12 มิถุนายน 2566

ปัญญาและอุเบกขา

#คติธรรม 
#พระอาจารย์สุชาติ_อภิชาโต 

"ปัญญาและอุเบกขา"
ปัญญา ก็คือความรู้ตามความเป็นจริง รู้ว่าสิ่งต่างๆในโลกนี้ไม่เที่ยง มีเกิดมีดับมีขึ้นมีลง รู้ว่าสิ่งต่างๆที่เรามีอยู่ตอนนี้มัน ไม่ได้เป็นของเราหรอก เดี๋ยวสักวันหนึ่งเราก็ต้องจากมันไปทั้งหมด แม้แต่ร่างกายนี้ก็ไม่ใช่เป็นของเรา 

นี่คือปัญญา ให้รู้ความจริง รู้ว่าทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้เป็นของชั่วคราวเป็นของที่ยืมเขามา วันหนึ่งก็จะต้องสูญเสียไป ต้องพลัดพรากจากกันไป ถ้าเรารู้เราก็จะไม่ยึดไม่ติดไม่หลงไปคิดว่าเป็นของเรา เราก็จะพร้อมที่จะจากมัน เมื่อถึงเวลาจากกันก็จากกันอย่างมีความสุข จากกันอย่างไม่มีความทุกข์ เพราะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นของเรา เหมือนกับเราไปยืมของของคนอื่นเขามาใช้ พอเราใช้เสร็จเราก็คืนเขาไป ไม่เห็นจะเดือดร้อนไปทำไม แต่ถ้าเราไปคิดว่าเป็นของเรา พอไปยืมเขามาแล้วก็มาถือว่าเป็นของเรา เราก็จะไม่อยากคืนเขา พอต้องคืนเราก็ไม่คืน พอถูกบังคับให้คืนเราก็จะทุกข์ นี่ของต่างๆนี้เหมือนกับของที่เรายืมมา 

ร่างกายนี้ก็เป็นเหมือนของที่เรายืมมา ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองต่างๆ สามี ภรรยา บุตรธิดา พ่อแม่ปู่ย่า ตายาย เหมือนของที่เรายืมมาทั้งนั้น เดี๋ยวไม่ช้าก็เร็วเราก็จะต้องคืนเจ้าของไป เดี๋ยวปู่ย่าตายายก็ต้องไปก่อน คืนปู่ย่าตายายไปก่อนแล้ว เดี๋ยวก็คืนพ่อคืนแม่ ต่อไปก็มาคืนพี่ ต่อมาก็เมื่อคืนตัวเรา ลูกเราสามีเราเมียเรา ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทองของเรา 

ถ้าเรามีปัญญาเราจะไม่ลืมความจริงอันนี้ แล้วเราจะเตรียมตัวตลอดเวลา แล้วเราจะใช้อุเบกขานี้รับกับเหตุการณ์ได้ถ้าเรามีปัญญา แต่ถ้าเราไม่มีอุเบกขาเราก็จะยังทำใจไม่ได้ เวลาเราต้องเสียสิ่งที่เรารักไปแล้วก็จะเสียใจ แต่ถ้าเรามีอุเบกขาและเรามีปัญญา อุเบกขาจะทำให้เราเฉย ปัญญาจะสอนว่าไม่มีอะไรเป็นของเรา ของทุกอย่างที่เรามีอยู่นี้เราจะต้องเสียมันไป ฉะนั้น เรามาเตรียมตัวกันเตรียมตัวล่วงหน้าไว้ก่อน ซ้อมไว้ก่อน เช่นไปอยู่คนเดียวบ้าง อย่าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แยกกันอยู่ แยกอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง ไปอยู่วัด เหมือนกับไปตายกัน ไปหัดตายกัน หรือไปหัดอยู่แบบไม่มีทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง ไม่มีแม้แต่ร่างกาย

 เพราะไปอยู่วัดนี้ร่างกายก็ไม่ต้องใช้ จะอยู่วัดก็ใช้ใจใช้ธรรมะทำใจให้สงบ แล้วใจก็มีความสุข โดยที่ไม่ต้องใช้ร่างกาย ถ้าเราไปอยู่วัดไปอยู่แบบนักบวชได้เป็นพักๆ ต่อไปเราก็จะสามารถที่จะทำใจได้ ให้เป็นอุเบกขาได้ ให้ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างได้ ให้มีปัญญาคอยเตือนใจอยู่เสมอว่า ไม่มีอะไรเป็นของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของชั่วคราว แล้วก็ไม่เที่ยงแท้แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ได้เรื่อยๆ บางทีก็เจริญ บางทีก็เสื่อม ห้ามมันไม่ได้ บังคับมันไม่ได้ แต่เราไม่ต้องไปทุกข์กับมันได้ ด้วยการยอมรับความจริง แล้วเราก็จะไม่มีความทุกข์อยู่ในใจ อีกต่อไป

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ธรรมะบนเขา วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ "ธรรมที่ควรพากเพียร"

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...