มี "สัมมาสมาธิ" เป็น "ฐานกำลัง"
"สัมมาสมาธิ"
คือจิตตั้งมั่น
ไม่ไหลตามอารมณ์
หากสงบแบบลึกสุด จะไม่สามารถรับรู้อะไรได้
ต้องรอให้สมาธิลึสุดนั้นคลายตัวออกมาตามธรรมชาติก่อน
บางกรณีอาจไม่ได้สงบลึก แต่ไม่เพลินไหลไปตามอารมณ์
สามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเสร็จการปฏิสัมพันธ์ก็กลับมาอยู่ในสภาพจิตตั้งมั่นดังเดิม
เมื่อมีกำลังของ "สมาธิแบบจิตตั้งมั่น" ไม่ควรปล่อยทิ้งไปเปล่าๆ
ควรนำกำลังนั้น มาพิจารณาความจริงของรูปขันธ์และ/หรือนามขันธ์
ชนิดพิจารณาแล้ว พิจารณาอีก
ตั้งแต่ระดับหยาบ กลาง ละเอียด
พิจารณาอย่างลึกซึ้ง
พิจารณาอย่างแยบคาย
พิจารณาซ้ำไป ซ้ำมา
เมื่อสั่งสมบารมีมากพอ
ก็จักเห็นความจริงไปโดยลำดับ....
ตามกำลังของ "ภาวนามยปัญญา" ที่ได้บำเพ็ญและสั่งสมมาจากอดีตจวบจนปัจจุบันขณะ นั้นๆ
ทำให้เราสามารถบริหารจัดการกับกิเลสทั้งหยาบ กลาง ละเอียดได้....โดยลำดับ
➡️ ปัญญาชนิด "สุตมยปัญญา"
หมายถึง ปัญญาอันเกิดจากการฟัง หรือ จากการอ่าน
➡️ ปัญญาชนิด "จินตมยปัญญา"
คือ ปัญญาที่เกิดจากการใช้ความคิดพิจารณาให้เกิดความเข้าใจในระดับเหตุผล
ปัญญาสองชนิดหลังนี้
ต้องมีความเฉลียวฉลาด ปฏิภาณ ไหวพริบ ทักษะ เป็น "ฐานกำลัง"
เพื่อให้สามารถประดิษฐ์ คิดค้น ริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ
หรือสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในสถานการณ์นั้นๆ
ถือว่ามีประโยชน์มากทีเดียว
ทว่า....
หากไม่ประกอบไปด้วยหลักศีลธรรม หรือหลักคุณธรรมประจำใจ
ปัญญาทั้งสองชนิดนี้...มักทำให้เรามีตัวตนที่ขยายใหญ่มากขึ้น...โดยลำดับ
จนบางคราว...ไม่ยอมฟังความคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะของผู้อื่น
หรือ ยอมตกเป็นเหยื่อของกิเลส อันเป็นอำนาจฝ่ายต่ำ อย่างโงหัวไม่ขึ้น
ดูเพียงผิวเผิน..ปัญญาเหล่านี้อาจทำให้เราสามารถต่อสู้กับกิเลสได้...แต่มักเป็นเพียงกิเลสตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น
ในทางตรงข้าม....มักชักนำให้เราพ่ายแพ้ต่อกิเลสตัวใหญ่ ที่เป็นอำนาจฝ่ายต่ำ ซึ่งมักมาแบบแนบเนียน...พร้อมมีเหตุผลที่เข้าข้างตัวเอง...จนทำให้เรากระทำอกุศลกรรมในท้ายที่สุด
ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อาจาริยบูชา
และน้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯ
ที่มา
นฤมล สุมะโน
เพจ สัมมาปฏิบัติ
220664
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น