ศีลอย่างแท้จริงเป็นไปด้วยความมีสติ รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร
ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปในขอบเขตของศีลที่สภาพเป็นปกติศีลที่เกิดจากการรักษา มีสภาพปกติ ไม่คะนองทางกาย วาจา ใจ ให้เป็นที่เกลียด นอกจากความปกติก็งดงาม ทางกาย วาจา ใจ ของผู้มีศีลว่า เป็นศีล เป็นธรรม
เราควรรักษาศีล ๕ เพราะ….
๑. สิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียน ข่มเหง และทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป
๒. สิ่งของใคร ใครก็รักและสงวน ไม่ควรทำลาย ฉกลักปล้นจี้ เป็นต้น อันเป็นการทำลายสมบัติและทำลายจิตใจกัน
๓. ลูกหลาน สามี ภรรยา ใคร ๆ ก็รักสงวนอย่างยิ่ง ไม่ปราถนาให้ใครมาเอื้อมล่วงเกิน เป็นการทำลายจิตใจของผู้อื่นอย่างหนัก และเป็นบาปมากไม่มีประมาณ
๔. มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งที่ทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี แม้เดรัจฉานเขาก็ไม่พอใจกับคำหลอกลวง จึงไม่ควรโกหก หลอกลวงให้ผู้อื่นเสียหาย
๕. สุรา ยาเสพติด เป็นของมึนเมาและมีโทษ
ดื่มเข้าไปย่อมทำให้คนดีดีกลายเป็นคนบ้าได้ ลดคุณค่าลงโดยลำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดี มีสติปกครองตัวอย่างมนุษย์ จึงไม่ควรดื่มสุรา เครื่องทำลายสุขภาพร่างกายและใจอย่างยิ่ง เป็นการทำลายตัวเองและผู้อื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน
อานิสงส์ของศีล ๕ เมื่อรักษาได้
๑. ทำให้เราอายุยืน ปราสจากโรคภัยเบียดเบียน
๒. ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในความปกครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวีเบียดเบียนทำลาย
๓. ระหว่างลูก หลาน สามี ภริยา อยุ่ด้วยกันเป็นผาสุก ไม่มีผู้คอยมา ล่วงล้ำกร้ำกราย ต่างครองกันอยุ่ด้วยความสุข
๔. พูดอะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะ ด้วยสัตย์ด้วยศีล
๕. เป็นผู้มีสติปัญญาดี และเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้า ลงหลัง จับโน่นชนนี่ เหมือนคนบ้าบอหาสติไม่ได้
๖. ผู้มีศีล…. เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย
“...ผู้ไม่มีศีล เป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์ร้อน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า...”
โอวาทธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น