ดาราศาสตร์ คือ การศึกษาวัตถุในท้องฟ้า ดวงดาว ฟ้าแลบฟ้าร้อง ธรรมชาติต่าง ๆ ทางกายภาพ ทางเคมี
โหราศาสตร์ คือ การสังเกตการณ์โคจรของดวงดาว อุกกาบาต กับเหตการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ทั้งถีชีวิต หรือความเป็นไปของบุคคลและสังคม บันทึก รวบรวมเป็นสถิติ เป็นกฎเกณฑ์สำหรับพยากรณ์ ดวงชะตาคน โลก ดูจากเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ เรียก”ดวงชะตาเกิด” หาเวลามาทำพิธี เรียกว่า "ฤกษ์"มาบันทึกเป็น คัมภีร์ ตำราดาว ตำราดูนิมิต
จึงมีดาวประจำเมือง ดาวประจำตัวแม่ทัพ ขุนทหาร ดาวสงคราม ดาวนักกษัตริย์ ดาวโจร ดาวนักปราชญ์ ดาวเกษตร ที่ขึ้นมาในช่วงไหน จะบ่งชี้ ด้านดีด้านร้ายของเมือง จะเกิดอะไร
วันหนึ่งข้าพเจ้ามีจิตวอกแวกนัก ได้ยินเสียง หลวงปู่ฟัก วัดเขาน้อยสามผาน (ศิษย์ท่านพ่อลี หลวงตามหาบัว) ท่านได้มรณภาพไปแล้ว เสียงท่าน จะใหญ่ ดัง พูดกับข้าพเจ้าว่า
“ ตอนนี้ ..ดาวศิวิไลย์”.มันขึ้นแล้ว “.พร้อมชี้มือไปบนท้องฟ้า..ท่านกล่าวต่อ.
”ต้องขึ้นมาข้างบน จึงจะเห็น”.. –ข้าพเจ้ามองตาม..เห็น ดาวดวงหนึ่ง.สว่างลอยอยู่บนท้องฟ้า..
**...ทำให้นึกถึงคำทำนาย ในสมุดใบข่อย ที่เขียนโดยพระอรหัตน์ พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำไย ) สมัยอยุธยา เขียนไว้ ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง 10. รัชกาล ของกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่
รัชกาลที่ 1. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
รัชกาลที่2. รู้จักธรรม
รัชกาลที่3. จำต้องคิด
รัชกาลที่4. สนิทธรรม
รัชกาลที่5 .จำแขนขาด
รัชกาลที่6.ราษฎร์ราชาโจร
รัชกาลที่7. นั่งทนทุกข์
รัชกาลที่8. ยุคทมิฬ
รัชกาลที่9. ถิ่นกาขาว
รัชกาลที่10. ชาววิไล
.. ชาววิไล อยู่ในยุค (รัชกาลที่ ๑๐) หมายความว่า บ้านเมืองของเราได้ผ่านยุคเข็ญ จะประสบความเจริญรุ่งเรือง จะมั่งคั่งสมบูรญ์ (กึ่งกลางรัชสมัยไปแล้ว)
**... ดังนั้นก่อนจะถึงยุคชาววิไล..จักต้อง มีการคัดกรองผู้คน ที่สมควรจะอยู่ในยุคชาววิไล การคัดกรอง มีทั้งจากโรคระบาด ภัยธรรมชาติ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และภัยจากมนุษย์ คือ สงครามใหญ่ จึงเหลือผู้รอดชีวิต แล้วเห็นความทุกข์ จึงมีความเห็นใจซึ่งกันและกัน
ได้พบครูอาจารย์โลกทิพย์ .ท่านเดินมาทักกลุ่มคน ที่ยืนเป็นแถว..ทีละคนๆ..จนมาถึงข้าพเจ้า.ท่านพูดว่า.
”..โพธิญาณ..ทำไมทำตาปริบๆ”
ข้าพเจ้า จึงถามว่า..”หลวงพ่อ..ผมยังอยากได้ยินคำยืนยันจากหลวงพ่อว่า..ผม...ได้รับคำพยากรณ์....
ท่านมาพูดข้างๆ หู..พร้อมตบไหล่
..”ให้สำเร็จตามที่คิดนั่นแหล่ะ”....” สมบูรณ์ทุกอย่าง สมบูรณ์ทุกอย่าง”.
.ข้าพเจ้าจึงยกมือไหว้..ท่านจึงเดินจากไป..
ที่มา
มโนธาตุ โพธิญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น