จิตดวงเดียวนี้แหละที่จะพาไปเกิด เกิดเป็นภพใดชาติใดกำเนิดใดก็ตาม ก็ตัวนี้แหละเป็นตัวการไม่สงสัย เมื่อธรรมชาติที่จะพาให้เกิดได้สิ้นซากลงไปแล้ว เหลือแต่จิตที่บริสุทธิ์ล้วนๆ เท่านั้น ผู้นี้แลเป็นผู้หมดภัย ผู้นี้แลเป็นวิวัฏจักร ไม่เป็นวัฏจักรเหมือนแต่ก่อน กลับมาเป็นวิวัฏจักร หยุดแล้วซึ่งความหมุนเวียน เหลือแต่วิวัฏจักรคือไม่ต้องหมุน ไม่ต้องมีสิ่งใดมายุแหย่ก่อกวน มีแต่ความสุขล้วนๆ ภายในใจ
.
ร่างกายจะแตกก็แตกไป เพราะเป็นเหมือนโลกทั่วไป อันนี้เราหยิบยืมสมบัติของโลกมาใช้ จะให้คงเส้นคงวาอยู่ได้อย่างไร ดิน น้ำ ลม ไฟ มาผสมกันเข้ามีจิตเข้าไปยึดครองกลายเป็นสัตว์เป็นบุคคลขึ้นมา เราก็ยึดถือดิน น้ำ ลม ไฟ ว่าเป็นเราเป็นตัวของเรา หากเราไม่รอบคอบเมื่อสิ่งนี้วิกลวิการไปเราก็เดือดร้อนเสียใจ เป็นโรคภายในใจขึ้นอีก หนักยิ่งกว่าโรคภายในกายเกิดขึ้นในเบื้องต้นเป็นไหนๆ
.
เมื่อรู้แจ้งแทงทะลุสิ่งเหล่านี้แล้ว ถึงกาลจะไปก็ไป เมื่อยังไม่ไปก็เยียวยารับผิดชอบกันไป เมื่อถึงกาลแล้วปล่อยวางลงตามเป็นจริง เพราะตาข่ายคือญาณความรู้แจ้งแทงตลอดนั้น ได้รอบไปหมดแล้วกับสภาพเหล่านี้ จะตายเมื่อไรก็ตายได้ไม่เสียดาย จะยังอยู่ก็ไม่เป็นกังวลยึดถือสิ่งใด
.
ความตายก็ดี ความยังมีชีวิตอยู่ก็ดีของพระขีณาสพทั้งหลายผู้สิ้นกิเลสแล้ว จึงมีน้ำหนักเท่ากัน ตายไปท่านก็ไม่ได้มีข้อหนักใจ จะยังอยู่ท่านก็ไม่มีข้อหนักใจ เพราะตายไปก็ไม่มีอะไรเสีย ความบริสุทธิ์ของท่านไม่ใช่ความตาย เรื่องความตายความสลายเป็นเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ต่างหาก จิตที่บริสุทธิ์เป็นจิตที่นอกจากขันธ์แล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เสียกันอีก ท่านจะไปเสียใจกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไรกัน ท่านจึงไม่เสียใจ มีชีวิตอยู่ท่านก็ไม่หวังเอาอะไรเพิ่มอีกจากธาตุขันธ์นั้น ให้ยิ่งไปกว่าความบริสุทธิ์นั้น
.
เพราะฉะนั้น ความเป็นอยู่กับความตายไปของพระอรหันต์ ถ้าไม่แยกแยะออกไปสู่ประโยชน์ของประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ท่านมีน้ำหนักเท่ากัน ถ้าแยกแยะความเป็นอยู่เพื่อประโยชน์ประชาชนนั้น ความเป็นอยู่มีน้ำหนักมากกว่า คือท่านมีชีวิต ความเป็นอยู่นานเพียงไร โลกก็ได้รับผลประโยชน์จากท่านด้วยการแนะนำสั่งสอน เขากราบไหว้บูชาทำบุญให้ทาน เขาก็ได้รับผลประโยชน์จากเนื้อนาบุญอันวิเศษวิโสจากท่าน ท่านจึงถือว่า การยังมีชีวิตอยู่มีน้ำหนักมากกว่าการตายไปเสีย ทั้งนี้ท่านเพื่อประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อท่าน ตายไปก็คือธาตุ สลายไปก็คือธาตุ ยังมีชีวิตอยู่นี้ก็คือดิน น้ำ ลม ไฟ ใจก็คือใจที่บริสุทธิ์รู้รอบขอบชิดแล้ว ไม่ยึดไม่ถือ อุปาทานความยึดมั่นถือมั่นไม่มี จึงเป็นเหมือนกับตายหรือไม่ตายก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
..........................................................................
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ วัดเขาน้อยสามผาน จันทบุรี
เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๒๓
"จิตตภาวนาเป็นมหากุศล"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น