กราบไม่เป็น เห็นแต่ พระพุทธรูป
คุณยาย อุ่ม อายุ 73 ปี วันนี้ยังแข็งแรงสามารถปั่นจักรยานไปซื้อของที่ตลาดได้ แต่ที่เป็นความภาคภูมิใจของลูกหลานก็คือ
คุณยายเป็นผู้มั่นคงในศาสนา เข้าวัดฟังธรรม มาตั้งแต่อายุ 7- 8 ขวบ
มีพระรัตนตรัยแนบสนิทในหัวใจตลอดช่วงชีวิต แม้ฐานะความเป็นอยู่จะไม่หรูหราเหมือนชาวบ้านเขา แต่คุณยายก็มีอริยทรัพย์ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นเหตุปัจจัยทำให้หัวใจของคุณยายล้นปริ่มด้วยความสุขสงบ
หลวงปู่เจ้าอาวาสวัดป่า เคยเอ่ยถึง คุณยายอุ่ม ท่ามกลางญาติโยมที่ไปทำบุญว่า คุณยายคืออุบาสิกา
"ผู้จะไม่กลับมาเกิดอีก"
ช่วงเย็นของวันอาทิตย์ คุณยายพร้อมกับหลานชายวัย 16 และหลานสาววัย 14 ไปไหว้พระสวดมนต์ที่วัดซึ่งวัดป่าแห่งนั้นอยู่ห่างจากบ้านระยะทางหนึ่งกิโลเมตรพอดี ถนนลูกรังเส้นนี้ ยายกับหลานเดินกันจนชิน
5 โมงเย็น บนศาลาโรงธรรมเงียบกริบ ไร้ผู้คน จะมีก็แต่เสียงตุ๊กแกร้องเพรียกคู่อยู่บนซอกหลังคา
พระประธานหล่อจากทองเหลือง หน้าตักกว้าง 3 ศอก นั่งสงบบนฐานสูง หลังจุดเทียน จุดธูป ยายกับหลานสาวนั่งท่าเทพธิดา ส่วนหลานชายท่าเทพบุตร ก่อนจะไหว้พระสวดมนต์ คุณยายเอ่ยชื่อหลายสาวด้วยเสียงเรียบ ๆ
“ อั๋น ลองทบทวนให้ยายฟังหน่อย ที่ว่า กราบเป็น แล้วจะเห็นพระพุทธเจ้านั้น กราบยังไง นะ”
เด็กสาว อมยิ้ม ดวงตาฉายฉานอย่างมั่นใจ
“ ก้อ ขั้นแรก เราต้องตื่นรู้ ด้วยสัมปชัญญะก่อน
แล้วก็พนมมือขึ้นกลางหว่างอกทำอัญชลี แล้วยกขึ้นทำวันทา โดยนิ้วหัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้มศีรษะลงทำอภิวาทโดยแบมือ สองข้างลงราบพื้น มือห่างกันเล็กน้อย พอที่จะให้หน้าผากแตะพื้นได้ ขณะที่ข้อศอกสองข้างแนบชิดกับขา ”
“พอแค่นั้นก่อนลูก” เสียงยายดังขึ้นขัดจังหวะ
“
ให้อ้น ช่วยอธิบายต่อว่า เห็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร “
“ ครับ พอเรามีสัมปชัญญะ รู้สึกตัวทั่วพร้อม เราจะรู้ได้ด้วยตนเองว่า กาย วาจา ของเรา ไม่ได้เบียดเบียนใคร นั่นหมายถึง เรามี "ศีล" แล้ว
ขณะที่เราก้มลงกราบ จิตเราจดจ่อตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว ไม่ได้แส่ส่าย หรือ วอกแวกไปไหน
นั่นมี "สมาธิ" แล้ว เพราะสมาธิหมายถึง จิตที่ตั้งมั่นในอารมณ์เดียว
ขณะกำลังก้มศีรษะอยู่นั้น สติเข้ามาดูที่จิต เห็นจิตสะอาดไม่มีกิเลสใด จรเข้ามา ทำให้สกปรก เศร้าหมอง ขณะเดียวกัน จิตนั้นก็สว่างจ้าด้วยปัญญา รู้ว่าจิตว่าง จากอกุศลทั้งปวง การรู้ว่าจิตว่างนั่นแหละ คือปัญญา
และเมื่อบาปอกุศลไม่ปรุงแต่ง จิตก็สงบ
สรุปว่า ถ้าเราเข้าใจถูกต้องแล้ว ขณะกราบพระ เราสามารถจะมีได้ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา”
คุณยาย หันมามองหน้าหลานสาว เหมือนจะบอกว่าช่วยพูดต่อให้จบ
อั๋น เข้าใจการสื่อความหมายของยาย เธอ ทำหน้ายิ้ม ก่อนเอ่ยขึ้น
“ เมื่อเรามี ศีล สมาธิ ปัญญา จิตเราก็จะเข้าถึง ความสะอาด สว่าง สงบ
เวลาใดจิต สะอาด สว่าง สงบ เราก็จะได้พบพระพุทธเจ้า”
“นั่นแหละ ถูกต้องแล้ว”
คุณยายหันมาทางหลานทั้งสอง ก่อนจะกล่าวสรุป
” พระพุทธเจ้าที่แท้จริง เป็น สภาวธรรม
ไม่ใช่ตัวบุคคล ไม่ใช่ พระพุทธรูป แต่เป็นความสะอาด สว่าง สงบ ซึ่งเราจะพบได้ที่ ใจ
ไม่ว่าเราจะทำอะไรอยู่ที่ไหน แม้แต่ ขณะกราบพระ เราก็พบ พระพุทธเจ้า ได้
ถ้ากราบเป็น เราจะเห็น พระพุทธเจ้า
ถ้ากราบไม่เป็นเราก็จะเห็นแต่ พระพุทธรูป”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น