ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
"ถ้าใครสามารถทรงฌานได้ดีเวลาเจริญวิปัสสนาญาณ
นี่มันรู้สึกว่าง่ายบอกไม่ถูก เมื่อถ้าฌาน ๔ เต็มอารมณ์แล้ว
เราจะใช้วิปัสสนาญาณก็ถอยหลังมาถึงอุปจารสมาธิ
เราจะต้องตัดตัวไหนล่ะ ตัดราคะ ความรักสวยรักงาม
เราก็ยกอสุภกรรมฐาน ขึ้นมาเป็นเครื่องเปรียบเทียบ
ยกกายคตานุสติกรรมฐานขึ้นมาเป็นเครื่องเปรียบเทียบ
กันว่าไอ้สิ่งที่เรารักน่ะมันสะอาดหรือว่าสกปรก
กำลังของฌาณ ๔ นี่เป็นกำลังที่กล้ามาก ปัญญามันเกิดเอง
เกิดชัดมีความหลักแหลมมาก ประเดี๋ยวเดียวมันเห็นเหตุผลชัด พอตัดได้แล้วมันไม่โผล่นะ รู้สภาพยอมรับสภาพความเป็นจริงหมด เห็นคนนั้นไม่ต่างอะไรกับส้วมเดินได้ จะเอาเครื่องห่อหุ้ม สีสันวรรณะขนาดไหนก็ตามมันบังปัญญาของท่านพวกนี้ไม่ได้
จุดสำคัญทุกท่านที่บรรลุมรรคผล หรือแม้แต่ทรงฌานโลกีย์
เขาใช้จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐานเป็นประจำทุกวัน ห้ามทิ้งเชียวนะ ตัวที่บรรลุจริงๆอยู่ตรงนี้ นักปฏิบัติทุกองค์ที่บรรลุก็จับเป็นเนติ เนติ แปลว่า แบบแผน ถือว่าเป็นตัวอย่าง ถือว่าเป็น
ครูใหญ่ ใช้ดูอารมณ์ใจไม่ต้องไปดูอะไรเพราะว่าไอ้กิเลศ
มันเกิดที่ใจ เอาอารมณ์ใจเข้ามาดู สติคุม ธัมมวิจยะพิจารณา..."
จากหนังสือ ธรรมสัญจร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น