คำตรัสของพระพุทธเจ้า "การปล่อยวาง"
ดูก่อน อุปกะ ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลราก
มาจากตัณหาอุปาทาน ความทะยานอยาก
ดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเรา
เป็นของเรา รวมถึงความเพลินใจใน
อารมณ์ต่างๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยว
ยึดถือไว้โดยความเป็นตนเป็นของตน
จะไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้น เป็นไม่มี
หาไม่ได้ในโลกนี้
มาจากตัณหาอุปาทาน ความทะยานอยาก
ดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเรา
เป็นของเรา รวมถึงความเพลินใจใน
อารมณ์ต่างๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยว
ยึดถือไว้โดยความเป็นตนเป็นของตน
จะไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้น เป็นไม่มี
หาไม่ได้ในโลกนี้
เมื่อใดบุคคลมาเห็นสักแต่ว่าได้เห็น
ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สักแต่ว่าได้รู้
เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ สักแต่ว่า
เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่หลงใหลพัวพัน
มัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากการยึดถือ
ต่างๆ ปลอดโปร่ง แจ่มใส เบิกบานอยู่
ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สักแต่ว่าได้รู้
เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ สักแต่ว่า
เข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่หลงใหลพัวพัน
มัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากการยึดถือ
ต่างๆ ปลอดโปร่ง แจ่มใส เบิกบานอยู่
ดูก่อน อุปกะ เธอจงมองดูโลกนี้
โดยความเป็นของว่างเปล่า
มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ
คือความยึดมั่น ถือมั่นเรื่องตัวตน
เสียด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบาย
คลายทุกข์ คลายกังวล ไม่มีความสุขใด
ยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวม
ตนอยู่ในธรรม
โดยความเป็นของว่างเปล่า
มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ
คือความยึดมั่น ถือมั่นเรื่องตัวตน
เสียด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบาย
คลายทุกข์ คลายกังวล ไม่มีความสุขใด
ยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวม
ตนอยู่ในธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น