30 พฤษภาคม 2564

เมื่อพระอาจารย์คม เรียนภาวนากับคุณยายจันดี

🙏🙏🙏

ก่อนที่ คุณแม่จันดี โลหิตดี น้องสาว พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จะละสังขาร ท่านได้กล่าวกับ พระอาจารย์คม อภิวโร เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า ท่านจำไว้นะ เรื่องการภาวนา ฐานสมาธิสำคัญมาก คำบริกรรมต้องแนบสนิทกับจิตเป็นหนึ่งเดียวกัน เรื่องการสู้เวทนา การพิจารณากาย พิจารณาจิต ท่านจำไว้ เรื่องจิตอวิชชา หลงร้อยละ ๙๙ ท่านอย่าปล่อย หรือชะล่าใจเรื่องนี้ และถ้าใครมาถามท่านให้ถ่ายทอดอย่างนี้ทุกประการ
              คุณแม่จันดี คือแม่ทางธรรม และครูบาอาจารย์ของพระอาจารย์คม เป็นผู้ที่นำท่านสู่การปฏิบัติอย่างอุกฤษฏ์ จากเด็กน้อยสู่ชายหนุ่มเมื่อสิบกว่าปีก่อนจนกระทั่งละเรียนทางโลก มุ่งศึกษาธรรมด้วยกายและใจอย่างเด็ดเดี่ยวโดยมีคุณแม่จันดีคอยขนาบและสอนธรรมอย่างใกล้ชิดกระทั่งละสังขาร
              "อาตมาได้ยินชื่อคุณแม่จันดีตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยเห็นท่าน ตอนเรียนช่วงมัธยมปลายเรียนอยู่โรงเรียนวัดบวรนิเวศ ก็นั่งรถเมล์ไปชุดนักเรียน หิ้วเป้เข้าวิ่งออกที่สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย ๓ กรุงเทพฯ เพราะรู้ข่าวว่า พระหลวงตามาที่นี่ก็จะรีบไปฟังธรรม มีครั้งหนึ่ง พระหลวงตาแขนหักจากอุบัติเหตุรถตู้พลิกคว่ำน่าจะประมาณปี ๒๕๔๑-๒๕๔๒ คุณแม่จันดีก็ขึ้นมาเยี่ยมหลวงตาที่กุฏิท่าน ในสวนแสงธรรม พอคุณแม่ท่านเดินลงจากกุฏิ เราก็ก้มลงกราบท่านอยู่โน่น ไกลมาก ปรากฏว่า คุณแม่เห็น แล้วท่านก็ยืนรับไหว้เด็กน้อยก็คือ ตัวอาตมานี่ นั่นคือครั้งแรกที่ได้เห็นท่าน หลังจากนั้นพอเข้ามหาวิทยาลัย ไปเรียนวนศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็มีความสนใจในเรื่องการภาวนาอยู่ และเป็นช่วงที่พระหลวงตาประกาศช่วยชาติ ก็เลยได้ขึ้นล่องกรุงเทพฯ กับอุดรธานีเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยได้พบคุณแม่ใกล้ๆ ไม่เคยเข้าถึงเลย เพราะเราเป็นผู้ชาย
              "วันหนึ่งมีลูกศิษย์คุณแม่บอกอาตมาว่า จะพาไปกราบคุณแม่ เราก็บอกว่า จะเข้าไปได้อย่างไร เป็นเขตอุบาสิกา เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร ตอนกลางวันไปได้ ท่านอนุญาตอยู่ เข้าไปถามธรรมะจากท่านได้ กลางคืนไปไม่ได้ อาตมาก็เข้าไป ตอนนั้นยังไม่ได้บวช ท่านอยู่แคร่ในป่า ไม่ใช่กุฏินะ ก็มีคนไปกราบ ไปถามปัญหาธรรมะจากท่านเต็มเลย เราก็เดินเข้าไปกราบท่าน ท่านเรียกให้ไปนั่งข้างหน้า แล้วถามว่า ไหน ลูกชื่ออะไร อาตมาก็บอกคุณแม่ไปว่า กระผมชื่อคมครับ
              "คุณแม่ก็บอกว่า เอ้อ ที่มาทั้งหมด ไม่มีใครตั้งใจจริง ไม่มีใครภาวนาดีจริงเท่าเด็กน้อยคนนี้สักคนนะ ไหน ลูกภาวนาอย่างไร แม่อยากฟังเรื่องภาวนา เราก็กราบเรียนท่านว่า กระผมฝึกมาหลายอย่างครับ ตามล่าหาอาจารย์หลายสาย แต่ปัจจุบัน กระผมฝึกเรื่องดูจิต เดินจงกรมมาก เดินจงกรมตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสามทุกวันเลย เร่งภาวนาจนกระทั่งว่าสังขาร ความคิดปรุงแต่งขาดเลย ท่านก็นิ่งไปสักพักหนึ่ง แล้วหันมาบอกว่า ลูกภาวนามาทั้งหมดนั้นผิด โอ้โห เหมือนสายฟ้าฟาด"
              แล้วอย่างไรจึงจะถูกล่ะ ครั้งนั้นคุณแม่จันดีบอกท่านว่า ให้ลูกกลับไปตั้งต้นพุทโธใหม่ ไปสู้กับเวทนามาแล้วค่อยมาคุยกัน
              "ท่านกระชากหมดเลย ท่านบอกว่าที่เราปฏิบัติมา จิตมันไปเกาะกับมานะทิฐิโดยไม่รู้ตัว เราคิดว่า เราภาวนาดี ภาวนาเก่งกล้า อุบายของคุณแม่ฟาดพังหมดเลย เราออกมาร้องไห้ ก็กลับไปสู้กับเวทนา แล้วกลับมาถามคุณแม่ ท่านก็แนะอุบายสู้กับเวทนาจนกระทั่งเข้าใจ ลงกันได้เรื่องเวทนา ต่อมา ท่านก็เร่งเรื่องกาย ให้พิจารณาอสุภะอย่างเต็มกำลัง คราวนี้แหละ กราบครูบาอาจารย์กราบอย่างสนิทใจเลย"
              เพราะอะไร?
              "เมื่อก่อนนี้ เราเอาตัวสมาธิ คือความว่างของจิตเป็นอารมณ์ เราถือตัวนั้นเป็นเหมือนกับวิหารธรรม แล้วปฏิเสธความนึกคิด ซึ่งความจริง ไอ้ความคิด มันไม่ได้เป็นสมบัติทั้งของกิเลสและของเรานั่นแหละ ตอนนั้น เราไปให้คุณค่า ให้ความหมายกับตัวความคิดว่าเป็นกิเลส จิตก็ไปผลักออก ไปทำกำแพงกั้นความคิดไว้หมดเลย แต่พอเอาเข้าจริงๆ คุณแม่บอกว่า ความคิดมันไม่เป็นของใครทั้งนั้น ความคิดเอามาเป็นธรรมเพื่อถอดถอนกิเลสก็ได้ ไม่ได้สักแต่ว่า ความคิดเป็นกิเลสอย่างเดียว ดังนั้น การพิจารณาเรื่องอสุภะ อสุภัง เป็นอุบายพิจารณาถอดถอนอคติ ความเข้าใจผิด ทิฐิมานะทุกอย่างเกี่ยวกับสกลกาย ความสวยความงามในกามราคะโดยตรงเลย เรื่องนี้ รื้อกันแหลก รื้อกันจริงๆ จังๆ"
              ขณะที่พระอาจารย์คมก่อนบวชตอนนั้นตั้งใจภาวนามาก แต่ทางบ้านของท่านกลับไม่อยากให้ภาวนา อยากให้เรียนหนังสือ ความทุกข์ทุกอย่างรุมเร้ามาที่ตัวท่าน ในที่สุดคุณแม่จันดีสงสารท่านมาก บอกกับท่านว่า คมเอ้ย แม่มีเรือกสวนไร่นาเท่าไหร่ แม่จะยกให้ลูกคมหมดเลย ให้ไปกราบบูชาค่าน้ำนมบิดามารดา แม่จะขอให้มาเป็นลูกแม่ แม่จะดูแลเอง แล้วแม่จะให้บวช
              "ท่านก็พูดบ่อยๆ จนกระทั่งเรียกพ่อกับแม่ของเรามาที่วัดป่าบ้านตาด พอโยมพ่อโยมแม่มา คุณแม่ก็บอกว่า แม่ดูถูกค่าน้ำนม แม่ขอขมาเด้อ คุณพ่อคุณแม่เราก็เลยยกอาตมาให้เป็นสิทธิขาดของคุณแม่จันดีนับแต่นั้น"
              ตอนนั้นท่านเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปีสาม ก็ลาออก แล้วไปลาคุณแม่จันดีไปภาวนาที่วัดป่าเนรมิต หรือวัดโนนสวรรค์ ห่างจากวัดป่าบ้านตาดไปประมาณ ๑๓ กิโลเมตร
              "อาตมาไม่ได้ภาวนาที่วัดป่าบ้านตาด เพราะตอนนั้นมีการช่วยชาติ คนเยอะมาก ก็อธิษฐานกับพระคุณแม่ และขอลาตายกับท่าน คุณแม่ก็บอกว่า เอาเลยไปตายเลย ปรากฏว่า สามวันในกุฏิ มันลงกันได้ มันปล่อยออกหมดเลย สภาวะจิตคืนดิน น้ำ ลม ไฟ แก่กัน ความยึดมั่นถือมั่นในส่วนต่างๆ ของกาย เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันลงหมด เหลือแต่จิตดวงเด่นอย่างเดียว ก็เป็นบ้าอีก มาหาคุณแม่ ท่านหัวเราะ กายมันพังลงไปยังไง นั่งๆ แล้วท่านก็บอกว่า ธรรมประจักษ์จิต จิตประจักษ์ธรรม เข้าใจไหม
              "ท่านถามว่า จิตลงไตรลักษณ์อย่างไร จิตปัจจุบันเป็นอย่างไร อาตมาก็บอกท่านว่า มันว่าง สว่างมาก ท่านบอกอีก ให้ระวังขันธ์ ๕ ในจิตอีกนะ อาตมาก็กลับมาเร่งความเพียรอีก"
              นั่นคือเรื่องที่เล่าเกิดขึ้นเมื่อ ๙ ปีก่อน ในที่สุดคุณแม่จันดีก็บอกว่าถึงเวลาที่ท่านจะบวชได้แล้ว แล้วท่านก็มอบเงินให้เป็นเครื่องบวช ใส่ซองให้เรียบร้อย ท่านบอกให้ไปบวชใกล้บ้าน ให้พ่อกับแม่ได้บุญ
              "พอบวชเสร็จอาตมาก็กลับมาเยี่ยมท่านเป็นระยะ จนกระทั่งธาตุขันธุ์ท่านอ่อน ก็ขออนุญาตพระหลวงตา นำพระคุณแม่ท่านมารักษาที่กรุงเทพฯ จนกระทั่งท่านสั่งว่าไม่ให้ล้างไต ไม่รับการรักษา ท่านอยู่กับเวทนาหนึ่งเดือนกับ ๗ วัน อย่างถึงที่สุดก่อนที่ท่านจะละสังขาร ท่านใจเพชรมาก"
              คุณแม่จันดี เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๔๗๓ ละสังขารเมื่อเวลา ๐๑.๐๓ นาฬิกา วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ ภายในกุฏิห้องปลอดเชื้อของท่านฝั่งอุบาสิก?า วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี สิริอายุรวม ๘๒ ปี ๑๑ เดือน ท่านเป็นน้องสาวคนที่ ๙ ของพระหลวงตามหาบัว ซึ่งเป็นพระพี่ชาย และยังเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน ในการอบรมสั่งสอนธรรมมาโดยตลอด
              พระอาจารย์คมกล่าวว่า คุณแม่ท่านสอนเสมอว่า ให้อ่อนน้อมถ่อมตนให้ถึงที่สุด ให้อดทนทุกสิ่งทุกอย่างให้ถึงที่สุด มีอะไรก็ยอมรับกรรมเสีย โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้น้อมทั้งกาย วาจา ใจ 
              "จนเดี๋ยวนี้อาตมาเองก็ได้แต่ความจำ การภาวนาจริงๆ ไม่ได้เรื่อง อาศัยว่าพยายามอยู่ เพียรอยู่ แก้ไขตัวเองไป ลูกศิษย์คุณแม่ที่ภาวนาเด็ดๆ ยังมีอีกหลายท่าน อาตมานี้แย่ที่สุด แต่อาตมาดูแลท่านทุกอย่างที่ทำได้ ชีวิตจิตใจเทิดทูนบูชาท่านหมดเลย ทำวัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) ที่โคราช เพื่อบูชาคุณธรรมของท่าน ด้วยความเป็นแม่ บูชาคุณของความเป็นครูบาอาจารย์ด้วย ให้เป็นอนุสรณ์ถึงท่าน"

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...