22 กันยายน 2564

วิญญาณหลวงพ่อปานปราบศิษย์ชอบกินเหล้า

โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

....จะนำเรื่องที่แปลกแต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
มาเล่าสู่กันฟัง ไม่ใช่เรื่องเทวดา แต่เป็นเรื่องของคน
ที่ชอบแอบทำบาป จะขอเล่าให้ฟังสักนิดหนึ่งว่า
แอบเทวดานี่แอบไม่ได้ หลบไม่พ้น คนทำอะไรที่ไหน
เทวดาก็รู้ ไม่ต้องแอบดูก็มองเห็น
บุคคลคนนี้คือตาตี๋ ลูกศิษย์หลวงพ่อปาน

ตาตี๋นี่อยู่หมู่2 คลองแพงพวย อ.ดำเนินสะดวก ราชบุรี
สมัยที่หลวงพ่อปานมีชีวิตอยู่ ตาตี๋มีความเคารพท่านมาก
เหล้ายาปลาปิ้งไม่กิน เพราะว่าลูกศิษย์หลวงพ่อปานทุกคน
สมัยท่านยังมีชีวิตอยู่ เขาเคารพท่านจริงๆ เขาไม่กินเหล้า
แต่ทว่าพอหลวงพ่อปานมรณะภาพแล้ว ที่ไหนได้ตาตี๋
เป็นขวดเหล้าไปเลย กินเหล้าไม่เลิก ลูกเมียจะว่าก็ไม่ฟัง

วันหนึ่งปรากฏว่า ตอนเช้า เมียเรียกตาตี๋ให้กินข้าว
ตาตี๋ก็น่ั่งเฉย ไม่พูดไม่จา ก็แกไม่ได้ป่วยไข้ไม่สบายอะไรนี่
เมื่อไม่พูดหนักๆ เข้าเมียเขาสงสัย จึงเข้าไปจับตัวดู
ตาตี๋สบัดพรืด แล้วพูดขึ้นว่า
"เฮ้ย มึงอย่ามาจับตัวกูนะ" เมียก็แปลกใจ ถามว่า
"เอ้า พี่ตี๋ ทำไมจับไม่ได้รึ" ตาตี๋ก็เลยบอกว่า
"กูไม่ใช่ไอ้ตี๋" เมียแกจึงถามวา "แล้วเป็นใครล่ะ"
"กูชื่อปานว่ะ"
พอเขารู้ว่าหลวงพ่อปานมาเข้าตาตี๋ เขาก็กราบ
เพราะเชื่อว่าตาตี๋แกไม่ใช่คนโลเล จึงพากันกราบ
แสดงความเคารพแล้วถามว่า
"หลวงพ่อมาทำไม" ท่านก็เลยบอกว่า
"ไอ้ตี๋นี่ กูสั่งไว้แล้วนะว่ากูจะสงเคราะห์มัน
ไม่ให้มันกินเหล้า ไม่ให้มันลักขะโมย
ไม่ให้มันหาปลา แต่พอกูตายแล้ว
ไอ้ตี๋มันเอาทุกอย่าง นี่มันไม่เคารพกู"
ท่านนิ่งไปสักครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
" เอาละ เป็นอันว่า 7 วัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
เอ็งไม่ต้องเรียกไอ้ตี๋กินข้าว ข้าไม่ให้มันกิน
ทั้งข้าว ทั้งน้ำแหละ"
นี่เป็นวิธีทรมานลูกศิษย์ที่ทำผิดของหลวงพ่อปาน
เป็นอันว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา บรรดาคนในบ้าน
ก็เห็นตาตี๋นั่งสมาธิวันยังค่ำ หลับตาพริ้ม
นอนก็ไม่นอน นั่งขัดสมาธิตลอดเวลา
จัดที่ให้ก็ไม่ลุก อาการแบบนั้นเป็นอาการ
ที่หลวงพ่อปานทรมานลูกศิษย์

พอถึง 7 วันท่านก็คลายออก ก่อนท่านจะออกก็บอกว่า
"เอ็งจะเอาข้าวมาให้ไอ้ตี๋กินละก็ ต้องต้มข้าวต้มให้เละ
เสียก่อนนะ กับข้าวก็ให้มันอ่อนๆ ไม่งั้นร่างกายมันย่อยไม่ไหว"
เมื่อท่านออก ตาตี๋ก็กินข้าว แล้วนอนหลับได้ตื่นหนึ่ง
พวกลูกเมียจึงมาเล่าให้ฟังว่า
"หลวงพ่อปานมาเข้า ท่านทรมานไม่่ให้กินข้าว
เพราะโทษที่ไปกินเหล้า ท่านสั่งไว้ว่า
ให้พี่ตี๋สมาทานศีล ไม่ให้กินเหล้าตลอดชีวิต
ไม่ให้หาปลาตลอดชีวิต แล้วก็ไม่ให้ลักขโมยตลอดชีวิต"
ตาตี๋แกโดนเข้าแบบนี้ ก็ต้องยอมเชื่อ คราวนี้
ปลาก็ไม่หา เหล้าก็ไม่กิน การลักขโมยไม่ต้องห่วง
เพราะตาตี๋ไม่เคยทำ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตาตี๋ก็สมาทานศีล 5 เป็นประจำ
และทำงานตามปกติ แต่ว่าเรื่องผักเรื่องปลาพวกลูกๆ
ยังหาอยู่ ต่อมาวันหนึ่ง แกมาเห็นลูกที่จะไปหาผักหาปลา
มันจะสานตะกล้า ตะข้อง มันก็สานไม่เป็น แกก็เลยนึกว่า
"เอาละไม่เป็นไร หลวงพ่อปานห้ามหาปลานี่ แต่ทว่าเรา
จะสานตะข้องให้ลูกมันไปใส่ปลา เราไม่ได้ฆ่าปลา 
มันไม่บาปหรอก"

แกก็เลยไปนั่งจักตอกหลังบ้านตามี แกนึกในใจว่า
ถ้ามาจักตอกที่บ้านเพื่อทำตะกร้า ก็เกรงว่าหลวงพ่อปาน
จะเห็นแกก็เลยแอบไปจักตอกในป่า พอจักตอกไปได้
สัก 2 เส้นเท่านั้นเอง ตาตี๋ทิ้งมีดทิ้งไม้วิ่งห้อกลับบ้าน
ตอนนี้ไม่ใช่ตาตี๋วิ่ง กลายเป็นหลวงพ่อปานวิ่ง
มาถึงบ้านก็นั่งลงไป ท่านพูดว่า "ไอ้ตี๋เอาอีกแล้ว 
ไอ้ตี๋ทำอีกแล้ว นี่กูสั่งไม่ให้มันหาปลา
แต่มันแอบไปจักตอก จะสานตะกร้าในป่า
มันนึกว่ากูไม่เห็นรึ" แล้วท่านก็สั่งกำชับอีกว่า
"นับแต่นี้ต่อไปอีก 5 วัน ไอ้ตี๋ไม่ต้องกินข้าวกินน้ำ"
เสร็จ ตาตี๋เสร็จ นี่โทษที่แอบผีนะ

เป็นอันว่าตาตี๋ก็เลยเลิก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ตะข้อง ตะกร้า ตาตี๋ก็ไม่ทำ ไม่สร้าง
ตั้งใจสมาทานศีลตลอดชีวิตจนกระทั่งตาย
นี่ หลวงพ่อปานท่านทรมานลูกศิษย์ของท่านให้เอาดีจนได้
ที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง ก็เพื่อจะให้รู้ว่า
"การที่เราจะทำความดี ความชั่ว ที่ไหนก็ตาม
อย่าไปหนีตาเทวดาเขานะ หนีไม่พ้นหรอก"

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...