สักกายทิฏฐิ พระโสดาบันตัดได้เพียงเบาๆ เพียงแค่รู้ตัวว่าจะตายเท่านั้น
มีความรู้สึกอยู่เสมอว่ายังไง ๆ เราก็ตายแน่ ชีวิตของเราไม่สามารถจะทรงอยู่ตลอดกาลตลอดสมัยได้
พระโสดาบัน มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราแก่ลงไปทุกวันๆ มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าร่างกายของเรามีความทรุดโทรม
จะมีความป่วยไข้ไม่สบายเป็นปกติ...
#นี่เป็นความรู้สึกของพระโสดาบันในขั้นสักกายทิฎฐิ **#ยังไม่ถึงกับตัดเด็ดขาด
ตามที่องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถทรงแนะนำว่า ท่านทั้งหลายจงเจริญ
"มรณานุสติ" ไว้เสมอ ให้รู้ตัวว่าเราจะต้องตาย นี่เมื่อรู้ตัวว่าจะต้องตายแล้ว พระโสดาบันมีความเชื่อในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สงสัย
ทั้งนี้เพราะว่าพระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเราตายจากความเป็นคน ถ้ากิเลสหรือสิ่งอกุศลมันยังมีอยู่ เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฎฎะ ทีนี้อาการเวียนไปเวียนมานี่มันไม่แน่ ถ้ากุศลนำไปสู่แดนของความสุข ถ้าอกุศลนำไปก็ไปสู่แดนของความทุกข์
#พระโสดาบันจึงเลือกเฉพาะทางเดียวคือทางด้านกุศลโดยเฉพาะ
#เรียกว่าไม่สงสัยในคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
#ใช้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาตามเหตุตามผล
หลังจากนั้นแล้วคนที่เป็น "พระโสดาบัน" ก็ต้องหาทางเลือกว่าการตายแล้วเราจะต้องไปนรกบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง มาเป็นมนุษย์บ้าง เป็นเทวดาบ้าง เป็นพรหมบ้าง ถ้ายังไม่หมดกิเลสการเกิดมันยังมีอยู่ เราก็แสวงหาที่เกิดที่ดีที่พึงจะหาได้ อย่างน้อยที่สุด เราก็จะเกิดเป็นคนประเภทชนิดที่จำกัดการเกิด จะไม่ยอมเกิดประเภทที่เรียกว่านับชาติไม่ถ้วน เพราะว่าพระโสดาบันมีการเกิดอยู่ ๓ แบบ
๑. เป็นพระโสดาบันขั้นหยาบ ที่เรียกว่าสัตตักขัตตุง อย่างนี้ต้องเกิดเป็นมนุษย์อีก ๗ ชาติ แต่การเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานไม่มี
#จะเกิดในช่วงเทวดาหรือพรหมหรือมนุษย์เท่านั้น แต่ว่าต้องเกิดเป็นมนุษย์อีก ๗ ชาติ จึงจะถึงอรหัตผล
๒. โกลังโกละ ถ้ามีอารมณ์อย่างกลางก็จะเกิดอีก ๓ ชาติ
๓. เอกพิชี มีอารมณ์ใจอย่างเข้มก็จะเกิดอีกชาติเดียว.
.
.ที่มา
📕 หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๓๑๖
ก.ค. ๒๕๕๐
พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
พิมพ์แบ่งปัน : มงกุฎเพชร อภิญญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น