โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ถ้าถามว่า ถ้าดีเกินไปอย่างนั้น ทำไมอาจารย์ต้องยับยั้ง
ไม่ปล่อยบุกให้แหลกไปเลย ก็ต้องขอตอบว่าขืนบุกอย่างนั้น กิเลสไม่แหลก คนบุกแหลกเพราะเป็น อัตตกิลมถานุโยค
ทรมานเกินไป เอ้า...เลี้ยวเข้าหานางตะเคียนกันใหม่ดีกว่า
ที่พูดอย่างนี้ กลัวผู้ฟังจะหลง คิดว่า ลูกศิษย์คนพูดนี่ดีทุกคน ความจริงทุกคนก็มีดี แต่ทุกคนก็มีชั่ว แต่ใครจะดีมาก
ใครจะชั่วมาก ก็เลือกบูชากันตามชอบใจ ถ้าบูชาสิ่งที่ดีจริง ๆ
ท่านก็ได้อานิสงส์จริง ถ้าบูชาท่านที่ดีจอมปลอม ก็ได้อานิสงส์จอมปลอม ต้องดูการสะสม ดูเหตุดูผล
เป็นอันว่า บรรดาพระ ๓ รุ่นที่ขึ้นไป แล้วก็ต้องลงมา
เป็นพระอะไรล่ะ อย่าไปเรียก พระเลย เสียศักดิ์ศรีพระท่าน
เอาเป็นนักบวชประเภทที่เรียกว่า สักแต่ว่าบวช บวชตามประเพณี ชอบทำตัวเด่น ชอบทำตัวโก้ อย่างกับผู้พูดที่เขาหาว่า เป็นตัวตุ่น เขาหาว่า บ้า ๆ บวม ๆ เขาไม่อยากจะคบหาสมาคมด้วย
แต่บางองค์ก็คบด้วย แต่คบอย่างเบ่ง อย่างเขาเป็นผู้เหนือกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบส่องกระจก ชอบมองดูหน้า ชอบแต่งหน้า เวลาจะไปไหนจีวรก็ต้องเรียบร้อย ห่มดี แต่ลืมนึกไปว่า
เวลานั้น ๑๕ วัน ขูดหัวน่ะ ๑๕ วัน เขาโกนที เขาขูดครั้งหนึ่ง
และไอ้หางที่กระดิก ๆ ก็คือ คิ้ว เขาก็ไม่มี ต้องตัดเสียแล้ว
หลงในตัวเองประเภทนี้ ฉะนั้นนางฟ้าทั้ง ๒ คน ท่านเป็นคน
มีหิริและโอตตัปปะ จึงเป็นนางฟ้าได้
เมื่อขึ้นไปอยู่ที่นั่น เมื่อพบกับท่านแล้วก็ถามว่า ๓ องค์น่ะ
เธอทำอย่างไร เธอก็ตอบว่า ไม่มีอะไร เห็นท่านชอบผู้หญิง
ฉันก็เลยมาลูบมาคลำท่าน ก็เลยบอกว่า เธอลูบคลำพระ
นี่มันบาปนะ เธอบอก ฉันไม่ได้ลูบคลำพระ เพราะทั้ง ๖ องค์
๓ รุ่น รุ่นละ ๒ องค์ จิตใจไม่ใช่พระ เวลานอนนึกถึงสาว ๆ
ลูกสาวบ้านโน้น ลูกสาวบ้านนี้ และจิตใจอยากจะประกอบ
การงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้มันได้เงินไปแต่งงานกับสาว
และก็คุยกัน ชอบคุยเรื่องสาว ๆ ชอบคุยเรื่องการร่ำรวย
ชอบนินทาว่าร้ายคน ฉันมีความรู้สึกว่า ทั้ง ๖ ท่าน
ไม่มีความเป็นพระเหลืออยู่เลย นี่บรรดาท่านผู้ฟัง
ท่านผู้อ่านไปคิดตามเอานะ เทวดาเขามีความรู้สึกตามนี้
เขามีความรู้สึกในความคิดของเรา เขารู้ใจเราคิดอะไร
ในเมื่อเห็นว่า ท่านไม่เป็นพระ ฉันก็คิดอยู่ว่า ไอ้บ้านของฉัน
มันก็พะอยู่ที่ศาลาหลังนี้ กุฏิหลังนี้ ถ้าเราอยู่กับคนที่ไม่ใช่พระอารมณ์ดีของเราก็จะมีน้อย บุญกุศลก็หาไม่ได้ เพราะเทวดา
นางฟ้าทำบุญทำกุศลต่อเหมือนกัน ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรท่าน
ฉันก็ไปนั่งข้าง ๆ ท่าน เอามือลูบท่าน แต่ไม่ได้ลูบหัว ลูบตั้งแต่ไหล่ลงมาถึงปลายเท้า เลยถามเธอว่า ถ้าอย่างนั้น ทำไมพระ
ไม่โดดกอดเธอล่ะ เธอก็ตอบว่า ถ้าหากว่าท่านจะกอดฉัน
ฉันก็ยอมให้กอด แต่ก็รู้สึกว่า ท่านไม่กอด ท่านกลัว
ถามว่าเธอทั้งสวย และก็เรียบร้อยแบบนี้ ทำไมท่านจะกลัว
เธอก็บอกว่า เวลานั้นมือฉันเย็นกว่าน้ำแข็งเสียอีก พอลูบปั๊บ
ตัวแข็งสั่นเลย ลูบแค่วันแรกก็รู้สึกยังแกล้งทนอยู่ วันที่ ๒
ก็แกล้งทน วันที่ ๓ โดดลงมาข้างล่าง ฉิบ พอรุ่นที่ ๒ ขึ้นมา
ก็มีความรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ฉันก็ต้องสั่งสอนแบบนั้น
ก็เป็นอันว่า หลังจากนั้นต่อมาก็เลยถามเธอว่า เมื่อรุ่นที่ ๓ ลงไปแล้ว ฉันจะขึ้นมา เธอมีความรู้สึกอย่างไร เธอก็ตอบว่า ฉันมีความรู้สึกอยากให้ท่านขึ้นมาก็ถามว่า นางฟ้าใช้กำลังดลใจหรือเปล่า เธอก็บอกว่า เปล่า เพียงแต่คิดว่า พระองค์นี้ทำไมไม่มาอยู่ที่นี่ถ้ามาอยู่ที่นี่ละก็ มีกำลังบุญพอสมควรที่จะสงเคราะห์กันได้
ก็เลยถามเธอบอกว่า เขาหาว่าฉันบ้า ๆ บวม ๆ นะ เธอก็ตอบว่า เธอก็มีความรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน เออ...เอาเข้าแล้วซี
เธอก็บอกว่า ฉันก็มีความรู้สึกอย่างนั้น แต่อยากให้ท่านขึ้นมา
และถามว่า ในเมื่อรู้สึกมีความบ้า มีความบวม แล้วทำไม
อยากให้ขึ้นมา
เธอบอกไอ้บ้า หรือบวม มันมี ๒ อย่าง บ้าเพื่อสร้างกิเลส
บวมเพื่อสร้างกิเลส และบ้าทำลายกิเลส บวมทำลายกิเลส สำหรับท่านนี่ มันบ้า ๆ บวม ๆ ประเภททำลายกิเลส
ก็ตอบเธอบอกว่า เวลานี้กิเลสมันยังไม่หมดนะ เธอ ๒ คน
นั่งข้างหน้าฉันนี่ ฉันยังรู้สึกว่าสวยนะ เธอก็ตอบว่า
อย่าพูดว่าสวยซิ ประเดี๋ยวแม่ใหญ่มา แม่ใหญ่จะอาละวาด
คือ ท่านคงไม่อาละวาดฉัน อาละวาดท่านนั่นแหละ
หาว่าเจ้าชู้เกินไป
ถามว่า แม่ใหญ่อยู่ที่ไหน เธอบอก ท่านแม่ใหญ่เวลานี้
อยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ถามว่า เธอคุยกับฉันนี่ แม่ใหญ่เห็นไหม เธอตอบว่า เห็น แจ๋ว...กำลังนั่งยิ้ม ๆ อยู่นั่นแหละ ดีไม่ดี
เดี๋ยวก็มาฉีกเนื้อท่านหรอก เธอก็คุยสนุก คุยไปคุยมา
ก็ลืมบอกเวลาไปเวลานั้น เวลาประมาณสัก ๒ ทุ่ม
คุยไปคุยมาอยู่พักหนึ่ง ก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ
ต่อนี้ไป เราเป็นเพื่อนกัน เธอเป็นเพื่อนฉัน คอยดูฉัน
ฉันมันคอยจะเผลอ ถ้าฉันเผลอในเรื่องกามารมณ์เมื่อไร
เธอเตือนทันทีฉันเผลอเรื่องทรัพย์สิน ความโลภเมื่อไร
ให้เตือนทันที ถ้ากำลังใจโหดเหี้ยมขึ้นมา ให้เตือนทันที
ถ้าความหลงกับตัวเกิดขึ้นมา เธอเตือนได้ทันที
เธอก็ยกมือพนม ทั้งสองบอกถ้าอย่างนี้สิอยู่กันได้นาน
แหม...มันก็เป็นที่น่าเสียดาย ท่านผู้ฟังถ้าเธอเป็นคนนะ
วันนั้นสึกแล้ว นิ่มนวลจริง ๆ สวย มองแล้วชื่นตาชื่นใจ
แต่เธอก็คงไม่มานะ เพราะเมื่อยังไม่บวชก็ไม่เห็นมา
ถ้ายังไม่บวชถ้ามาแบบนี้ น่ากลัวมีเมียเทวดาไปแล้ว
มีเมียนางฟ้าไปฉิบ หรือจะลงนรกไปก็ไม่ทราบ
ก็รวมความว่า ตอนหลังนี้มีเพื่อนใหม่ คือ มีเพื่อนสาว ๒ คน
ขณะที่เธอจะเข้ามา เธอทำอย่างนี้ อันดับแรก ก่อนจะดูหนังสือ
ทุ่มเศษ ๆ เธอก็เอามือรูดฝา รอบ ๆ ฝา เดินไปแล้วก็วิ่ง
ผ่านเข้ามาจากหน้าต่าง ออกประตู เห็นเข้าก็บอกว่า ๒ คนนี่
มานี่ก่อน มาจากไหน มาอย่างไร เป็นผู้หญิงเข้ามาอย่างไรในห้องของพระ เธอก็หันเข้ามายกมือไหว้ แล้วก็คุยกันตามนั้น
หลังจากนั้นก่อนจะหลับ ก็บอกเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เห็นตัว
บอกว่า นี่ถึงเวลาก่อนตี ๑ ครึ่ง ๕ นาที ให้ปลุกฉัน
ฉันจะลุกขึ้นทำวัตรสวดมนต์ และฉันจะเจริญกรรมฐาน
ถ้าหลังเจริญกรรมฐานแล้ว ฉันดูหนังสือ ถ้าบังเอิญหลับ
ไปก่อน ๖ โมง ๕ นาที ให้บอกฉัน เธอก็รับคำ เป็นอันว่า
ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมาก็มีความสุข เพราะมีเพื่อน
เราก็มีเพื่อน รูปร่างหน้าตาก็สวย วาจาก็น่ารัก ทุกสิ่งทุกอย่าง
มองแล้วดีหมด สดชื่นทุกอย่าง
แต่ทว่าบรรดาท่านผู้ฟัง และท่านผู้อ่าน แต่เพื่อนอีกประเภทหนึ่ง เธอก็ไม่ละความพยายามแสดงออก คุยที่โน้นบ้าง ตึงตังที่นี่บ้าง ทำโป๊กเป๊กที่โน่นบ้าง เป็นปกติธรรมดา ๆ ก็ถือว่า เป็นเรื่องธรรมดาก็คิดในใจว่า เรื่องของใครก็เรื่องของใคร เรื่องของผี
ก็เรื่องของผี เรื่องของเราก็เรื่องของเรา ถามว่า กลัวไหม
ต้องขอตอบด้วยความจริงใจ ไม่ปกปิดกัน กลัวจริง ๆ
ถ้าไม่กลัว ก็ไม่เอาหวายหลวงพ่อปานผูกไว้ และก่อนที่ขึ้นไปสถานที่นั้นก็ใช้คำภาวนาว่า พุทโธ จิตนึกถึงภาพพระพุทธเจ้า
ในวาระแรกที่พระองค์แสดงให้ปรากฏหลังจากเริ่มเจริญกรรมฐานถึงวันที่ ๓ ที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงพระองค์
ให้ปรากฏ เป็นชั่วโมง
ตอนนี้คุยแล้วหรือยังไงก็ไม่ทราบ จำไม่ได้ อยากจะเห็น
พระพุทธเจ้าในพระรูปโฉมเดิม ท่านแสดงให้ปรากฏชัด
ทรงแย้มพระโอษฐ์น้อย ๆ สวยจริง ๆ ภาพนี้ติดตา ติดใจ
ตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง ถามว่า ไม่ลืมหรือขอยอมรับว่า
ไม่ยอมลืมเด็ดขาดจะไปที่ไหนก็ตาม จะคุยกับใครก็ตาม
จะต้องนึกถึงภาพนี้อยู่เสมอ ฉะนั้นก่อนที่จะขึ้นไป
ก็นึกถึงภาพนี้ก่อนนึกถึงภาพพระพุทธเจ้าลอยอยู่เหนือศีรษะ
ก็ก้าวขึ้น พอตอนเย็นจะก้าวขึ้นบันไดบางทีก็ขาสั่น พั่บ ๆ
ไอ้ใจมันสู้ แต่ขามันก็กลัว
เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ฟังต่อไปก็ไม่ไหว
เวลาเหลือไม่ถึงครึ่งนาที ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์
พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่าน
พุทธศาสนิกชนผู้ฟัง สวัสดี
ข้อมูลจากหนังสืออ่านเล่น เล่ม ๑๔ โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น