22 มกราคม 2561

เมื่อจิตถอดถอนจากอุปาทานทั้งหลาย จิตก็เป็นอิสระ...



ในขณะที่จิตยังไม่สามารถทอดวางธุระได้ ยังไม่สามารถปลดเปลื้องให้หลุดไปจากการครอบงำ จิตจะยังไม่วางเฉย แต่เมื่อปัญญาคุ้ยเขี่ยเข้าไป ๆ เหมือนเราจุดไฟเผาป่า ไฟที่มันติดแล้ว มันมีเชื้ออยู่ที่ไหนก็ตาม ไฟก็จะไม่หยุด มันจะเผาไปเรื่อย ตามเชื้อไป จนเชื้อหมดสิ้นแล้ว ไฟนั้นจะดับลง เพราะไม่จำเป็นแล้ว
ปัญญาก็เช่นกัน ปัญญาที่คุ้ยเขี่ยพิจารณาเข้าไป ถอดถอนอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นอัตตาตัวตน ยังมีสิ่งใดที่ปิดบังความจริงไม่ให้จิตนี้เข้าไปเห็นเข้าไปรู้ มีเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นต้น ปัญญาจะคุ้ยเขี่ยเข้าไปว่าสภาพความจริงของมันเป็นอย่างไร ซึ่งมันแสดงความจริงอยู่ตลอดเวลา ปัญญาจะเจาะเข้าไปให้เห็นสภาพความจริงแท้ ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถปิดบังปัญญาได้ จนทะลุปรุโปร่ง เมื่อความจริงทุกสิ่งอย่างเปิดเผยแล้ว สิ่งที่เคยแบกหาม สิ่งที่เคยยึดมั่นถือมั่นแต่ไรมา ล้วนแต่วางลงไป เหลือแต่ความจริงล้วน ๆ เมื่อเหลือแต่ความจริงล้วน ๆ จะมีสิ่งใดปีนเกลียวกันเล่า ไอ้ที่ทุกข์กันมากี่ภพชาติ ก็ล้วนแต่เรื่องปีนเกลียวกันนี่
เมื่อจิตถอดถอนจากอุปาทานทั้งหลาย จิตก็เป็นอิสระขึ้นมา อยู่กับสิ่งทั้งหลายก็อยู่เถอะ อยู่กับโลกนี้ก็อยู่เถอะ จะไม่มีสิ่งใดปีนเกลียวกีบจิตดวงนี้อีกต่อไป ดังที่พระพุทธเจ้าหรืออรหันตสาวก แม้จะอยู่อีกยาวนานขนาดไหน ก็ไม่มีสิ่งใดปีนเกลียวกับท่านเลย แม้ธาตุขันธ์ร่างกายของท่านจะไม่แตกต่างจากพวกเราก็ตาม มีหนาว มีร้อน มีหิว มีกระหาย มีปวดหัวตัวร้อน มันก็เป็นสมมติอย่างหนึ่ง แต่ไม่มีสิ่งใดจะล่วงล้ำเข้าไปสู่จิตของท่านอีกต่อไป เพราะฉะนั้น อยู่ที่ไหนก็สุขหนอ นี่ล่ะ การแสวงหาสุขที่แท้จริง ต้องแสวงหาที่จิตนี้ โดยอาศัยภายนอกมาเป็นเครื่องมือ เพื่อสร้างสุขภายในของพวกเรา

-:- พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม -:-
วัดป่าหนองไผ่ อ.เมือง จ.สกลนคร
๑๓ มกราคม ๒๕๖๑

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...