🔸วิชาเดินธาตุจากคัมภีร์เดินธาตุอันลี้ลับแห่งสมัยอดีตกาล
เริ่มตั้งแต่...การบูชาพระ คำนมัสการพระรัตนตรัย คำนมัสการพระพุทธเจ้า คำขอขมาพระรัตนตรัย คำพรรณาพระบรมธาตุ บทไตรสรณคมน์ อาราธนา ศีล 5 คำนมัสการพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ บทบูชาบิดามารดาและครูบาอาจารย์ บทชุมนุมเทวดา ธรรมจักรกัปวัตนสูตร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก ชินบัญชร พาหุงมหากา บารมี 30 ทัศ อุณหิสวิชัยคาถา แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์
วิชาเดินธาตุ ซึ่งมีทั้งวิชาเดินธาตุแบบขั้นต้น แบบขั้นกลางและแบบขั้นสูง ซึ่งมีความยากง่ายแตกต่างกันไป...เมื่อฝึกวิชาเดินธาตุแล้วจะออกจากวิชาเดินธาตุเพื่อผ่อนคลายพลัง เพราะวิชาเดินธาตุนั้นเป็นวิชาที่มีพลังมหาศาล เมื่อฝึกไปได้ถึงระดับหนึ่งแล้วจะรู้สึกว่าเหมือนมีกระแสไฟฟ้าสถิตทั่วร่าง ดังนั้นจึงต้องมีการนั่งสมาธิแบบธรรมดาทั่วไป คือ ท่องพุทโธ หรือ ยุบหนอพองหนอ เพื่อผ่อนคลายพลังอันมหาศาลในกายและใจของผู้ฝึก จากนั้นจึงท่องบทอัญเชิญเทวดากลับ
วิชาเดินธาตุแบบฉุกเฉิน ใช้ในยามคับขัน เมื่อนึกอะไรไม่ออกให้ให้ท่อง นะโมพุทธายะ จิเจรูนิ
วิชาเดินธาตุขั้นต้นนั้นจะใช้ หัวใจของธาตุทั้ง ๔ ไฟ ดิน ลม น้ำ บังเกิดสรรพสิ่งในจักรวาล
ธาตุทั้ง4 ไฟ ดิน ลม น้ำ ตามหลักแล้วธาตุที่อยู่ตรงข้ามกันจะเกื้อหนุนกัน เช่น ดินกับน้ำ ไฟกับลม นะ โม พุท ธา ยะ นี้เปรียบเสมือนธาตุใหญ่ เป็นรากเหง้าของธาตุทั้ง4
นะ คือ พระกุกกุสันโธ คือ ธาตุน้ำ หล่อเลี้ยงร่างกายและดวงจิต กำลังธาตุ 12
โม คือ พระโกนาคม คือ ธาตุดิน ให้กำลังวังชา กำลังธาตุ 21
พุท คือ พระกัสสป คือ ธาตุไฟ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย กำลัง ธาตุ 6
ธา คือ พระสมณโคดม คือ ธาตุลม หล่อเลี้ยงชีวิต ดูดพลังปราณมาหล่อเลี้ยงดวงจิต กำลังธาตุ 7
ยะ คือ พระศรีอริยเมตตรัย คือ อากาศธาตุ เป็นที่ตั้งของวิญญาณ กำลังธาตุ 10
เมื่อรวมกำลังธาตุ นะโมพุทธายะ จะได้ 56 คือกำลังพุทธคุณ ส่งผลให้เกิดกำลังธรรมคุณ 38 และกำลังสังฆคุณ 14 รวมกำลัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณได้ 108 เชื่อว่าหากกระทำการใดเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เช่น ปลุกเสกลงเลขยันต์ให้ครบ 108 ครั้งจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากได้ผลตามใจปรารถนา
เมื่อถอดจากพระเจ้า 5 พระองค์ นะโมพุทธายะ จึงบังเกิดเป็นธาตุทั้ง 4 คือ
นะ(ธาตุน้ำ)
มะ (ธาตุดิน)
พะ(ธาตุไฟ)
ธะ (ธาตุลม)
นะ มะ พะ ธะ ธาตุทั้ง4นี้ เป็นธาตุหล่อเลี้ยงร่างกาย สังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นตัวธาตุ ที่ถอดจากแม่ธาตุใหญ่ คือ นะ โม พุท ธา ยะ
ถอดลงไปอีกบังเกิด ธาตุพระกรณี(ธาตุพี่เลี้ยง)คือ
จะ(ธาตุน้ำ)
ภะ(ธาตุดิน)
กะ(ธาตุไฟ)
สะ(ธาตุลม)
จะ ภะ กะ สะ คือธาตุพี่เลี้ยงให้กับ นะ มะ พะ ธะ ที่ท่านจัดเป็นกองธาตุทั้ง4กอง คือเมื่อจะตั้งธาตุทั้ง4กองนี้ ต้องมีธาตุพระพุทธเจ้าคือธาตุพระกรณีตั้ง กำกับลงไปด้วย คือ จะ ภะ กะ สะ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงคุมธาตุลงไปอีกทีหนึ่ง
เมื่อตั้งธาตุได้บริบูรณ์แล้ว จากนั้นก็มีการหนุนธาตุ การหนุนธาตุนั้นท่านให้หนุนด้วยแก้ว4ดวง คือ นะ มะ อะ อุ
นะ คือแก้วมณีโชติ (ธาตุน้ำ)
มะ คือแก้วไพฑูรย์ (ธาตุดิน)
อะ คือแก้ววิเชียร (ธาตุไฟ)
อุ คือแก้วปัทมราช (ธาตุลม)
เมื่อรวมพระเจ้า 5 พระองค์ ธาตุทั้ง 4 ธาตุพระกรณีและดวงแก้วทั้ง 4 เข้าด้วยกันจึงจะสมบูรณ์ครบถ้วน ทำให้เกิดเป็นอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ตามหลักวิชาแปรโลกธาตุ คือการปลุกเสกของกายสิทธิ์ให้มีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่ากับเหล็กไหลชั้น 1 คือมีสีเปลี่ยนไปจากเดิมจนกลายเป็นสีเขียวปีกแมลงทับ หรือยืดหดกินน้ำผึ้งได้เองเมื่อใช้คาถากำกับหรือใช้อำนาจกำลังของตบะฌานประจุลงไป ณ ธาตุนั้น ๆ
หลักการใช้ธาตุอย่างกว้าง ๆ คือ ธาตุน้ำเด่นทางเสน่ห์และเมตตา ธาตุดินเด่นทางอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ คงกระพันชาตรี ธาตุไฟใช้ทำลายสิ่งชั่วร้ายและหลอมรวมวัตถุ ธาตุลมใช้ทางล่องหนหายตัว สะกด เมื่อได้ในพื้นฐานแล้วยังต้องรู้จัก การเดินธาตุ หนุนธาตุ อัดธาตุ ซ้อนธาตุ แยกธาตุ สลับธาตุ ย้อนธาตุและพลิกแพลงธาตุต่าง ๆ ซึ่งยังแบ่งแยกออกตามระดับความยากง่ายอีกด้วย คล้ายกับการเรียนหนังสือ เริ่มจากชั้นประถม มัธยม ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เพราะถ้าขั้นประถมก็อาจใช้พระคาถาว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ
วิชาเดินธาตุขั้นกลาง
ปฐวีธาตุ หรือ ธาตุดิน
มะ กะ ทะ นะ พะ กะ สะ จะ
มิ ตะ ติ อุ อะ มะ นะ
จิ ตะ ติ จะ พะ กะ สะ
มุ ตะ ติ มะ นะ อะ อุ
อาโปธาตุ หัรือ ธาตุน้ำ
นะ มะ ทะ จะภะ กะ สะ
ริ ตะ ติ นะ อะ อิ อุ
ริ ตะ ติ สะ มะ นิ ทุ
ริ ตะ ตะ วิ กะ วิ ตะ ติ
วาโยธาตุ หรือ ธาตุลม
พะ ทะ นะ มะ พะ สะ จะ พะ
ริ ตะ ติ ทะ พะ มะ นะ
มิ ตะ ติ อุ อะ มะ นะ
วิ ตะ ติ พะ สะ กะ สะ
เตโชธาตุ หรือ ธาตุไฟ
ทะ นะ มะ พะ สะ จะ พะ วะ
มิ ตะ ติ พะ จะ สะ กะ
มุ ตะ ติ นะ มะ อะ อุ
จุ ตะ ติ กะ ระ มะ กะ
นอกจากคาถาธาตุตัวเต็มนี้แล้ว สามารถถอดเอาไปใช้เฉพาะเรื่อง
ทำให้ร่างกายให้โตว่า
มะ นะ อุ อะ นะ มะ อะ อุ
ทำให้มีข้าวของเครื่องใช้มากว่า
อะ อุ มะ นะ นะ มะ อุ อุ
ทำให้วิ่งเดินเร็วว่า
อุ อะ มะ นะ นะ มะ อะ อุ
ทำให้หายตัวไม่มีใครเห็น
อะ อุ นะ มะ มะ นะ อะ อุ
ทำให้ฝนตก
นะ มะ อะ อุ มะ นะ อุ อะ
การปลุกเสกวัตถุมงคลด้วยวิชาเดินธาตุ
วัตถุมลคลประจำตัวเรา เช่น พระเครื่อง ตะกรุด ผ้ายันต์ต่างๆเหล่านี้ เมื่อกระทำการอาราธนาเสร็จแล้ว ก็ควรจะปลุกเสกด้วยวิชาแม่ธาตุเพื่อเพิ่มพลังจิตในด้านนั้นๆยิ่งขึ้น
การปลุกเสกนั้นมี 2 ประเภทคือ
1.ปลุกเสกโดย เกจิอาจารย์ในการลงพลังจิตแก่วัตถุมลคล
2.การปลุกเสกโดยเจ้าของวัตถุมงคล อาราธนาก่อนจะติดตัวไปป้องกันภัยอันตราย คือ ปลุกให้ท่านตื่นก่อนที่จะ คล้องคอนั่นเอง
วัตถุมงคลที่มีฤทธิ์ในทาง เสน่ห์
เมื่ออารธนาเสร็จแล้ว ก่อนจะติดตัวให้เพิ่มพลังแม่ธาตุเข้าไปด้วย ขึ้นต้นว่า
นะ โม พุท ธา ยะ
นะ มะ พะ ธะ
นะ มะ อะ อุ
นะ จะ นะ จะ
เพิ่มเสน่ห์ในตัวให้คนรักใคร่ เจรจาการงาน จะได้ผลเพราะมีเมตตา
วัตถุมงคลที่มีฤทธิ์ในทาง ทำให้ภูตผีเกรงกลัวและสะเดาะเคราะห์
เมื่ออารธนาเสร็จแล้ว ก่อนจะติดตัวให้เพิ่มพลังแม่ธาตุเข้าไปด้วย ขึ้นต้นว่า
นะ โม พุท ธา ยะ
นะ มะ พะ ธะ
นะ มะ อะ อุ
มะ ภะ มะ ภะ
นำติดตัวไป ทำให้ภูติผีไม่กล้ารบกวน แม้จะทำการสิ่งใดจะได้ผล
วัตถุมงคลที่มีฤทธิ์ในทาง อยู่ยงคงกระพันชาตรี
เมื่ออารธนาเสร็จแล้ว ก่อนจะติดตัวให้เพิ่มพลังแม่ธาตุเข้าไปด้วย ขึ้นต้นว่า
นะ โม พุท ธา ยะ
นะ มะ พะ ธะ
นะ มะ อะ อุ
พะ กะ พะ กะ
ป้องกันอันตรายที่จะมาแผ้วพาน หากเกิดต่อสู้กันกับโจรผู้ร้าย ทำให้แคล้วคลาด เลือดไม่ตกยางไม่ออก
วัตถุมงคลที่มีฤทธิ์ในทาง การกำบัง สะกดจิต หรือ นะจังงัง
เมื่ออารธนาเสร็จแล้ว ก่อนจะติดตัวให้เพิ่มพลังแม่ธาตุเข้าไปด้วย ขึ้นต้นว่า
นะ โม พุท ธา ยะ
นะ มะ พะ ธะ
นะ มะ อะ อุ
ธะ สะ ธะ สะ
ทำให้ศัตรูไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่กล้าทำร้าย เหมือนถูก นะจังงัง
โลกเราและร่างกายเราก็ อาศัยธาตุทั้ง 4 นี้ หากบรรจุแม่ธาตุทั้ง 4 นี้ไปด้วย จะเกิดพลังในด้านต่างๆสมความปราถณา ข้อสำคัญอยู่ที่ตัวเรา ต้องเป็นคนดี มีความประพฤติดี มีสัจจะวาจา ไม่มุ่งร้ายหมายชีวิตผู้อื่น ไม่มีความโลภ ไม่ใช้วิชาไปในทางมิชอบ ไม่ด่าบิดามารดาของผู้อื่นและของตนเอง...
วิชา หัวใจธาตุทั้ง 4
หัวใจดิน ปะถะวิยัง
หัวใจน้ำ อาปานุติ
หัวใจลม วายุละภะ
หัวใจไฟ เตชะสติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น