22 มกราคม 2561

ปวด หาย นอนสบายด้วย “วิหารธรรม”


คนเราไม่ใช่มีแต่ทุกข์ประจำอยู่ทีเดียว บางทีมันก็ปวดหลัง บางทีก็ปวดขา บางทีก็เลื่อนจากขาไปปวดเอว บางทีวันนี้เจ็บ พอรุ่งขึ้นวันพรุ่งนี้ก็หาย หรือบางทีหายแล้วก็กลับมาเจ็บอีกดังนี้ก็มี เพราะเป็นของไม่แน่นอน ไม่คงที่
ฉะนั้นส่วนใดที่มันไม่ดี จัดให้เป็นส่วนของบาปเสีย ส่วนใดดีเป็นส่วนของบุญ แล้วเราก็ถามตัวเราดูว่า เราอยากจะมีบาป หรืออยากจะมีบุญเล่า ถ้าเราไม่ชอบบาป เราก็วางเสียข้างหนึ่ง ชอบบุญ ก็อยู่ในส่วนของความสบาย
ถ้าทำได้ดังนี้เจ้าตัวทุกข์มันก็จะหายไป เจ้าตัวบุญก็จะเจริญขึ้นๆ ในที่สุดขันธ์มันก็จะเป็นสุขไปหมด คือ “รูป” มันก็สบาย “เวทนา” ก็สบาย “สัญญา” ก็สบาย “สังขาร” ก็สบาย และ “วิญญาณ” ก็สบาย
เมื่อความสบายทั้ง ๕ อย่างนี้เกิดขึ้นแล้ว ดวงใจนั้นก็จะนั่งกินแต่บุญ นอนกินแต่บุญ ที่เรียกว่า “ปีติ” หรือ “ปัสสัทธิ” นี่แหละเป็น “ธมฺมวิจย” คือการค้นคว้า
เมื่อเรารู้จักความเป็นไปในตนของตนเช่นนี้แล้ว เราก็จะเพียรอยู่ใน “ความดี” หรือ “บุญเก่า” ที่เคยมี ใจของเราก็จะได้รับแต่ความสุขสบาย หรือที่เรียกว่า “ปีติ”
เมื่อใจของเรามีปีติมาก ๆ ขึ้น เราก็จะอิ่มไปหมด เมื่ออิ่มแล้วก็หายหิว หายเหนื่อย หายหนาว หายร้อน จะอยู่ที่ไหนก็สบาย เกิดกำลังกาย กำลังจิตเข้มแข็งมีอำนาจ สามารถจะนั่งอยู่ตั้ง ๕ ชั่วโมงก็ไม่มีอาการปวดเมื่อย เมื่อใจอิ่มอย่างนี้แล้วมันก็นอนหลับ แต่ไม่ใช่นอนหลับจริง ๆ อย่างที่เรานอนหลับตา
นอนหลับอย่างนี้หมายถึงความสงบ คือดวงจิตเข้าไปอยู่ในสมาธิ ก็มีความสบายไม่มีสิ่งใดมารบกวน นอนสบายอย่างนี้เรียกว่า “วิหารธรรม” ดวงจิตเข้าไปอยู่ในองค์ฌาน ก็เปรียบเหมือนเรานั่งอยู่บนที่สว่าง ย่อมจะมองเห็นอะไร ๆ ได้ถนัดชัดเจนทั้งใกล้และไกล
ถ้าไปนั่งในที่มืดเราก็ไม่สามารถจะมองเห็นอะไร ๆ ได้ คือใจปกคลุมไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ ถ้าเราอยู่ในที่สว่าง พวกนิวรณ์ทั้งหลายก็ไม่สามารถจะเข้ามาเบียดเบียนย่ำยีดวงจิตของเราได้
หลับอย่างนี้เป็นการหลับอย่างลืมตา คือมีความรู้อยู่ทุกขณะลมหายใจ ความรู้ทั้งภายในและภายนอกมีอยู่เสมอทุกด้านทุกมุม แต่ดวงจิตก็ตั้งเที่ยงสงบอยู่ กายก็เงียบจิตก็เงียบ เรียกว่า “กายปัสสัทธิ” และ “จิตตปัสสัทธิ”


พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร
ที่มา FB เพจวัดป่า@watpah

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...