ศาสนาแห่งอนาคตและจะเป็นศาสนาแห่งจักรวาล จะต้องเป็นศาสนาซึ่งตั้งอยู่บน
ประสบการณ์ที่ฝึกฝนได้จริง ซึ่งปฎิเสธความเชื่อที่ไร้สาระ หากมีศาสนาหนึ่งศาสนาใดที่พอจะรับมือกับคลื่นความตระหนักรู้ในมิติพลังงานใหม่ได้ละก็ศาสนานั้นก็คือ "พุทธศาสนา"
กาลามสูตร สอนให้พุทธบริษัทใช้หลักในการพิจารณาความเชื่อ 10 ประการ..
1 อย่าปลงใจเชื่อว่า ด้วยการได้ยินได้ฟังตามๆ กันมา
2 อย่าเพิ่งเชื่อถือ ด้วยการถือตามถ้อยคำสืบๆ ต่อกันมา
3 อย่าปลงใจเชื่อถือ ด้วยการแตกตื่นกับข่าวลือที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
4 อย่าเพิ่งเชื่อถือ ด้วยการอวดอ้างตำราว่ามีมาแต่เก่าก่อน
5 อย่าปลงใจเชื่อถือ ด้วยการคาดคะเนเอาเอง
6 อย่าเพิ่งเชื่อถือ ด้วยการใช้หลักตรรกะ และ เหตุผล
7 อย่าปลงใจเชื่อถือ ด้วยการคิดตรองอากัปกิริยาอาการที่ปรากฎแล้วเพ่งโทษตามที่เห็น
8 แล้วก็อย่าเชื่อถือ เพราะเข้ากับความคิดเห็นของตนเอง
9 อย่าปลงใจเชื่อถือ เพราะผู้พูดมีลักษณะน่าเชื่อถือ
10 อย่าเพิ่งเชื่อถือ เพราะเห็นว่าสมณะองค์นี้เป็นครูบาอาจารย์ของเรา
เพราะศาสนาพุทธไม่ต้องการให้มีความเชื่อใดๆ โดยไม่ใช้ปัญญา เป็นศาสนาแห่ง
ภาคปฎิบัติให้เห็นความจริงด้วยตัวเอง
ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาแห่งปัญญาดังนั้นการที่พระพุทธองค์จะทรงตอบตามความเป็นจริงว่าตายแล้วเกิด แล้วให้เชื่อไปตามนั้น ไม่ใช่ลักษณะของชาวพุทธ
ความเชื่อโดยไม่มีปัญญา ยิ่งเป็นกรงดักขังวิญญาณให้หมกมุ่นวนเวียนอยู่แต่เรื่องไร้แก่นสารนั้นโดยไม่เกิดปัญญาขึ้นมาเลย แต่ให้ปฎิบัติสมาธิเพื่อให้ได้
มรรคผล นิพพาน โดยไม่ให้เชื่อทุกอย่างตามที่ปรากฎตามหลักกาลามสูตร มันก็จะครอบคลุม ความเป็นมิจฉาทิษฐิได้แล้ว..
ที่มา
Teucer Rom...
แสงสว่าง มองการไกล...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น