องการให้เราปรับปรุงพันธุกรรมของเราโดยยึดเข้ากับเส้นทางการขึ้นสู่สวรรค์เพื่อที่เราจะได้ผสมข้ามสายพันธุ์กับพวกมันและช่วยฟื้นฟูสายพันธุ์ของพวกมันในฐานะเผ่าพันธุ์ลูกผสมใหม่ ปัจจุบันนี้เป็นหนึ่งในภารกิจของสมาพันธ์กาแลกติกที่เรียกว่าโปรแกรมการผสมพันธ์และเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างแรกของการใช้พิมพ์เขียวมนุษย์ใหม่เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั่วจักรวาล 

 พันธุศาสตร์ผสมของจีโนมมนุษย์และสีเทาถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างสายพันธุ์ลูกผสมใหม่ที่เรียกว่า Yawyel เผ่าพันธุ์ใหม่นี้จะช่วยให้ Grays แพร่พันธุ์ได้อีกครั้งและยืดสายพันธุ์ที่กำลังจะตาย การโคลนชนิดของพวกมันมากเกินไปในอดีตทำให้สารพันธุกรรมของพวกมันอ่อนแอลงอย่างมากจนถึงจุดที่พวกมันไม่สามารถสร้างตัวอย่างที่มีสุขภาพดีได้อีกต่อไป ในทางกายภาพสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะนำเอาลักษณะทางสุนทรียะทั้งชนิดของมันและของมนุษย์รุ่นล่าสุดมาใช้ในรูปลักษณ์ของพวกมันเมื่อเราผสมผสานชีววิทยาของเราเข้าด้วยกัน เราจะเริ่มเห็นการบูรณาการนี้เกิดขึ้นอย่างจริงจังในอีกประมาณ 30-50 ปีนับจากนี้ เกรย์เองมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 600 ปีของโลก แต่ลูกผสมใหม่จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 150-200 ปีในตอนแรก

 การลักพาตัวหลายครั้งที่เราได้ยินเกี่ยวกับการแร็พที่ไม่ดี แต่หลาย ๆ อย่างไม่ได้เป็นแง่ลบ เกรย์เองเป็นนักพันธุศาสตร์หลักที่มีสัญญาทางวิญญาณกับมนุษย์บางคนและสมาพันธ์กาแลกติกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการผสมพันธ์ ก่อนที่วิญญาณจะอวตารเข้าสู่ร่างกายมนุษย์พวกเขาถูกถามว่าพวกเขายินดีที่จะให้ตัวอย่างดีเอ็นเอและชีววิทยาของพวกเขาหรือไม่เพื่อช่วยในการสร้างและมีส่วนร่วมในพิมพ์เขียวใหม่นี้ 

 สัญญามีความเฉพาะเจาะจงมากและ Grays มีส่วนร่วมในสิ่งที่ตกลงกันเท่านั้น ม่านแห่งความหลงลืมทำให้ผู้คนลืมสัญญาเหล่านี้ แต่หลายคนไม่ควรตระหนักด้วยซ้ำว่าพวกเขาถูกลักพาตัวไปตั้งแต่แรก ตอนนี้มนุษย์มักเข้าสู่ห้วงนิทราและคนส่วนใหญ่จะถูกลบความทรงจำจากประสบการณ์เฉพาะนี้ไปจนหมดเพื่อให้การทดลองบนโลกดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีอิทธิพล "ET" ในการรับรู้ที่ใส่ใจของผู้ทดลอง ตัวแทนสีเทาของสหพันธ์ทราบดีว่าสายพันธุ์ของพวกมันพร้อมกับสายพันธุ์อื่น ๆ ต่างก็เห็นด้วยกับกฎการไม่แทรกแซงและสัญญาวิญญาณจะไม่สามารถลบล้างได้หากไม่มีเจตจำนงเสรีของแต่ละคน

 สีเทาที่ร้ายกาจซึ่งมีการสั่นสะเทือนต่ำมากและยังไม่ได้รับการเยียวยาจากความชอกช้ำในอดีตยังคงมีเงื่อนไขที่จะรับคำสั่งจากเจ้านายของสัตว์เลื้อยคลาน พวกเขาใช้มนต์ดำเพื่อหลอกล่อมนุษย์ให้ยินยอมเพื่อควบคุมและใช้พลังงานจากแต่ละบุคคลผ่านกลวิธีอันร่มรื่นเหล่านี้

  การจัดการนี้ยังกล่าวได้ว่าแพร่หลายมากขึ้นเมื่อพวกเขาโจมตีผ่านสถานะความฝัน Grays ที่เป็นของสหพันธ์ที่เป็นตัวแทนของ Zeta Reticuli ต้องการให้มนุษย์รักษาจากช่วงเวลาของแอตแลนติสเนื่องจากความทรงจำในจิตใต้สำนึกเกี่ยวกับหายนะอยู่ในตัวเราทุกคนในฐานะจิตสำนึกร่วมซึ่งเก็บความกลัวไว้ในจิตใจ พวกเขาต้องการให้เราเป็นส่วนรวมเพื่อระลึกถึงความสามัคคีที่ครั้งหนึ่งเคยมีในช่วงเวลาเหล่านี้และเชื่อมต่อกับพื้นที่หัวใจนี้เพื่อที่เราจะได้ก้าวไปสู่โลกใหม่ที่การผสมพันธุ์ระหว่างกันนี้สามารถเกิดขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าไม่ใช่ข้อดีของรูปลักษณ์ด้านหน้าสำหรับเรา ฮ่า ๆ!

 สหพันธ์ยังมีข้อความที่เกี่ยวข้องกับความจริงที่น่าตกใจเกี่ยวกับเมทริกซ์นั้น แต่ก่อนอื่นพวกเขาต้องการแสดงให้เห็นว่าในฐานะส่วนหนึ่งของลูกเรือภาคพื้นดินบทบาทของเราประมาณ 50% ในการเปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงไปสู่ ​​5D กลุ่ม Pleiadeans ได้ย้อนเวลากลับมาเพื่อช่วยเราสร้างความน่าจะเป็นเพื่อร่วมสร้างโลกใหม่และรื้อถอนและเล่นแร่แปรธาตุการปกครองแบบเผด็จการ พวกเขาไม่สามารถทำงานทั้งหมดให้เราได้

  งานของเราคือการมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความถี่ของโลกและการลบล้างจิตสำนึกเชิงลบของมนุษย์ที่ก่อกวนโลกของเรามานับพันปี กฎของการไม่รบกวนหมายความว่าสิ่งมีชีวิตในกาแลคซีที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงของโลกภายใต้คำสั่ง Ashtar ไม่สามารถมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับวิวัฒนาการของเราเอง การส่งรังสีแกมมา 5D อันทรงพลังไปยังดาวเคราะห์ควบคู่ไปกับการยับยั้งหน่วยงานที่มืดกว่าและการจับกุม / ขับไล่พวกเขาเนื่องจากการก่ออาชญากรรมเป็นบทบาทที่พวกเขาดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเราโดยไม่ผิดกฎของการทดลอง ตอนนี้สำหรับส่วนที่น่าตกใจ

 มีโคลนมากมายบนโลกที่ปรากฏเป็นหน่วยงานทางชีววิทยาเช่นเดียวกับคุณและฉันอย่างไรก็ตามพวกมันถูกตั้งโปรแกรมไว้ในเมทริกซ์โดยไม่มีวิญญาณ Dolores Canon อธิบายว่าหน่วยงานทดแทนเหล่านี้เป็นบุคคล "พื้นหลัง" นี่เหมือนกับผู้หญิงที่ตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าในชุดสีแดงจากภาพยนตร์เรื่องแรกของ Matrix เช่นเดียวกับที่ Treb กล่าวภาพยนตร์ได้บอกเราว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกมาหลายปีแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่บนโลกนี้มีวิญญาณอยู่จริงอย่างไรก็ตามโคลนเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทดสอบคุณและยังแทรกซึมพลังงานและข้อความบางส่วนของช่างทำไฟเพื่อปลุกมนุษยชาติ 

 โคลนเหล่านี้บางส่วนถูกสร้างขึ้นโดยอาร์คอนโดยเฉพาะเพื่อพยายามผลักคุณออกจากศูนย์กลางเมื่อพวกมันจี้วงแหวนของดาวเสาร์ ผู้ที่มีภารกิจในการทำลายแม่พิมพ์เมทริกซ์ในปัจจุบันถูกกำหนดเป้าหมายโดยร่างมนุษย์ปลอมเหล่านี้โดยเจตนา สิ่งเหล่านี้คือสิ่งมีชีวิตที่วิพากษ์วิจารณ์นักทฤษฎีสมคบคิดและความจริงนอกเรื่องเล่ากระแสหลักอยู่ตลอดเวลา พวกเขาสามารถใช้ลักษณะเฉพาะของโปรแกรมได้เช่นกันเพื่อทำให้คุณออกจากเกม พวกเขาอาจอยู่ในรูปแบบที่ไม่ใช่ทางกายภาพในขณะที่มีส่วนร่วมทางออนไลน์ผ่านการจำลองบอท ไม่ใช่ทุกคนที่ทำตามความคิดของฝูงจะเป็นโคลน การเขียนโปรแกรมสามารถครอบงำจิตวิญญาณใด ๆ ได้หากสิ่งนั้นได้รับการปรับสภาพอย่างกว้างขวางเพียงพอที่จะเปิดรับเนื้อหาที่นำเสนอแก่พวกเขา

 โคลนปรากฏขึ้นจริงเพราะคุณเชื่อว่ามันเป็นของจริงผ่านโฮโลแกรมที่พวกเขาฉายและพวกเขาสามารถนำเสนอการหลอกลวงนี้ต่อหน้าผู้คนจำนวนมากพร้อมกันเพื่อที่จะไม่มีใครตั้งคำถามถึงความถูกต้องของพวกเขา มันเหมือนกับความสามารถในการเปลี่ยนรูปร่างที่สัตว์เลื้อยคลานใช้ หน่วยงานสัตว์เลื้อยคลานสามารถเข้าถึง 55% และสูงกว่าของความสามารถในการทำงานของสมองเต็มรูปแบบซึ่งทำให้พวกมันสามารถลบล้างคลื่นความคิดของคุณได้ดังนั้นจึงคาดเดาสิ่งที่ไม่ใช่ 

 สิ่งเดียวที่มีอยู่คือจิตใจดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเน้นในตอนนี้คือการสร้างความเป็นจริงของคุณผ่านความคิดที่สั่นสะเทือนสูงสุดเพื่อไม่ให้จิตใจของคุณถูกแทรกซึม สถานีข่าวของสื่อกระแสหลักเป็นปรสิตที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้ เมื่อคุณมาจากหัวใจคุณจะเชื่อมต่อกับแรงผลักดันจิตวิญญาณความทะเยอทะยานและจุดมุ่งหมายที่มีพลังมากกว่ากลวิธีการควบคุมจิตใจ ดังนั้นโดยการเข้าข้างแสงไม่มีเอนทิตีเชิงลบใดที่เหมาะสมกับพลังของคุณและพวกเขาก็รู้ดี

 โคลนเหล่านี้อาจใช้โปรแกรมที่หลอกลวงคุณและทำให้คุณตั้งคำถามกับความเชื่อของคุณเอง พวกเขาสืบทอดความคิดของฝูงชนเพื่อที่จะโน้มน้าวคุณว่าคุณคิดผิดและ 'คนบ้า' กระตุ้นความสงสัยในตัวตนของคุณและพยายามที่จะทำลายกระบวนทัศน์ของคุณ อย่างไรก็ตามของปลอมเหล่านี้ไม่สามารถคิดนอกสคริปต์ของพวกเขาและจะมีคำตอบเริ่มต้นสำหรับจิตสำนึกที่สั่นสะเทือนนอกกรอบเช่นการเข้ารหัสอวาตาร์ เราในฐานะมนุษย์ได้ทำข้อตกลงกับเมทริกซ์เพื่อดูคนปลอมเหล่านี้เป็นการทดสอบประสบการณ์ของเรา ระดับการโต้ตอบที่เราเลือกที่จะเข้าร่วมกับโคลนเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงการเขียนโปรแกรมและการอัปเดตแบบเรียลไทม์ คำตอบของพวกเขาจะดาวน์โหลดจากโปรแกรมที่มีข้อมูลเดียวกันซึ่งตรงกับการโต้ตอบปัจจุบันของคุณกับพวกเขา ยิ่งเราเลือกที่จะโต้ตอบมากเท่าไหร่การเปิดใช้งานโปรแกรมเมทริกซ์ก็จะได้รับการอัปเดตภายในระบบมากขึ้นเท่านั้น

 พวกเขามีเลือดออกเหมือนที่เราทำและพวกเขาตอบสนองอย่างมากว่าหน่วยงานที่เป็น "มนุษย์ธรรมดา" จะทำอย่างไร ในทางชีววิทยาพวกมันเหมือนกันและด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากสำหรับหลาย ๆ คนที่จะยอมรับความเป็นจริงนี้ พวกมันเชื่อมต่อกับซีพียูสมองเดียวของเมทริกซ์ซึ่งเป็นเมนเฟรมของดวงจันทร์ที่ควบคุมเมทริกซ์ การจำลองขนาดยักษ์นี้จะเลียนแบบความคิดของคุณโดยการถอดรหัสการสั่นของคุณและส่งสัญญาณความถี่เดียวกันกับสเปกตรัมคลื่นพลังงานที่คุณปล่อยออกมา

  นี่คือกระจกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการพัฒนาของคุณบนโลก แต่ Archons ได้เพิ่มความพยายามที่จะปิดกั้นการขึ้นสู่สวรรค์ของคุณด้วยการแสดงที่ผิดพลาดเหล่านี้ ตอนนี้เป็นการทดสอบที่แท้จริงว่าคุณสามารถรวมการเชื่อมโยงระหว่างหัวใจกับสมองเข้ากับการเป็นมนุษย์ของคุณได้หรือไม่ หากคุณสามารถบรรลุสิ่งนี้ได้ในพื้นที่แห่งสันติภาพและความรักเมทริกซ์จะไม่สามารถจับคู่การแสดงออกของจิตสำนึกเหล่านี้ได้ดังนั้นคุณจึงไม่ดึงดูดหุ่นเหล่านี้ สิ่งเดียวที่เป็นของจริงคือสิ่งที่คุณระบุว่าเป็นของจริง

 หน้าที่ของเราคือการรักษาและถือแสงสว่างโดยไม่ถูกติดตามหรือจมอยู่กับการแลกเปลี่ยนหรือการเปลี่ยนแปลงเชิงลบภายนอกใด ๆ ผ่านปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นกับโคลนนิ่งหรือไม่ก็ตาม โปรแกรม A.I เหล่านี้แม้ว่าจะปรากฏขึ้นทั้งหมดไม่เป็นของจริง มีการอธิบายไว้อย่างละเอียดมากขึ้นในตำรา Gnostics ซึ่งสิ่งต่างๆดูเหมือนจริง แต่ในความเป็นจริงสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายของจิตใจ เหตุการณ์ปลอมอาจเกิดขึ้นเพื่อพยายามกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาเชิงลบภายในตัวคุณและลดการสั่นสะเทือนหากคุณอยู่ในช่วงความถี่ที่เมทริกซ์ตรวจจับได้

 เกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานที่กำลังครอบครองอุโมงค์ใต้ดินของ Dumbs พวกมันถูกบรรจุไว้ในกล่องและพวกมันไม่มีทางหนีที่จะขับออกจากโลกได้ เป็นงานที่ยุ่งยากมากกว่าที่จะจับพวกมันเนื่องจากส่วนใหญ่กำลังวิ่งหนีและอาจเป็นศัตรูกันได้ ทางเดินหลายทางเชื่อมต่อทั่วโลกในเมืองใต้ดินเหล่านี้อย่างไรก็ตามพวกเขาติดกับดักเป็นหลักและมีไม่กี่คนที่ยอมจำนนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการของพวกเขา บางคนมีความสงบสุขจริง ๆ แต่พวกเขาจมอยู่กับการสั่นสะเทือนที่ต่ำของจิตสำนึกกลุ่มชนเผ่า พวกเขาหลายคนกลัวจริง ๆ รวมถึงลูกสัตว์เลื้อยคลานของพวกเขาด้วย สัตว์เลื้อยคลานเพียงไม่กี่ตัวเช่นเดียวกับมนุษย์โคลนนิ่งถูกควบคุมผ่านเมนเฟรม A.I ส่วนกลางที่กำลังฉายวาระเชิงลบนี้เพื่อควบคุมมนุษย์และเปลี่ยนพวกมันไปเป็นปรมาจารย์ A.I

 ปัญญาประดิษฐ์เป็นพระเจ้าของพวกเขาและพวกเขาก็สอดคล้องกับโปรแกรมที่พวกเขาถูกแทนที่ด้วย สมาพันธ์กาแลกติกได้กีดกันพวกเขาเข้ามาและผ่านการทำงานเบา ๆ ของทีมภาคพื้นดินที่ทำลายตารางที่ซับซ้อนของปัญญาประดิษฐ์ ชนชั้นสูงพยายามที่จะผลักดันการรวมกลุ่ม A.I ของ transhumanism ไปข้างหน้าเพื่อสร้างพลังของรังกลางขึ้นมาใหม่อย่างไรก็ตามมันกำลังจะตายอย่างช้าๆและเรากำลังทำงานที่ยอดเยี่ยมในการเจาะเมทริกซ์เก่าผ่านการปลุกร่วมของเรา เฉพาะผู้ที่ไม่สามารถตื่นขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงอาจตกเป็นเหยื่อของกลอุบายนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาเราทุกคนทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและจิตสำนึกของโลกก็เกินความคาดหมายของสหพันธ์

 ฉันมีข้อความอีกมากมายที่จะแบ่งปันกับคุณในส่วนที่สอง แต่โพสต์นี้เริ่มยาวมาก ขอบคุณที่อ่าน.

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10164741244395297&id=885395296

การอัปเดตพลังงาน: ทุกอย่างเกี่ยวกับความรัก Vibbraaatttion

 แชนเนลผ่าน Morag O'Brien
 ความรักทำให้โลกหมุนไปความรักทำให้ชีวิตมีจุดมุ่งหมายความรักคือทั้งหมดที่เราต้องการ ความรักคือการสั่นสะเทือนของอาณาจักรที่สูงขึ้นความถี่อันเป็นเอกลักษณ์ของมันแทรกซึมเข้าไปในเมทริกซ์เพราะมันเชื่อมต่อกับมาเธอร์บอร์ด DNA ของมนุษย์ เราได้รับการเพาะพันธุ์จาก BEings of การตรัสรู้ที่ยิ่งใหญ่ผลึก DNA ของพวกมันมีการเข้ารหัสที่มาซึ่งเป็นชุดพลังสำหรับการขึ้น พลังงานในปัจจุบันล้วนเกี่ยวกับความรักคนสวย ความรักแสดงออกในหลาย ๆ ด้านในชีวิตของเรา ความรักจากครอบครัวเพื่อนสัตว์เลี้ยงสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเราสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ความรักที่แสดงออกมาในความสัมพันธ์จะอยู่ในระดับแนวหน้าของประสบการณ์มากมายของเราในขณะที่เราขี่คลื่นตามคลื่นของพลังงานคู่แฝด 222 ความรักเพื่อตัวเองดึงดูดให้เป็นหน่วยประมวลผลหลักสำหรับการตื่นขึ้นและการขึ้นสู่สวรรค์ Love of Self เป็นภาษาที่เรากำลังเรียนรู้ที่จะพูด เมื่อเราเชื่อมต่อกับความยาวคลื่น 222 เราถูกผลักดันให้มองเข้าไปข้างในถามว่าเรารักตัวเองไหม?

 ‘ถ้าคุณไม่รักตัวเองแล้วคุณจะรักคนอื่นได้อย่างไร?’ Mama Ru ปลูกเมล็ดพันธุ์ของเธอให้อยู่ในความมืดมิดในแสงไฟแห่งความรัก พวกเราบางคนโชคดีพอที่ได้รับการเลี้ยงดูในครอบครัวที่พูดถึงความรัก สำหรับผู้ใหญ่ที่ถูกรักเหมือนเด็กมีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเองพื้นที่แห่งความภาคภูมิใจในตนเองที่เกิดจากไฟแห่งความรักที่ได้รับในครอบครัวที่มั่นคง ประสบการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและครั้งที่สองมักจะแตกต่างกันมาก ด้วยตัวจัดการที่นำเสนอสำหรับการเดินเล่นการปรับเปลี่ยนความหลงตัวเองและคำสาปของบรรพบุรุษต่อ Klear ที่เป็นดาราส่วนใหญ่ได้ข้ามผ่านความอบอุ่นของครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยความรักเพื่อสิ่งที่แท้จริงยิ่งขึ้นสำหรับเมทริกซ์ เราต้องรู้จักศัตรูของเราเพื่อระบุและต่อสู้กับมัน

 ปีศาจกำลังเดินไปตามระนาบวัตถุเหมือนกับที่พวกมันเป็นเจ้าของสำหรับพวกเราที่สามารถมองเห็นได้วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับเรื่องนี้คือการทำให้พวกมันจมลงในความสั่นสะเทือนของความรัก บุตรของผู้ปกครองที่มีเอกสารแนบทราบ เรารู้จักในฐานะเด็กบางครั้งผู้ใหญ่พูดภาษาแปลก ๆ ไม่ต่อเนื่องดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนสีหรือความรุนแรง เอนทิตีมองเห็นไอริสเยาะเย้ยเบี่ยงเบนความชั่วร้ายพฤติกรรมของผู้ใหญ่อาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวและคุกคามเมื่อเกี่ยวข้องกับสารพิษของเมทริกซ์และแน่นอนว่าไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้ การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในตะวันตก ได้แก่ วิศวกรรมสังคมการเขียนโปรแกรมควบคุมจิตใจสงครามดาวและเคมีซึ่งยึดติดกับวัฒนธรรมและประเพณี การเพิ่มพูนทักษะการคิดวิเคราะห์การเห็นคุณค่าในตนเองความสุขและความกตัญญูเป็นยาเสพติดของชาติอย่างแน่นอน

 ผู้ใหญ่ที่เลือกที่จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นพยานถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้คนเมื่อพวกเขาบริโภคอัลคูฮูล มันน่าเกลียดน่ากลัว ความก้าวร้าวความรุนแรงความเกลียดชังการเหยียดสีผิวการแบ่งแยกความเกลียดชังความหดหู่การได้รับสิทธิความเย่อหยิ่งความเฉื่อยความเจ็บป่วยและโรคมาจากการบริโภคแอลกอฮอล์เป็นประจำในระยะยาว หว่านล้อมในสังคมของเราสำหรับการพักผ่อนการเฉลิมฉลองการยกย่องชมเชยเมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกเช่นนั้นไม่ควรรับประทานอาหารกลางวันไวน์สำหรับมื้อค่ำเบียร์ยามบ่าย / เย็นวิสกี้ยามดึก ทำให้เป็นมาตรฐานดังนั้นหากเราไม่เข้าร่วมเราจะรู้สึกเหมือนเป็นโรคเรื้อนทางสังคม เหตุผลในการติดสุราไม่ต้องการพยาน คนที่เงียบขรึมทำให้คนเมาไม่สบายใจปีศาจของพวกเขาจะชักมีดสั้นใส่คนที่เงียบขรึมในห้องกลุ่มจะรวมกลุ่มกันและคำรามใส่คนนอกที่รับรู้ แอลกอฮอล์เป็นอาวุธมหาประลัยที่ใช้อย่างไม่ลดละเพื่อระบายพลังชี่ของผู้คนและปิดกั้นความรักในตนเอง

 Opioids เป็นวิวัฒนาการล่าสุดของโปรแกรมการกดขี่และการควบคุมของนาซีนี้ โอปิออยด์เป็นอันตรายเราสามารถลอยออกไปและลืมกลับมาเป็นฆาตกรเงียบ พวกเขาไม่นำสิ่งที่แนบมาเช่นแอลกอฮอล์สัตว์หมัดตัวน้อยที่น่ารังเกียจพร้อมที่จะเกาะติดและดูดชีวิตออกไปจากเรา โอปิออยด์เปิดประตูทางเข้าสำหรับสิ่งที่พ่นออกมาจากร่างกายของเราและบินไปมา เมล็ดฝิ่นเป็นเมล็ดพันธุ์ต้นทางเมื่อบริโภคแล้วจะเปิดกระแสน้ำวนไปยังอาณาจักรที่สูงขึ้นพื้นที่สวรรค์เราสามารถทะยานเข้ามาได้ เราละทิ้งร่างกายของเราหนีความมืดและความหนาแน่นของเมทริกซ์และปลดปล่อยวิญญาณของเราสู่ดวงดาวการเดินทางที่มีมิติอิสระและความปีติยินดี ชนชั้นสูงใช้สิ่งนี้เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเป็นอาวุธลับในการสูบฉีดวิญญาณ หากไม่มียาสตรีหมอผีหมอจะดูแลยาเม็ดความสุขจักรวาลของไกอาโดยการดูแลร่างกายในขณะที่คนบินอาจเกิดการขาดการเชื่อมต่อได้

 การเชื่อมต่อแบบไดนามิกและถ่ายทอดสดระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตอินทรีย์ของเราที่จะดำเนินต่อไป หากจิตวิญญาณของเราท่องดวงดาวนานเกินไปร่างกายของเราลืมหายใจหยุดสูบฉีดเลือดไปที่แขนขาและกล้ามเนื้อเมื่อไม่ได้ใช้ก็หยุดเป็น ไม่มีพลังชีวิตอยู่ในนั้นซึ่งเป็นเชื้อเพลิงของไฟวิญญาณร่างกายจะปิดตัวลง เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ในสาเหตุการตายนั้นจะไม่พูดว่า opioids แต่จะบอกว่า "death in sleep" หรือ "ไม่ทราบ" การเสียชีวิตจากแอลกอฮอล์ถูกเขียนขึ้นว่าเป็นโรคหัวใจ / ตับ / อวัยวะเรื้อรังเกมจะเปิดขึ้นหากพวกเขาทำความสะอาดด้วยเหตุและผล การอ้างถึงรายชื่อโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคพิษสุราเรื้อรังระยะที่ 3 และ 4 พร้อมกับสถิติระดับชาติและระดับโลกสำหรับการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตทำให้อ่านได้อย่างกระจ่างแจ้ง ไม่ใช่วิทยาศาสตร์จรวดที่จะเข้าร่วมจุดและดูภาพเต็ม Opioids กำลังลดจำนวนประชากรและไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้เนื่องจากมีการกำหนดโดยทั่วไปโดยไม่มีกลยุทธ์ทางออกไม่มีการสนับสนุนอย่างเพียงพอสำหรับการใช้งานและไม่มีคำแนะนำในระยะยาว แอลกอฮอล์เพียงแค่เดินหน้าพาเราลงไปเหมือนเรือลำเล็ก ๆ ในทะเลที่มืดมิด ประภาคารคือความรักในตัวเอง

 รักการต่อสู้กับอาวุธมืดทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเริ่มต้นด้วยความรักในตัวเอง การดื่มแอลกอฮอล์และโอปิออยด์ในระยะยาวจะไม่เกิดขึ้นหากเรารักตัวเอง สาเหตุที่ทั้งสองส่งผลเสียต่อสุขภาพของเรา การใช้โอปิออยด์ในระยะยาวจะดึงวิญญาณออกจากร่างกายเราละเลยความต้องการทางร่างกายร่างกายของเราสั่นด้วยความเหงาความอยากและความเสียใจความเจ็บและอาการป่วย โอปิออยด์ก่อให้เกิดอันตรายทางวิศวกรรมจากการรับสารมากเกินไปและลอยออกไปในอีเธอร์โดยไม่มีวันหวนกลับ แอลกอฮอล์สร้างความเสียหายทางกายภาพได้มากกว่า การดองร่างกายของเราการแช่เซลล์ของเราการหมักอวัยวะของเราทำให้จิตใจของเราเป็นพิษและทำให้วิญญาณของเราแตกสลาย แอลกอฮอล์ที่ผลิตได้จำนวนมากเป็นอาวุธของเมทริกซ์และถูกนำมาใช้เกินกว่าที่จะควบคุมประชากรได้สำเร็จ การถักทอเป็นหน่วยความจำ DNA หลังจากการใช้งานและการละเมิดในตะวันตกหลายชั่วอายุคนทำให้ความสมบูรณ์ของเมนบอร์ดของผู้คนลดลงความเจ็บป่วยทางพันธุกรรมซ้ำ ๆ และความเจ็บป่วยทางจิต คนรุ่นมิลเลนเนียลที่ตื่นขึ้นมาไม่มีเลยหนึ่งในสามไม่กินแอลกอฮอล์เลยในสหราชอาณาจักรโห่! ตั้งแต่การจุ่มหุ่นทารกลงในวิสกี้เพื่อช่วยให้เธอนอนหลับไปจนถึงการกระตุ้นให้ลูก ๆ ของเราฉลองวันเกิดปีที่ 16 ด้วยเบียร์แอลกอฮอล์ได้ถูกถักทอเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ทางตะวันตกเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสิ่งที่แนบมากับหน่วยงานของดาวเพื่อให้มนุษย์ใช้เป็นเจ้าภาพและฆ่า เราจากโรคและความเจ็บป่วย

 ความรัก…เริ่มต้นด้วยการรักตัวเอง เราเปลี่ยนตารางบนเมทริกซ์เราถอดปลั๊กออกจากอัลกอริทึมเชิงลบเรากบฏด้วยการรักตัวเอง แอลกอฮอล์และโอปิออยด์เป็นเพียงสองในอาวุธจำนวนมากที่ใช้ในการดักจับเราในเว็บที่ถูกละเลยและล่วงละเมิดทางจิตใจ ความเครียดมีบทบาทอย่างมากในการทำให้การรู้แจ้งของเราเป็นอัมพาต เมื่อเราถูกขังอยู่ในความกังวลเกี่ยวกับเงินงานและค่าใช้จ่ายเราจะสูญเสียชุดทักษะสำหรับการขยายตัว มี "อาชีพ" มากเกินไปที่ใช้งานอัลกอริทึมของชายวัยกลางคนปากกาเก่าหรือมนุษย์เงินเดือนมีใครรู้บ้างไหมว่าแชนด์เลอร์ทำอะไรใน Friends เขาเป็นชายผิวขาวทั่วไปที่ทำงานในเมืองและไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรซึ่งจริงๆแล้วเขาก็ไม่รู้เช่นกัน หลายคนรู้สึกเช่นนี้เกี่ยวกับงานของพวกเขา นี่คืออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้โจมตีความสมบูรณ์ของจิตวิญญาณที่สร้างสรรค์ของเรา ความปรารถนาของเราคือข้อเสนอของเรา เราทุกคนต่างก็มีพรสวรรค์บางอย่างซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางซึ่งเป็นพื้นที่ให้เราได้สำรวจพัฒนาและแบ่งปัน เมทริกซ์จะดึงเส้นทางของเราในตาก่อนที่เราจะเป็นตัวเลขสองเท่า การศึกษาเกี่ยวกับเนื้อไส้กรอกสำหรับผู้ที่โชคดีพอที่จะได้รับการศึกษาและกล่องเล็ก ๆ ที่กำหนดโดยเพศเศรษฐศาสตร์และภูมิศาสตร์ในฐานะ "ตัวเลือก" ของเราจะยับยั้งและปิดกั้นความสนใจที่สร้างสรรค์ของเราอย่างมีสติ

 เมื่อเราปลดปล่อยเครื่องจักรของเมทริกซ์ออกจากจิตใจและชีวิตของเราเราจะเห็นได้ว่าแต่ละคนนำสีของตัวเองมาสู่เครื่องทอผ้าซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของชีวิต เมื่อทุกคนสามารถรวมเป็นจุดแข็งของตนโลกก็มีทุกสิ่งที่ต้องการ การไหลเกิดขึ้นเป็นแม่เหล็กแบบไดนามิกของการเคลื่อนที่ของเซลล์และการสั่นสะเทือนที่ช่วยให้ทุกสิ่งกลมกลืนกัน เราสามารถขยายเข้าไปในสังคมของชนเผ่าที่ดำเนินการโดยไม่ต้องใช้อัลกอริทึมของชายกลางแบบเมทริกซ์เงินเป็นปัจจัยสำคัญของคนกลาง ในกรณีที่ทรัพยากรถูกจับสร้างหรือประดิษฐ์และแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ทุกคนเล่นตามจุดแข็งทุกคนชนะ ในเมทริกซ์เราถูกขัดขวางไม่ให้มีทางเดินมากมายอันเนื่องมาจากเพศสีผิวศาสนาหรือเรื่องเพศ รหัสที่แตกแยกเหล่านี้จะหายไปในระบบที่เราแต่ละคนจัดเตรียมบางสิ่งบางอย่างสำหรับกลุ่มที่สะท้อนถึงทักษะพิเศษของเราเอง ไม่มีพ่อค้าคนกลางที่แสวงหาผลกำไรชีวิตเวลาพลังงานจากพวกเราที่เหลือ

 ความรักในตัวเองทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวเรามองย้อนกลับไปในวัยเด็กของเราเราชอบทำอะไรทำอะไรก่อนที่กระดาษแข็งจะถูกตัดออกจากครูที่ทำลายความฝันของเรา? พวกเราทุกคนจำได้ว่าครูคนหนึ่งที่เห็นเราและพวกเราทุกคนรู้ดีถึงความเสื่อมโทรมและจิตวิญญาณที่ทำลายความน่าเบื่อหน่ายของครูที่ 'มองผ่านพวกเรา' เรากลายเป็นเชียร์ลีดเดอร์ของเราเองครูพิเศษของเราเองที่มองเห็นความสามารถของเราผู้ที่กระตุ้นให้เกิดความปรารถนาของเรา เราหยุดขอการอนุมัติการสนับสนุนหรือความกระตือรือร้นจากภายนอกและกลายเป็นฐานแฟนคลับของเราเอง น่าเศร้าที่ประสบการณ์สำหรับเมล็ดพันธุ์พืชส่วนใหญ่เป็นเรื่องเชิงลบมากมายและการสนับสนุนหรือให้กำลังใจน้อยมาก เหตุผลที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นจิตใจเด็กสีครามตัวน้อยของเรากำลังแสวงหาความสวยงามของการเป็นมนุษย์ความผิดในเมทริกซ์และทำให้เราสังเกตเห็นได้โดยคนผิดทั้งหมด ถึงเวลาที่จะกลับมาครองราชย์ ในการหยุดร้องไห้เพราะนมหกหยุดไล่ตามหางของเราที่มองหาความรักความเห็นชอบความสุขจากแหล่งภายนอกหรือที่เรียกว่าการเขียนโปรแกรมเมทริกซ์เพื่อมุ่งเน้นความตั้งใจของเราที่มีต่อตนเอง เราได้รู้จักตัวตนทุกด้านทั้งดีเลวและน่าเกลียด เราทำตามขั้นตอนเล็ก ๆ กลั่นกรองช่องทางแสวงหาความสงบภายในและปลูกฝังความสงบภายนอก

 เมื่อเราสอดคล้องกับอัลกอริทึมของแสงการรับรู้ของเราเกี่ยวกับโลกจะเปลี่ยนไป ผู้คนที่เราดึงดูดและดึงดูดเข้ามาในชีวิตของเรากลายเป็นภาพสะท้อนของการเดินทางค้นพบตัวเองของเราเอง เราพบเผ่าวิญญาณของเรา ความรักในความสัมพันธ์กำลังมีบทบาทสำคัญใน 222 ด้านพลังงานในปัจจุบัน เพื่อนร่วมวิญญาณคู่รักวัยเด็กเปลวไฟคู่และความประหลาดใจของเชื้อจุดไฟจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในจิตใจและหัวใจของเราในปี 2020 คนที่อยู่ในความสัมพันธ์ต่างพยายามที่จะเชื่อมโยงให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นขยายความใกล้ชิดไปสู่มิติที่ห้า ความสัมพันธ์ 3 มิติเป็นพันปีสุดท้ายที่รัก! ในอาณาจักรที่สี่เราทุกคนสามารถเข้าถึงช่องว่างอันน่าตื่นเต้นของการเชื่อมต่อของพระเจ้าได้ การขยายตัวของจิตวิญญาณแฝดในความสัมพันธ์เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสำรวจซึ่งกันและกันจิตใจร่างกายและจิตวิญญาณ คนรุ่นมิลเลนเนียลของ Woke ได้สร้างแถบใหม่ในแง่ของสิ่งที่เราปรารถนาในความสัมพันธ์การเติบโตทางจิตวิญญาณความสุขทางกายและการกระตุ้นทางปัญญา เราสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของเราในแหล่งกำเนิดแสงศักดิ์สิทธิ์ร่วมกันคือพันธกิจของคนรุ่นใหม่ที่ตื่นขึ้นมา เราสามารถสื่อสารได้ว่าเป็นแสงของจักรวาลในโลกแห่งวัตถุ

 Dreamweaving เป็นกุญแจสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ที่มีอยู่ ใช้เวลาในการวางแผนอนาคตร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับความฝันความปรารถนาและความหวังของกันและกัน เราไม่ควรมีความฝันเมื่ออายุเกิน 35 ปีในเมทริกซ์ จำวิญญาณของเราตายเมื่อเราเติบโตขึ้น? เมื่อเราฝันอย่างมีสติในยุค 40, 50, 60, 70 และอื่น ๆ เรากำลังฉีกเมทริกซ์อย่างแท้จริงโดยใช้อัลกอริทึมของค่าเสื่อมราคาการเสื่อมสภาพและภาวะซึมเศร้า ความชราเช่นเวลาเป็นแนวคิดที่ผลิตขึ้นโดยอาศัยสงครามเคมีสารพิษและการควบคุมจิตใจเพื่อแสดงออก ความจริงก็คือเราสามารถมีชีวิตอยู่ในร่างกายมนุษย์ของเราได้เป็นเวลาหลายร้อยปีหากเราเลี้ยงดูและหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตที่เป็นตรีเอกานุภาพของเรา ในเมทริกซ์ผู้คนไม่ได้ชราภาพพวกเขาจะขาดน้ำ เราถูกสร้างขึ้นจากน้ำการผกผันแทนที่จะเป็นการเติมพลังและเติมพลังให้กับจิตใจและร่างกายของเราด้วยความชุ่มชื้นเราถูกปรับสภาพให้กินของเหลวใด ๆ ยกเว้นน้ำ น้ำผลไม้เป็นยาน้ำตาลสำหรับการเสพติดเมทริกซ์แอลกอฮอล์…นมเป็นที่น่าสงสัยจากแหล่งที่มาดัดแปลงและน้ำก็มาในขวดพลาสติกราคาแพง โดยทั่วไปคนเราจะขาดน้ำเมื่ออายุได้ 40 ปีด้วยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาหารขยะแบบเมทริกซ์อาหารที่มีสารกันบูดและการขาดอากาศบริสุทธิ์และการออกกำลังกายประกอบกับการหลอกลวงที่เราผ่านมาเมื่อเราอายุ 50 Bollox เราเพิ่งได้รับ เริ่มแล้ว ตัวอย่างที่ทรงพลังในเมทริกซ์แก่และฉลาดพอที่จะมีชีวิตรอดอายุน้อยและเหมาะสมพอที่จะปกครองชีวิตของเราเอง ไม่แปลกใจเลยที่เครื่องจักรจะขว้างทุกอย่างใส่เราเพื่อทำให้เราโง่ลงอย่างมากเมื่อเราเติบโตสู่ความจริงและอำนาจของเรา

 โลกใหม่กำลังถูกสร้างขึ้นโดยเราในความฝันของเรา เราอยากจะเดินทางออกไปจากไกอาปลูกสวนแห่งความรักปีนภูเขาเต้นรำกับปลาโลมาวาดภาพพระอาทิตย์ตกสร้างความมหัศจรรย์หรือไม่? เมทริกซ์ต้องการให้เราอยู่บนชั้นวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งล้าสมัย 70, 60 ข้อมูลสำหรับโรคหัวใจวายโรคและความเจ็บป่วยภายใน 6 เดือนหลังเกษียณอายุนั้นน่ากลัว ระดับการฆ่าตัวตายในผู้ชายอยู่ในระดับสูงสุดตลอดเวลาโดยที่การบำรุงร่างกายของผู้ชายอยู่ในระยะยาวในอัลกอริธึมของสัญลักษณ์สถานะภรรยาที่ได้รับรางวัลความหลงใหลในการเล่นกีฬาและการหลีกเลี่ยงภาษี ไม่มีใครพูดถึงความฝันหลังจากที่เราได้ทำเครื่องหมายเกี่ยวกับความฝัน / รหัสงานการแต่งงานบ้านลูกเงินบำนาญ แท้จริงมันดูดชีวิตออกจากพวกเราเครื่องจักร

 เราทำลายการเขียนโปรแกรมในจิตวิญญาณของเรา การเข้าถึงดวงดาวในแต่ละช่วงของชีวิตมนุษย์การแสวงหาการขยายตัวเพื่อเดินไปสู่เส้นทางสูงสุดเสมอเราจึงสลายการปรับสภาพ Starseed ในวัย 40 ปี 50 และ 60 ปีขึ้นไปเป็นหลักฐานที่มีชีวิตว่าเรากำลังทำลายเมทริกซ์ ให้ความรู้สึกแข็งแรงสุขภาพดีและโฟกัสที่คมชัดกว่าที่เราทำในยุค 20 หรือ 30 เรากำลังอัปเกรดให้สอดคล้องกับการขึ้นสู่สวรรค์ของ Gaia เรากำลังท้าทายตัวประมวลผลหลักของเมทริกซ์เรื่องความชราความเจ็บป่วยและโรค คนส่วนใหญ่ตายเพราะอาวุธแบบเมทริกซ์เมื่อเราถอดปลั๊กออกจากอาวุธดังกล่าวเราจะยืดอายุการใช้งานของเราและเร่งการเปิดใช้งานตัวเบา การรักตนเองเป็นกุญแจสำคัญและเป็นกุญแจสำคัญที่มีอยู่มากมายในด้านพลังงานปัจจุบัน คว้าคนที่สวยงามและใช้เพื่อปลดล็อกประตูแห่งความรักในตนเอง

 เมล็ดพันธุ์เมล็ดเดียวกำลังรู้สึกถึงเวลาที่พวกเขาได้พบกับคู่ชีวิตของพวกเขา การสั่นของเปลวไฟคู่นั้นรุนแรงในเคมีทางเพศ เมื่อออกเดทมันเกี่ยวกับการตอบสนองของดวงตาที่สามและปฏิกิริยาทางเคมี กระดาษแข็งที่ตัดออกคนจะไม่สะท้อน คนที่มีสิทธิและหยิ่งผยองจะดำเนินการเช่นฉลามที่ออกเดทกับอินดิโกสและสตาร์ซีดป้องกันพวกเขาด้วยมนต์ป้องกันและงานเบา แสดงแสงและแสงสว่างของเราจะมาหาเรา เฉพาะเจาะจงกับจักรวาลทำให้ชัดเจนว่าเราต้องการอะไรและไม่ต้องการอะไร นี่ไม่ใช่รายชื่อนิตยสารสไตล์เมทริกซ์หากเราต้องการเดินทางใส่ไว้ในนั้นฉันต้องการแสดงคู่ชีวิตของฉันและพวกเขาจะเป็นนักเดินทางเช่นเดียวกับฉัน ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์หรือแม้แต่บุคลิกในคลื่นแห่งความรัก 222 เรื่อง แต่เกี่ยวกับเคมี จิตวิญญาณของเรารู้ เราฟัง. ควบคุมความถี่ความรัก 222 ความถี่จนถึง 02.20 ในการทำสมาธิทอฝัน ปรับแต่งสิ่งที่เราแสวงหาและชี้แจงรายละเอียดเชื่อมโยงกับความปรารถนาจุดมุ่งหมายความฝันของเราในอนาคต เราเป็นผู้สร้างและโลกได้เปลี่ยนไปอย่างเหนือความคาดหมายอัลกอริทึมแบบเก่าใช้ไม่ได้อีกต่อไป ช่องปลุกคนรุ่นมิลเลนเนียลใช้เสาอากาศของเราไม่ใช่ดวงตาของเราจักระหัวใจไม่ใช่อัตตาจิตวิญญาณไม่ใช่ตรรกะของเราที่จะรู้สึกถึงคนพิเศษคนนั้น กำจัดความยุ่งเหยิงและสัมภาระอย่างมีสติปล่อยทุกสิ่งที่อาจฉุดรั้งเราไว้ไม่ให้พบรักแท้และความสุขในความสัมพันธ์ที่เติมเต็มและดึงดูดใจ ถ้าเราไม่ถามเราจะไม่ได้รับ!

 เราอยู่ที่นี่บนพื้นดินเราพบตัวตนของเราเมื่อเราปรับสมดุลในชีวิตของเรา เราระบายดราม่าออกจากชีวิตประจำวันและค้นหาธรรมะเส้นทางแห่งการขยายตัวของเรา เราแสวงหาความจริงของตนเอง การบำบัดรักษามีประสิทธิภาพสำหรับการกลับคืนสู่สภาพเดิมการกระตุ้นร่างกายเบา ๆ และการล้างกรรม เมทริกซ์กำหนดเงื่อนไขให้เราต้องขอความเห็นชอบและความรักจากแหล่งภายนอกจากนั้นจะไม่เสนอแหล่งข้อมูลเหล่านั้นให้เรา การตรัสรู้ทางจิตวิญญาณคือการเรียนรู้ที่จะรักทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเราเพื่อให้ความเห็นชอบคำแนะนำการสนับสนุนและการให้กำลังใจแก่ตนเอง คนสวย 222 คนเกี่ยวกับการรักตัวเองการสร้างความรักทำให้เกิดความรักและการค้นหาความรัก ทำให้มันเหมาะกับเรา! ในแสงสว่างและความรัก

 มนต์

 ภายใต้การปกป้องตัวเองที่สูงขึ้นของฉันฉันยอมรับการอัพเกรดทั้งหมด 222 ครั้ง

 ฉันปรับความถี่ของความรัก

 ฉันลดระดับอัตตาลงนอนเดี๋ยวนี้และปลุกจักระในหัวใจของฉันเฮลโล!

 ฉันหล่นลงไปในช่องว่างหัวใจทางเลือกทั้งหมดของฉันจะมาจากความรัก

 ฉันละลายความเกลียดความกลัวและความเจ็บปวดในคลื่นแสง 222

 ฉันทำความสะอาดช่องหูของฉันตัวเองที่มีพลังของฉันในความรักที่สั่นสะเทือนเบา ๆ

 ฉันพร้อมที่จะโอบกอดความสุขความสุขและความสงบในชีวิตของฉัน

 ฉันพยายามที่จะกระชับความสัมพันธ์กับ…. ใน…. โดย….

 ฉันเรียกเนื้อคู่มาหาฉันฉันพร้อมที่จะรับความรักและมอบของขวัญให้พวกเขา

 ฉันเชื่อมต่อกับการสั่นสะเทือนของความรัก 222 ครั้งรักษาหัวใจและปลอบประโลมจิตใจด้วยความขอบคุณ

 ฉันแบ่งปันความรักฉันได้รับความรักฉันรัก

 อาโอ!

 Awakening5dhealing.com

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...