13 มิถุนายน 2564

เรื่องเล่า ครัังพุทธกาล ตอนปฐมสังคายนา


   หลังพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว 3 เดือน เหล่าภิกษุสาวกได้ทำการสังคายนา คือประชุมกันเพื่อรวบรวมและจัดหมวดหมู่คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค ณ ถ้ำสัตตบรรณคูหา ข้างเขาภารบรรพตนอกกรุงราชคฤห์ มีพระอรหันตสาวก 500 รูปร่วมกันทำ มีพระมหากัสสปเถระเป็นประธานและเป็นผู้ถาม มีพระอุบาลีเป็นผู้ตอบพระวินัย พระอานนท์ตอบพระธรรม มีพระเจ้าอชาตศัตรูเจ้าผู้ครองนครทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ ใช้ระยะเวลา 7 เดือนจึงแล้วเสร็จ 
   สังคายนานั้น ท่านทำเป็นสังฆกรรม ถ้อยคำที่ใช้จึงเป็นสำนวนเฉพาะ ตอนที่ประธานคือพระมหากัสสปะกล่าว จึงเป็นคำกล่าวแก่สงฆ์โดยตั้งเป็นญัตติว่า "สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ" ( ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมแล้ว ข้าพเจ้าจะสอบถามพระวินัยกับท่านพระอุบาลี ) พระอุบาลีจึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่า "ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมแล้ว ข้าพเจ้าอันท่านพระมหากัสสปะถาม จะได้ตอบต่อไป" แล้วก็มีการถาม - ตอบ จนจบพระวินัย แม้การถามพระธรรมท่านก็ทำอย่างนี้ 
   จบแล้ว พระอานนท์เล่าให้พระเถระทั้งหลายฟังว่า ก่อนจะปรินิพพาน พระศาสดาได้ตรัสว่า "อานนท์ เมื่อเราล่วงไป สงฆ์จำนงอยู่ก็พึงถอนสิกขาบทเล็กน้อยได้" พระเถระทั้งหลายถามว่า "แล้วท่านได้ทูลถามหรือไม่ว่า สิกขาบทเหล่าไหนที่จัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย" พระอานนท์ตอบว่า "กระผมไม่ได้ทูลถาม" พระเถระทั้งหลายปรึกษากันว่า สิกขาบทใดควรจัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อย แล้วมีความเห็นไม่ตรงกัน พระมหากัสสปเถระจึงเป็นตัวแทนภิกษุ ประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา มีใจความว่า "สิกขาบทของพวกเราที่เกี่ยวข้องกับพวกคฤหัสถ์ก็มีอยู่ พวกคฤหัสถ์รู้อยู่ ถ้าพวกเราจะถอนสิกขาบทเล็กน้อยเหล่านั้น ก็จะมีผู้กล่าวว่าพระสมณโคดมบัญญัติสิกขาบทแก่พวกสาวกชั่วกาลแห่งควันไฟ สาวกพวกนี้ศึกษาอยู่เฉพาะตอนที่พระศาสดายังมีชีวิตอยู่ พอพระศาสดาปรินิพพานไปแล้ว พวกเธอก็เลิกศึกษา ถ้าสงฆ์พร้อมแล้วก็ไม่พึงบัญญัติสิ่งที่ไม่ได้ทรงบัญญัติ ไม่พึงถอนพระบัญญัติที่ทรงบัญญัติไว้ พึงสมาทานประพฤติตามสิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว ท่านรูปใดเห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง สงฆ์ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนพระบัญญัติตามที่ทรงบัญญัติไว้ สมาทานประพฤติสิกขาบทตามที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้"
   มติของสงฆ์ครั้งนี้ ต่อมาถูกเรียกว่า "เถรวาท" หมายถึงวาทะของพระเถระผู้ร่วมกันประกาศรักษาพระธรรมวินัย มีหลักการสำคัญ คือ ไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่ทรงบัญญัติ ไม่ถอนสิ่งที่ทรงบัญญัติไว้ สมาทานศึกษาสิกขาบทตามที่ทรงบัญญัติไว้ 
   จบแล้ว พระเถระทั้งหลายได้ตำหนิพระอานนท์ 5 เรื่อง คือ
   1. ทำไมไม่ทูลถามว่าสิกขาบทข้อใดจัดเป็นสิกขาบทเล็กน้อยที่สงฆ์สามารถจะถอนได้ ( พระอานนท์ชี้แจงว่า เพราะระลึกไม่ได้ )
   2. ตอนท่านประชุนผ้าอาบน้ำฝนของพระศาสดา ทำไมท่านต้องเหยียบ ( พระอานนท์ชี้แจงว่า ที่ทำไม่ใช่เพราะไม่เคารพ )
   3. ทำไมให้มาตุคามทำความเคารพพระสรีระของพระพุทธเจ้าก่อน ทำให้พระสรีระเปียกน้ำตา ( พระอานนท์ชี้แจงว่า ไม่ต้องการให้พวกนางอยู่ถึงมืดค่ำ )
   4. ทำไมไม่ทูลขอให้ดำรงพระชนม์อยู่ต่อไป ( พระอานนท์ชี้แจงว่า กระผมถูกมารดลใจ กระผมจึงไม่เข้าใจนิมิตโอภาสที่ทรงทำ )
   5. ทำไมขนขวายให้มาตุคามได้บวชในพระธรรมวินัย ( พระอานนท์ชี้แจงว่า เพราะพระนางมหาปชาบดีโคตมีมีพระคุณต่อพระศาสดา )
   
   ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงตอนสุดท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...