19 กันยายน 2561

ระดับอภิญญามีสภาพไม่เหมือนกัน


เรื่องของอภิญญา คนส่วนใหญ่เมื่อฟังว่าอภิญญา
แล้วก็มักจะคิดว่า ท่านที่ได้อภิญญา จะต้องมีความรู้
แจ่มใสเหมือนพระพุทธเจ้าเสียทุกอย่าง เป็นการเข้าใจ
ผิดถนัด พระพุทธเจ้าทรงเป็น สัพพัญญู คือมีบารมี
เป็นจอมอรหันต์ ย่อมทรงอภิญญาดีเลิศเป็นพิเศษ
สำหรับพระสาวกที่ได้มีกำลังไม่เท่ากัน และไม่มีทางจะ
ไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้เลย จะเปรียบให้ฟัง
เอาเพียงทิพจักษุญาณอย่างเดียว อย่างอื่นให้เข้าใจว่า
เหมือนกัน
๑. ทิพจักษุญาณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มี
ความสว่างคล้ายพระอาทิตย์ส่งแสงจัด ไม่มีเมฆบัง
ไม่มีเผลอ ไม่มีพลาดในการเห็น
๒. ของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีความสว่างเหมือนวันเพ็ญ
พระจันทร์เต็มดวง มองเห็นคนกลางคืนเมื่อเดือน
หงายมีสภาพอย่างไร ต่างกับกลางวันอย่างไร
พิสูจน์เอาเอง
๓. พระอัครสาวกทั้งสอง มีความสว่างเหมือนคบเพลิง
ดวงใหญ่สว่าง แต่แสงสว่างไม่ไกลเหมือนความ
สว่างของดวงจันทร์
๔. ของพระอรหันต์สาวก สว่างเหมือนแสงตะเกียง
ดวงน้อย
๕. ของท่านที่ได้ฌานโลกีย์ สว่างเหมือนอากาศเมื่อ
พระอาทิตย์ลับแล้ว กำลังมัวตา มองดูอะไรก็ไม่
เห็นถนัดนัก
ข้อเปรียบเทียบนี้ยังไม่ละเอียดพอ แต่เกรงว่าลูกหลาน
จะเบื่อฟัง เอามาเปรียบเทียบเพียงย่อๆ ท่านที่ได้ฌาน
และอภิญญาไม่ใช่รู้อะไรหมด ยิ่งเป็นฌานโลกีย์ด้วยแล้ว
ยิ่งมีจังหวะพลาดง่ายเหลือเกิน เพราะมีอุปาทานมาก
ต้องระวังให้มาก ถ้าไม่ประมาทคิดว่าตัวดีไม่เป็นไร ถ้า
ประมาทเมื่อไรเจ๊งเมื่อนั้น สำหรับพระอริยะท่านรู้ว่าท่าน
ไม่ดีเสมอ ไม่มีความประมาท เรื่องเจ๊งไม่มี
..พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร)
ที่มา: หนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน หน้า ๔๔

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...