หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง
มีนักปราชญ์นอกคอกถามปัญหาหลายคน
#คนหนึ่งถามว่า “ท่านมีความเห็นอย่างไรที่สร้างวัดใหญ่โตอย่างที่เป็นอยู่นี้”
#ตอบเธอไปว่า “วัดนี้สร้างตามใจผู้มีศรัทธา ในเมื่อท่านให้เงินมาก็ทำตามที่ท่านประสงค์”
#คนที่สองถามว่า “ท่านมีเทคนิคอย่างไร จึงมีคนเขาอุดหนุนมากอย่างนี้”
#ตอบเธอว่า “ฉันไม่มีเทคนิค มีแต่ความรู้สึกว่าเป็นพระเท่านั้น จริยาทุกอย่างทำตามที่พระท่านสอน”
#คนที่สามถามว่า “พระที่ท่านปลุกเสกการปลุกเสกเป็นอวิชชาใช่ไหม”
#ตอบเธอในทำนองอนุโยคว่า “ เธอรักษาศีล ๕ ครบแล้วหรือ”
#เธอตอบว่า “ไม่ครบ”
#จึงบอกเธอว่า “เมื่อตนเองยังมีศีล ๕ ไม่ครบ จะรู้เรื่องอวิชชาได้อย่างไร พระที่ท่านทำการปลุกเสก ท่านใช้ฌาน ๔ บ้าง สมาบัติ ๘ บ้าง บางท่านใช้ผลสมาบัติ”
#ถามเธอว่า “สมาบัติที่ว่ามานี้เป็นวิชชาหรืออวิชชา”
เธอไม่รู้เรื่องเลย
น่าสงสารคนโง่ขนาดนี้ยังมีในเขตพระพุทธศาสนา
#คนที่สี่ถามว่า “ที่บอกว่าคนรักษาศีล ๕ ยังหยาบอยู่มาก พระโสดาบันก็มีศีล ๕ ใช่ไหมครับ”
#ตอบเธอในทำนองอนุโยคว่า “พระโสดาบันมีกี่ขั้น”
#เธอตอบว่า “เธอไม่รู้ “
จึงบอกให้เธอไปดูตำราเสียใหม่
เธออยากรู้
จึงบอกให้เธอทราบว่า พระโสดาบันมี ๓ ขั้น คือ สัตตักขัตตุง บารมีอ่อนมาก บำเพ็ญอีก ๗ ชาติไปนิพพาน โกลังโกละ บารมีอย่างกลาง บำเพ็ญบารมี ๓ ชาติ ไปนิพพาน และเอกพีชี บำเพ็ญบารมีอีกชาติเดียวไปนิพพาน ทุกขั้นต้องมีศีล ๕ ร่วมกรรมบถ ๑๐
วันนี้ดึกมากแล้วขอลานอน
#หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
เรื่องอ่านเล่น บันทึกของหลวงพ่อ
หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๔๘ หน้า ๔๓-๔๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น