30 กันยายน 2561

พระรอด น่ารู้

🙏พระรอด🙏
...วัดมหาวัน...คู่เมืองลำพูน..

#พุทธคุณ: พระอานุภาพของพระรอด มีความเชื่อกันว่า พระรอด มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือความขลังในด้านแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตราย และความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผล และคงกระพันชาตรี
ประวัติ พระรอด กรุวัดมหาวัน จ.ลำพูน
พระรอด เป็นนามที่ผู้สันทัดรุ่นก่อนเชื่อกันว่า เรียกตามนามพระฤาษีผู้สร้างคือ พระฤาษี “นารทะ” หรือพระฤาษี “นารอด” พระรอดคงเรียกตามนามพุทธรูป ศิลา องค์ที่ประดิษฐ์อยู่ในวิหาร วัดมหาวันที่ชาวบ้านเรียกว่า “แม่พระรอด” หรือ พระ “รอดหลวง” ในตำนานว่า คือ พระพุทธ สิขีปฏิมา ที่พระนามจามเทวี อันเชิญมาจากกรุงละโว้ พระนามนี้เรียกกันมาก่อนที่จะพบพระรอดพระพุทธรูปองค์นี้ ที่พื้นผนังมีกลุ่มโพธิ์ใบคล้ายรัศมี ปรากฏด้านข้างทั้งสองด้าน

    
         ⏩⏩พระรอด มีการขุดพบครั้งแรกราวต้นรัชกาลที่ 5 แต่ที่สืบทราบมาได้จากการบันทึกไว้ ของท่านอธิการทา เจ้าอาวาสวัดพระคงฤาษีในขณะนั้น และอาจารย์บุญธรรม วัดพระมหาธาตุหริภุญไชย ว่าในปี พ.ศ. 2435 พระเจดีย์วัดมหาวันได้ชำรุดและพังทลายลงบางส่วน ในสมัยเจ้าหลวงเหมพินทุไพจิตร ทางวัดได้มีการปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ ในครั้งนั้นได้พบพระรอดภายในกรุเจดีย์มากที่สุด พระรอดมีลักษณะของผนังใบโพธิ์คล้ายพระศิลา ในพระวิหารวัดมหาวัน ผู้พบพระรอด ในครั้งนั้นคงเรียกตามนามพระรอดหลวง แต่นั้นมาก็ได้นำพระรอดส่วนหนึ่งที่พบในครั้งนี้ นำเข้าบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ตามเดิม อีกประมาณหนึ่งบาตร
    
         ✅✅พระรอด ขุดค้นพบในปี พ.ศ. 2451 ในครั้งนั้นฐานพระเจดีย์ใหญ่วัดมหาวันชำรุด ทางวัดได้รื้อออกเสียและปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ได้พบพระรอดที่บรรจุไว้ใน พ.ศ. 2435 ได้นำออกมาทั้งหมด และนำออกแจกจ่ายแก่ข้าราชการและผู้ร่วมงานในขณะนั้น เป็นการพบพระรอดจำนวนมาก พระรอด กรุนี้ถือเป็นพระกรุเก่าและตกทอดมาจนบัดนี้ และทางวัดมหาวันได้จัดพิธีสร้างพระรอดรุ่นใหม่บรรจุไว้แทน เข้าใจว่าคงเป็นรุ่นพี่พระครูบากองแก้วเป็นผู้สร้างไว้เพราะมีบางส่วนนำออกแจกให้ประชาชนในขณะนั้น เรียกว่า พระรอด ครูบากองแก้ว
    
         ⏩⏩จากนั้นช่วงเวลาผ่านมาจนถึง ปี พ.ศ. 2498 ได้ขุดพบพระรอดด้านหน้าวัด และใต้ถุนกุฏิพระ ได้พบพระรอดจำนวนเกือบ 300 องค์ มีทุกพิมพ์ทรง กรุนี้ถือว่าเป็นกรุพระรอดกรุใหม่ ที่หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบันนี้ถึงปี พ.ศ. 2506 ทางวัดมหาวันได้รื้อพื้นพระอุโบสถ เพื่อปฏิสังขรณ์ใหม่ ได้พบพระรอดครั้งสุดท้ายที่มีจำนวนมากถึง 300 องค์เศษ พระรอดรุ่นนี้มีผู้นำมาให้เช่า ในกรุงเทพจำนวนมาก พระรอดส่วนใหญ่จะคมชัด และงดงามมากเป็นพระรอดกรุใหม่รุ่นสอง หลังจากนั้นต่อมาก็มีผู้ขุดหาพระรอด ในบริเวณลานวัด แทบทุกซอกทุกมุมทั่วพื้นที่ในวัด นานๆ ถึงจะได้พบพระรอดขึ้นมาองค์หนึ่ง เป็นเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จนกระทั่งทางวัด ได้ระงับการขุดพระรอด นอกจากพระรอดแล้ว วัดมหาวัน ยังขุดพบพระเครื่องสกุลลำพูน เกือบทุกพิมพ์ ที่พิเศษคือ ได้พบพระแผ่นดุนทองคำเงิน แบบเทริดขนนกมากที่สุดในลำพูนด้วย
    
         💯💯พระรอดได้ขุดค้นพบที่วัดมหาวันเพียงแห่งเดียวเท่านั้นเนื้อดินเผาละเอียดหนักนุ่มมาก องค์พระประทับนั่งขัดเพ็ชรปางมารวิชัยประกอบด้วยพื้นผนังใบโพธิ์ทั้งสองด้าน มีศิลปะโดยรวมแบบทวาราวดี – ศรีวิชัย เป็นรูปแบบเฉพาะของสกุลช่วงสมัยหริภุญไชย ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 แบ่งลักษณะ แบบได้ 5 พิมพ์ทรง คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์เล็ก พิมพ์ต้อ และพิมพ์ตื้นนั้น มีลักษณะจุดตำหนิโดยรวมที่เป็นสัญลักษณ์ปรากฏทุกพิมพ์ ในพิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก

         #เริ่มจากด้านบนของทั้งสามพิมพ์มีจุดโพธิ์ติ่ง ทั้งสามพิมพ์นี้มี 3 ใบ ปรากฏที่เหนือปลายเกศ และด้านข้างพระเศียร 2 ใบ กลุ่มใบโพธิ์แถวนอกจะใหญ่กว่าแถวใน และโพธิ์คู่ทั้ง 3 พิมพ์นี้มีระดับสูงเกือบเสมอกัน เส้นรอยพิมพ์แตกมีเฉพาะพิมพ์ใหญ่เท่านั้น มีรูปคล้ายตัวหนอนปรากฏเส้นข้างพระกรรณด้านซ้ายขององค์พระ เหนือเข่าด้านซ้ายขององค์พระมีเส้นน้ำตกเป็นเส้นนูนเล็กมาวาดจากใต้ข้อศอกพระรอดใต้ฐานชั้นบน เฉพาะพิมพ์ใหญ่มีฐาน 4 ชั้น พิมพ์กลาง เล็ก ต้อ ตื้น มีฐาน 3 ชั้น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์ตื้นมีเนื้อดินยื่นจากใต้ฐานล่างที่สุดเรียกว่า ฐาน 2 ชั้น พิมพ์เล็ก พิมพ์ต้อไม่มี กลุ่มโพธิ์แถวนอกของทุกพิมพ์จะคล้าย ๆ กันเพราะทำมาจากช่างคนเดียวกัน

         #นอกจากนั้นพิมพ์ต้อกับพิมพ์ตื้นกลับไม่ค่อยมีใบโพธิ์ในพิมพ์ตื้นมีพื้นผนังโพธิ์แถวใน ใบโพธิ์ติดชิดกับองค์พระแล้วลาดเอียงลงที่กลุ่มโพธิ์แถวนอก ตรงแสกหน้ามีรอยพิมพ์แตกเป็นจุดสังเกต ในพิมพ์ต้อไม่ปรากฏโพธิ์แถวใน พื้นผิวติดองค์พระสูงลาดเอียงลงมา ที่กลุ่มโพธิ์แถวนอกเฉพาะตรงปลายเส้น ชี้นูนสูงที่สุดเป็นจุดสำคัญ นอกจากนี้ประการสำคัญที่สุดของพระรอด ที่ของปลอมจะทำเลียนแบบได้ยากคือ การจำรูปแบบพิมพ์ทรง และความเก่าของเนื้อเฉพาะพิมพ์ใหญ่จะปรากฏพระโอษฐ์ (ปาก) เม้มจู๋คล้ายปากปลากัด มีรอยหยักพับที่ริมฝีปากบนชัดเจนมาก เป็นจุดลับที่ควรสังเกตไว้ และกลุ่มโพธิ์แถวนอกของพิมพ์ใหญ่ด้านซ้าย ขององค์พระ มีระดับลาดเอียงเห็นได้ชัดเจนมาก เป็นจุดสังเกตที่ของปลอมจะทำได้ยาก

#พระรอด #วัดมหาวัน ลำพูน ลักษณะ: พระเนื้อดิน เป็นพระพิมพ์ขนาดเล็ก ชื่อพระรอดนั้นมีข้อสันนิษฐาน 3 ทางได้แก่

         1. ออกเสียงตามผู้ที่สร้างขึ้น คือ พระฤาษีนารอด ซึ่งออกเสียงตามภาษามอญ
         2. ผู้ที่สักการะบูชา และนำติดตัวไปยังที่ต่าง ๆ สามารถรอดพ้นจากอันตรายเป็นอย่างดี จึงเรียกว่าพระรอด
         3. เนื่องจากเป็นพระเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าพิมพ์อื่นๆ จึงได้ชื่อว่าพระลอด และเพี้ยนมาเป็นพระรอด

         #ลักษณะทั่วไปของพระรอด เป็นพระปางมารวิชัย มีฐานอยู่ใต้ที่นั่ง และมีผ้านิสีทนะ (ผ้านั่งปู) รองรับปูไว้บนฐานข้างหลังองค์พระมีลวดลายกระจัง ชาวพื้นเมืองเหนือเรียกกันว่า ใบโพธิ์ เพราะกระจังนั้นดูคล้ายๆใบโพธิ์มีกิ่งก้านไม่อยู่ในเรือนแก้ว พระพักตร์จะปรากฏพระเนตร (ตา) พระกรรณ (หู) ยาวลงมาเกือบจรดพระอังสะ (บ่าหรือไหล่) ทั้งสองข้าง ส่วนด้านหล้งนั้นไม่มีลวดลายอะไรนอกจากรอยนิ้วมือ เป็นเนื้อดินทั้งหมด บางองค์มีลักษณะนูนบ้างแบนบ้าง
สามารถแบ่งได้ 5 พิมพ์

         1. พิมพ์ใหญ่
         2. พิมพ์กลาง
         3. พิมพ์เล็ก
         4. พิมพ์ต้อ
         5. พิมพ์ตื้น

ขอบคุณข้อมูลจาก Salah Nakbumrung

ตาย เรื่องธรรมชาติ แห่งสัจธรรม

คนเราเมื่อตายจากอัตภาพนี้แล้ว มันไม่ตายจริง
ธรรมโอวาทหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

เรื่องของความตายนี้ ทางพระท่านถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะไม่ว่าใครทั้งสิ้นที่เกิดมาแล้ว ก็ต้องตายเหมือนกันหมด จะตายด้วยโรคอะไรหรืออาการอย่างไร ในที่สุดก็ตายเหมือนกัน พระท่านสอนไม่ให้เสียใจ เพราะเหตุแห่งความตายมาถึง คนรับฟังมีเยอะ แต่รับปฏิบัติคือตัดใจไม่ให้เศร้าโศกถึงคนตายนี่หายาก

เรื่องของการระงับความเศร้าโศกอาลัย ในเมื่อมีคนที่เรารักตาย นี้มันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง คนที่จะทำได้แน่นอน ไม่มีอารมณ์หวั่นไหวในเรื่องของความตายนั้น ท่านว่ามีพระอรหันต์เท่านั้น ที่จะเห็นเรื่องของความตายเป็นของปกติธรรมดา เหมือนเห็นใบไม้ที่แก่งอมร่วงลงมาจากต้น ไม่มีความรู้สึกเสียดายห่วงใยใดๆ

ถ้าว่ากันตามภาษาชาวบ้าน ถ้ามีคนตายเกิดขึ้นที่บ้านใคร ถ้าคนที่เกี่ยวข้อง เช่น สามีหรือภรรยาของผู้ตาย ไม่ร้องไห้แสดงความเสียใจ เขาก็หาว่าเป็นคนใจจืดใจดำ กลายเป็นคนไม่ดีไปเสียอีก ต้องแสดงออกถึงความโศกเศร้ารำพันนั่นแหละ เขาถึงจะนิยมว่าเป็นคนดี รักกันจริง เรื่องความเห็นของพระกับชาวบ้าน ไม่ใคร่จะลงกันก็อีตอนนี้แหละ

คนเราเมื่อตายจากอัตภาพนี้แล้ว มันไม่ตายจริง คือไม่หมดความรู้สึกสุขทุกข์ ยังมีสุขมีทุกข์ มีความรู้สึกเหมือนเมื่อยังไม่ตาย แต่สิทธิต่างๆในเมื่อวิญญาณออกจากร่างนี้แล้ว ก็มีบางอย่างที่วิญญาณไม่มีสิทธิจะครอง นั่นก็คือ ทรัพย์สินที่พยายามสะสมไว้ตั้งแต่สมัยเมื่อยังทรงอัตภาพนี้ ส่วนอื่นนอกจากนี้ คือความสุขและความทุกข์ยังมีตามเดิม

บางท่านเมื่อก่อนตายทำความดีไว้มาก เมื่อตายแล้วก็มีความสุข บางรายก่อนตายสร้างความเลวร้ายไว้มาก เมื่อตายแล้วก็ได้รับความทุกข์ อันนี้เป็นกฎของความเป็นจริง ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้

ก็คนธรรมดาๆ ไม่ว่าระดับไหนๆ

"...อย่าพยายามทึกทักเอาเองตามความรู้สึกของตนว่าพระอริยบุคคลไม่ว่าในลำดับใด เป็นบุคคลที่มีอะไรผิดแปลกไปจากคนธรรมดาสามัญ ท่านก็มีอะไรทุกอย่างเหมือนๆ กับคนธรรมดาสามัญ ทั้งร่างกายและจิตใจ หรือถ้าจะว่าให้ถูก ท่านเสียอีกเป็นธรรมดาสามัญ

ปุถุชนต่างหากที่มีอะไรผิดธรรมดา วิปริตไปด้วยการปรุงของกิเลสตัณหาอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ พระอรหันต์ท่านเป็นปกติธรรมดา พ้นจากการปรุงแต่ง จึงอยู่อย่างไม่มีทุกข์...”

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

ภาพ วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี

29 กันยายน 2561

จักรวาล ในพระสูตร

.... พระพุทธเจ้า รู้ได้งัย?
.... พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "จูฬนีสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๒๑๕ เล่ม ๒๐
.... จักรวาล ประกอบด้วยดวงจันทร์ โลก ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายโคจร ไปร่วมกัน จะมีขุนเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ) (เป็นภูเขาทิพย์ที่เห็นได้เฉพาะผู้มีอภิญญา) ทวีปต่างๆ ที่ตั้งชื่อกันในสมัย นั้นคือ ชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตรกุรุทวีป และปุพพวิเทหทวีป มหาสมุทรทั้ง ๔ (นับกันได้ในสมัยนั้น) มีนรกขุมต่างๆ สวรรค์ชั้นต่างๆ และพรหมโลกชั้นต่างๆ โลกธาตุ มี ๓ ขนาด คือ โลกธาตุอย่างเล็กมีจำนวนพันจักรวาล โลกธาตุอย่างกลางมีจำนวนล้านจักรวาล โลกธาตุอย่างใหญ่มีจำนวน แสนโกฏิจักรวาล ทั้งโลกธาตุอย่างเล็กก็ดี อย่างกลางก็ดี อย่างใหญ่ก็ดี ยังมีอีกจำนวนมากมาย "ทุก สิ่งทุกอย่างมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกดับไปในที่สุด" กำเนิดของโลกพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ใน "อัคคัญญสูตร" พระไตรปิฎก หน้า ๖๑ เล่ม ๑๑ ว่า เกิดมีน้ำขึ้นในห้วงอวกาศอันมืดมิดก่อนแล้วนานๆไปเกิดการรวมตัวงวดเข้าเป็น ง้วนดิน แล้วพัฒนาเป็นกระบิดิน ต่อไปเป็นเครือดิน จากนั้นมีต้นข้าวและพืชทั้งหลายเกิดขึ้น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หมู่ดาว นรกขุมต่างๆ เทวโลกและพรหมโลกชั้นต่างๆ ก็เกิดขึ้นเอง

กำเนิดชีวิตพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "เพราะมีความอยาก จึงมีการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมา เมื่อไม่มีความอยากการเกิดเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ไม่มี"

๑.ชมพูทวีป ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)

มีธาตุมรกตอยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุมรกตทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของชมพูทวีปมีสีน้ำเงินแกมเขียว

มนุษย์ ที่ชมพูทวีป มีความสูง ๔ ศอก มีอายุประมาณ ๑๐๐ ปี (อาจตายก่อนอายุได้ ไม่แน่นอน) มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ อายุยิ่งหย่อนขึ้นอยู่กับคุณธรรม ไม่แน่นอน สมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "พระวิปัสสี" มนุษย์ในชมพูทวีปมีอายุถึง ๘๐,๐๐๐ ปี สมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่า "พระเรวะตะ" มนุษย์ในชมพูทวีปมีความสูงถึง ๘๐ ศอก แต่เมื่อคุณธรรมเสื่อมลง จิตใจหยาบช้าลง อาหารเลวลง อายุก็ลดลง ร่างกายก็เตี้ยลง ต่อไปภายภาคหน้ามนุษย์ในชมพูทวีป จะมีอายุเพียง ๑๐ ปี เท่านั้น และตัวจะเตี้ยถึงขนาดต้องสอยมะเขือกิน เรียกยุคนั้นว่า "ยุคทมิฬ" เป็นยุคที่เสื่อมที่สุดของ "ชมพูทวีป" ดอกไม้ประจำชมพูทวีปคือ "ชมพู (ไม้หว้า)" ...เพราะเหตุนี้ ถึงเรียกว่า "ชมพูทวีป"เพราะดอกไม้ประจำทวีปนี้คือ ดอก "ชมพู"

ชมพูทวีป เป็นทวีปเดียวที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ต้องมาตรัสรู้ที่ทวีปนี้เท่านั้น

๒.อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)

เป็นแผ่นดินกว้าง ๗,๐๐๐ โยชน์ ประกอบด้วยเกาะ และแม่น้ำใหญ่น้อย มีธาตุแก้วผลึกอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุแก้วผลึกทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของอมรโคยานทวีปมีสีแก้ว ผลึก มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์ครึ่งซีก มีใบหน้าวงกลม คล้ายวงพระจันทร์ คนหน้าเหมือนดั่งเดือนแรม จมูกโด่ง คางแหลม มนุษย์ที่อมรโคยานทวีป มีความสูง ๖ ศอก มีอายุ ๕๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว) ดอกไม้ประจำอมรโคยานทวีปคือ "กะทัมพะ (ไม้กระทุ่ม)"

๓.ปุพพวิเทหะทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)

เนื้อที่กว้าง ๗,๐๐๐ โยชน์ มีเกาะ ๔๐๐ เกาะ มีธาตุเงินอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุเงินทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของปุพพวิเทหะทวีปมีสีเงิน มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ มีรูปหน้าเหมือนพระจันทร์เต็มดวง คนหน้ากลมเหมือนดวงจันทร์ มีใบหน้าตอนบนโค้งตัดลงมาเหมือนบาตร มนุษย์ที่ปุพพวิเทหะทวีป มีความสูง ๙ ศอก มีอายุ ๗๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุเป็นกฏตายตัว) -ดอกไม้ประจำปุพพวิเทหะทวีปคือ "สิรีสะ (ไม้ทรึก)"

๔.อุตรกุรุทวีป ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ (เขาพระสุเมรุ)

มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม เนื้อที่กว้าง ๘,๐๐๐ โยชน์ เป็นที่ราบ มีธาตุทองคำอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ แสงสะท้อนของธาตุทองคำทำให้ทองฟ้าและมหาสมุทรของอุตรกุรุทวีปมีสีเหลืองทอง มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้ รูปร่างงาม มีลักษณะใบหน้าเป็นรูป ๔ เหลี่ยม รักษาศีล ๕ เป็นนิจ ไม่ยึดถือสมบัติ บุตร ภรรยา สามี ว่าเป็นของๆตน มนุษย์ที่อุตรกุรุทวีป มีความสูง ๑๓ ศอก มีอายุ ๑,๐๐๐ ปี (จะไม่ตายก่อนอายุ เป็นกฏตายตัว) มีต้นไม้นานาชนิด ดอกไม้ประจำอุตรกุรุทวีปคือ "กัปปรุกขะ (กัลปพฤกษ์)" ถ้าอยากได้อะไร ก็ไปนึกเอาที่ต้นกัลปพฤกษ์ จะสมปรารถนา มนุษย์ที่ อุตรกุรุทวีป เมื่อตายจากทวีปนี้ ทุกคนจะได้ไปเกิดใน "เทวภูมิ ชั้นตาวติงสาห์ภูมิ" ทุกๆคนเป็นกฏตายตัว ในภาษาบาลี "อุตร" แปลว่า "เหนือ" ...เพราะเหตุนี้ ถึงเรียกทวีปนี้ว่า "อุตรกุรุทวีป"

สําหรับเรื่องรูปร่างหน้าตาของมนุษย์ต่างดาวในแต่ละทวีปนั้น ตามในพระไตรปิฏกและอรรถกถาต่างๆ ยืนยันว่ารูปร่างเหมือนมนุษย์เราเนี่ยแหละครับ เพราะพื้นฐานการเกิดบนดาวเขาก็อาศัยธาตุทั้ง 4 เหมือน ชมพูทวีป (ดาวโลกเรา) ในพระสูตรหนึ่ง กล่าวถึงโชติกะเศรษฐี ใครสนใจลองไปค้นอ่านได้ในพระไตรปิฏกครับ ท่านว่าโชติกะเศรษฐีนี้ มีบุญมาก เกิดมาเพื่อบํารุงพุทธศาสนาด้วย พอถึงเวลาที่ท่านจะมีภรรยา ปรากฏว่าหาคู่บารมีไม่ได้ เพราะกําลังบุญท่านสูงมาก ไม่มีหญิงคนไหนในโลกเทียบได้ที่จะมาเป็นภรรยาท่าน พระอินทร์ทราบดังนั้น ได้ไปนําหญิงสาวจากอุตกรุทวีปมาให้ เป็นภรรยา

.... ธรรมชาตินี้กำหนดไว้ว่า ในวงเขตหมื่นจักรวาลจะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นได้เพียงครั้งละหนึ่งพระองค์เท่านั้นในวงเขตหมื่นจักรวาลนี้จะไม่มีพระพุทธเจ้าสองพระองค์อุบัติขึ้นพร้อมกันเด็ดขาด
.... สำหรับวงหมื่นจักรวาลในพุทธเขตของพระพุทธเจ้าสมณโคดมในปัจจุบันนี้ก็มีจักรวาลของพวกเรานี้เป็นศูนย์กลาง พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่อุบัติขึ้นในวงหมื่นจักรวาลนี้จะต้องอุบัติที่จักรวาลแห่งนี้เท่านั้น และจะอุบัติขึ้นที่โลกตรงนี้

....  แต่เมื่อกล่าวถึงจักรวาล พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า จักรวาลนั้นไม่มีที่สุดคือนับไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าใด  เมื่อจักรวาลนั้นประมาณไม่ได้เช่นนี้    และเมื่อแบ่งจักรวาลออกเป็นวงละหมื่นๆ ก็นับไม่ได้อีกเหมือนกันว่าจะมีจำนวนเท่าใด และ  ในวงหมื่นจักรวาลอื่นๆ นั้นก็ไม่ได้ห้ามการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ ที่นอกจากพระพุทธเจ้าสมณโคดมของเรานี้

ที่มา : http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=1448&Z=1589

22 กันยายน 2561

ถอดคำทำนายของนักอภิญญาใหญ่ 

ถอดคำทำนายของนักอภิญญาใหญ่ 

ศิษย์หลวงปู่ปาน หลวงปู่ฤๅษีลิงดำ

เรื่อง บรรยากาศชาวโลกก่อนเข้าสู่ยุควิไล

พระฯท่านพยากรณ์ว่า (จากนักปฎิบัติสายมโนมยิทธิท่านหนึ่งโปรดใช้วิจารณญาณ) หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีฯพาไปศึกษาธรรมในส่วนคำพยากรณ์ฯกับพระฯมีดังนี้คือ

ในอนาคตอันใกล้นี้คนไทยจะปกครองโลกธาตุและจักรวาล เพราะเวลานี้พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านได้มาถือกำเนิดบนแผ่นดินไทยมานานแล้ว

ถ้าหากว่าผู้ใดบำเพ็ญบารมี มาถูกต้องตามแบบแผนและกฎกติกา ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายบัญญัติไว้จริง โอกาสที่จะไปทำบุญและเข้าถึงธรรมจากท่านก็มีอยู่มาก

ถึงแม้ผู้ที่มาปฏิบัติจะเข้าถึงธรรมอันบริสุทธิ์ได้มากก็จริงอยู่ แต่ถ้าจะไปรู้เรื่องส่วนตัวที่ละเอียดของพระโพธิสัตว์ แต่ละท่านย่อมเป็นไปไม่ได้เช่น

จะไม่รู้ว่าท่านเป็นใครมาเกิด บำเพ็ญบารมีมาแล้วเท่าไร ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ใดมา ในพุทธกาลนี้มีชื่อสมมติว่าอะไร และในพุทธกาลหน้ามีชื่อสมมติว่าอะไร

เหตุปัจจัยที่จะทำให้คนไทยเป็นใหญ่ในโลกธาตุคือ

๑) ทรัพยากรบุคคล อันได้แก่ พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่าน ซึ่งมาเกิดเป็นคนไทย ท่านเหล่านี้มีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ แม้แต่พรหมเทวดาที่อยู่ในทุกๆ ภพภูมิ ก็ยังให้ความเคารพท่านอยู่ตลอดเวลา
๒) ทรัพยากรธรรมชาติ อันมีอยู่มากมายในผืนแผ่นดินไทย เช่น น้ำมัน ทองคำ ยูเรเนียม รัตนชาติ รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ อีกจำนวนมาก

หมายเหตุ ขนาดพระเลวที่พาคนไปอยู่นรกเป็นจำนวนมาก สังคมโลกยังให้เกียรติมอบรางวัลพิเศษให้ขนาดนั้น แล้วพระที่สอนนิพพานได้ถูกต้องตามที่ศาสดาเอกในโลกบัญญัติไว้ สังคมโลกจะไม่ยอมรับเป็นทางการกันบ้างหรือ อย่างไรเสียชาวโลกก็ต้องยอมรับความจริงให้เกียรติสูงสุดกันอยู่แล้วกันอยู่แล้ว คนไทยจะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณทางโลกธาตุทั้งหมด

พระฯ ท่านบอกว่าเวลานี้พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านต่างก็จำศีลภาวนากันอยู่ แต่คนส่วนใหญ่ในโลกธาตุยังไม่คิดถึงท่าน เพราะไปมัวเพลิดเพลินแต่ความสุขอันจอมปลอม เช่น กามสุขและอบายมุขต่างๆ ถ้าหากไม่ใกล้ตายด้วยมหันตภัยร้ายแรงเกือบทั้งโลก ก็ยากที่จะระลึกถึงท่านด้วยความจริงใจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎแห่งกรรมของสัตว์โลก
เหตุที่ผู้เขียนเชื่อก็เพราะคำสอนศาสดาเอกในโลกเท่านั้น ที่จะหยุดยั้งการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกให้ไปนิพพานได้ เพราะศาสดาพยากรณ์อื่นสอนไม่ถึงนิพพาน สอนได้เพียงเทวโลกและพรหมโลกเท่านั้น

และผู้ก่อตั้งศาสนาอื่นทั้งหมด เวลานี้มาเกิดในเมืองไทยหมดแล้ว ซึ่งผู้เขียนทำบันทึกไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ แล้ว ถ้าอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่านี้ต้องไปหากับพระและครูสอนกรรมฐานในสายมโนมยิทธิ ที่พบนิพพานและพระพุทธเจ้าจริง (เพราะถ้าได้พบนิพพานและพระพุทธเจ้าจริง การที่จะรู้เห็นเรื่องคำพยากรณ์ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ของยากเลย)

นิมิตและสิ่งบอกเหตุอีกหลายอย่างที่จะปรากฏก่อนที่จะได้พบผู้มีบุญออกมาทำงานใหญ่ อาทิ

๑) สัตว์จะเริ่มเข้าใจภาษาคนมากขึ้น (เพราะสัตว์จำนวนมากกำลังหมดกรรม หรือเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมีต่อ) ส่วนคนจะเริ่มไม่เข้าใจภาษาคน (คนส่วนใหญ่มักจะประกอบกรรมชั่ว ไม่คิดปฏิบัติตามคำสอนที่ดีกัน)

๒) โรคภัยไข้เจ็บชนิดแปลกๆ จะเกิดขึ้นมาท้าทายวงการแพทย์ ซึ่งหมอสมัยใหม่ก็ยากที่จะเยียวยาหรือรักษาให้หายขาดได้ แต่จะมาแพ้ยาโบราณและอภิญญาของพระโพธิสัตว์

๓) สัตว์ชนิดแปลกๆ ที่มนุษย์คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว และสัตว์โลกใหม่ๆ ที่มนุษย์ยังไม่เคยเห็นจะออกมาปรากฏ

๔) ยานพาหนะของมนุษย์ที่อยู่ต่างโลกธาตุจักรวาลจะปรากฏเหนือน่านฟ้าโลกเรามากขึ้นในหลายรูปแบบ

๕) ต่อไปชาวธรรมจำนวนมากจะแยกเดียรถีย์อลัชชีออกจากผู้บำเพ็ญได้ถูกต้อง

๖) ดวงดาวต่างๆ จะค่อยๆ โคจรเข้ามาใกล้ระบบสุริยะเรามากขึ้น

๗) อากาศจะวิปริตแปรปรวน ยิ่งใกล้เวลาที่กำหนดไว้คือเวลาที่มนุษย์จำนวนมากต้องสังเวยชีวิตกับภัยธรรมชาติและภัยสงคราม อากาศจะมืดครึ้มอย่างชอบกล แม้ในวันเดียวกันจะมีอากาศในลักษณะ ๓ ฤดู

๘) จะเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงติดๆกัน ภูเขาไฟระเบิด พายุโหมกระหน่ำ น้ำท่วมฉับพลัน ไฟไหม้ อุบัติเหตุร้ายแรงจะเกิดขึ้นถี่ขึ้นในทวีปต่างๆ และยิ่งใกล้ถึงเวลาอุกกาบาตเล็กและใหญ่จะตกลงมาถี่ขึ้นบนพื้นผิวโลก

๙) พรหม เทวดา พญาครุฑ พญานาค ยักษ์ ชาวลับแล ฯลฯ ที่อยู่ในโลกธาตุนี้และโลกธาตุจักรวาลอื่น จะออกมาทำบุญกันหลายรูปแบบในสถานที่บำเพ็ญบุญแห่งใหม่

๑๐) หลวงปู่อุปคุตที่จำพรรษาอยู่กลางสะดือทะเลอันเป็นวังใหญ่ของพญานาค ซึ่งเป็นสถานที่เก็บถาดทองคำ (ภาชนะที่พระพุทธเจ้าทรงใช้ฉันข้าวมธุปายาสก่อนตรัสรู้) ของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ในกัปนี้ จะออกมาให้ชาวโลกได้พบและทำบุญ

๑๑) ญาติพระเทวทัตและพระโพธิสัตว์จอมปลอมจะถูกเปิดเผยความชั่วที่เลวยิ่งกว่ามหาโจรใดๆ ทั้งสิ้นในโลก
หมายเหตุ ให้ตามหากันเอาเอง ถ้ารู้จักพญายมจริงไม่ใช่ของยาก ไม่ขอบอกเพราะถ้ารู้แล้วจะเลิกคบคนอีกเยอะ แต่รู้ไว้ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเองเพราะจะได้ไม่ไปทำบุญกับสัตว์นรก เพื่อจะได้ไม่อยู่นรกตาม เพราะที่ผ่านมาชาวธรรมจำนวนมากโดนหลอกอยู่

๑๒) พระสาวกของพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทั้งหลาย และพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จมาเป็นประธานในพิธีต่างๆ ณ บริเวณสำคัญแห่งใหม่ของโลกก่อนยุคสุดท้าย

๑๓) พระโพธิสัตว์ใหญ่หลายท่านจะนำพระธาตุ พระบรมธาตุ จากชาวเทพหรือชาวลับแลที่เก็บไว้ รวมทั้งวัตถุมงคลใช้ป้องกันรังสีจากอาวุธสงครามสมัยใหม่ ออกมามอบให้แก่ผู้ที่ศรัทธาไว้เคารพบูชาเพื่อป้องกันภัยจากสงครามใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้
หมายเหตุ ในเรื่องของพระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุต้องดูคนแจกด้วย เพราะมีคนแอบอ้างสวมรอยพระโพธิสัตว์เยอะ ถ้าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริง รวมทั้งพระที่พระโพธิสัตว์ใหญ่ปลุกเสกจริง จะต้องเสด็จออกมาสอนกรรมฐานทั้งหมด ที่เขียนเอาไว้ได้ เพราะผู้เขียนก็ได้จากหลวงพ่อฯ หลักสูตรกรรมฐานทั้งหมดที่เขียนก็ได้มาจากครูบาอาจารย์คนเดียวกัน ถ้าเสด็จออกมาสอนไม่ได้ ก็เป็นแค่กรวดหินดินทรายธรรมดาที่มีลักษณะคล้ายพระธาตุเท่านั้น ของจริงต้องอยู่กับคนที่มีบุญจริง ชาวธรรมทั้งหลายอย่าหลงเชื่อพวกต้องการความยิ่งใหญ่ทางโลกธรรม พระและครูกรรมฐานหลงเยอะ ยังไม่ได้อริยประเพณี แต่กลับโดดมาทำผลของพุทธประเพณี
หมายเหตุ ๒ พระบรมธาตุ และวัตถุมงคลบางอย่างก็ใช้ป้องกันไม่ได้ คือพระพุทธเจ้าไม่ได้อธิษฐานไว้ แต่ให้พระโพธิสัตว์มาอธิษฐานเอาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น พระของหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงปู่ปาน ก็ไม่ได้ทำเอาไว้ มีแต่หลวงพ่อฤาษีฯ ทำ และให้ผู้เขียนอาราธนาหลวงพ่อฯ และหลวงปู่ปานมาทำด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำมากมายอะไร เพราะไม่ได้ทำไว้เพื่อขาย

๑๔) พวกเปรตอสุรกายที่แฝงกายอยู่ในคราบนักบุญและนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ของโลก จะถือเอาเหตุปัจจัยความแตกต่างทางศาสนาและนิกายมาเป็นเครื่องยุยงให้ชาวโลกแตกออกเป็นสองฝ่าย และก็จะเริ่มค่อยๆ ประหัตประหารไปทีละจุด ๆ ในที่สุด (ความขัดแย้งในเรื่องลัทธิ นิกาย และศาสนาจะบานปลายเป็นสงครามใหญ่ภายหลัง) เพราะกิเลสในใจผู้นำของแต่ละศาสนามีมาก (อย่ามองข้ามเหตุที่เกิดในประเทศไทย เพราะในเมืองไทยก็เป็นชนวนใหญ่เช่นกัน)

หมายเหตุ นักปฏิบัติในประเทศไทย ใครคบกับใครชาวธรรมโปรดดูให้ดี ผู้ที่เป็นพระอริยเจ้าในปัจจุบันและผู้ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต จะไม่คบกับสัตว์นรกเป็นอันขาด ผู้สนใจในธรรมถ้ากลัวนรก ควรตรวจสอบในเรื่องนี้ดูให้ดี ก็ไม่แน่นักผู้เขียนอาจเป็นสัตว์นรกตัวสำคัญที่สุดของอริยวงศ์และพุทธวงศ์ก็ได้ อะไรที่ไม่ควรเชื่อถือก็อย่าเชื่อถือชาวธรรมต้องระวัง ผู้ที่มาทำหน้าที่นี้ต้องเป็นผู้ที่พระใหญ่ใช้มาและครูบาอาจารย์ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจฝากงานไว้เท่านั้น ต้องพิสูจน์ความรู้หลายอย่างด้วยไม่ใช่เชื่อกันแบบงมงาย ที่ผ่านมาหลวงปู่ฯ หลวงพ่อฯ บอกว่ายังไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงของจริงยังไม่มีใครรู้จัก และทุกอย่างจะต้องมีการพิสูจน์ความรู้ความสามารถ และพฤติกรรมมามากกว่าที่เห็น

กรรมใดเป็นการฝืนกฎแห่งการบำเพ็ญฯ ถ้าหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีฯ ไม่ได้สั่งงานให้ข้าพเจ้าทำเรื่องพิเศษบางส่วนต่อจากท่าน รวมทั้งไม่ได้ศึกษาธรรมในส่วนคำพยากรณ์จากพระฯ จริงๆ ขอให้ปรับโทษอนันตริยกรรมสูงสุดแก่ข้าพเจ้าให้ยิ่งกว่าพระเทวทัตและผู้กระทำความผิดทุกๆ พุทธศาสนาในอดีตทั้งหมดด้วยเทอญ

ที่มา มโนมยิทธิ

ที่มา : https://sites.google.com/site/jantimema/rwm-kha-thanay-1/kha-thanay-khxng-nak-xphiyya-hiy

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...