16 เมษายน 2566

หลงในฌาน

การปฏิบัติธรรมไม่ว่าเกิดสภาวะใดขึ้นก็ตาม หรือจะเกิดญาณรู้ใดขึ้น หรือเกิดคุณวิเศษใดขึ้น ถ้าไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่ได้ สิ่งที่รู้ ที่เห็น ก็ยังชื่อว่าหลงอยู่ 
หลงในรู้ คือหลงในความรู้ที่ตนมี เช่นมีทิฏฐิว่าตนมีความรู้มาก เป็นผู้ศึกษามามาก หรือเป็นผู้ปฏิบัติมามาก ย่อมทำให้เกิดมานะ ทำให้หลงในรู้ หลงในตน

หลงในฌาน คือทำฌานสมาบัติได้ แล้วหลงติดอยู่กับแค่ฌาน ยึดติดอยู่แค่ความสงบ โดยไม่เจริญปัญญาต่อ ติดอยู่กับแค่ความสงบหรือแค่ความว่าง

หลงในญาณ หลงในความรู้พิเศษที่ได้ ยึดมั่นถือมั่นในญาณพิเศษ เช่นตาทิตย์ หูทิพย์ ที่เป็นโลกียะญาน จนลืมพิจารณาว่าญาณนี้สามารถเสื่อมลงได้

เมื่อปฏิบัติธรรมไปถึงระดับหนึ่ง บางท่านจะเกิดปฏิภาณในการแสดงธรรมขึ้นมา จะมีโวหารในการอรรถาธิบายธรรม ในการแสดงแจกแจงธรรม หรือเรียกว่าธรรมผลุดขึ้นในจิต หยิบจับ มองสิ่งใด จะสามารถนำมาอรรถาธิบายเป็นธรรมะได้ทั้งหมด ย่อธรรมได้ ขยายธรรมได้ สภาวะธรรมจะหลั่งไหลเกิดตลอดเวลา นักปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาสผู้ที่ปฏิบัติจนถึงขั้นนี้ถ้ารู้ไม่เท่าทัน ก็ไปหลงในรู้ได้เหมือนกัน หลงในความรู้,หลงในกิเลส คิดว่าตัวเองรอบรู้ในธรรมหรือแตกฉานในธรรม นี้ละความละเอียดของกิเลส เหตุนี้การปฏิบัติธรรมไม่ว่าจะปฏิบัติจนได้สภาวะธรรมใดมา หรือเกิดความรู้ ความพิเศษใดขึ้น ถ้ายังไปยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่ได้ สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น นั่นก็ยังเป็นความหลงอยู่

วุฒิตี้ธุดงค์กรรมฐาน

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...