✏....ในสมัยก่อนที่ หลวงพ่อปาน จะบวช ท่านพบพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีปฏิปทาการปฏิบัติดีเป็นพิเศษ พระองค์นี้เดิมที ท่านอยู่จังหวัดธนบุรี ต่อมาท่านได้ออกธุดงค์ที่อยุธยา มาถึงก็ปักกลดอยู่ที่วัดบางนมโค สมัยนั้นวัดบางนมโคยังเป็นวัดร้างอยู่ ยังไม่มีสิ่งก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุอะไร พอท่านมาอยู่ ก็เริ่มสร้างกุฏิไว้สองสามหลังก่อน แล้วต่อมาถึงมาสร้างโบสถ์ โดยสร้างครับที่เดิมก็เป็นอันว่าท่านเป็นผู้เริ่มสร้างวัดบางนมโคเป็นองค์แรก
✏....พระองค์นี้ก็คือ "หลวงปู่คล้าย" หลวงปู่คล้ายองค์นี้เป็นพระที่มีปาฏิหาริย์มาก มีความสามารถในทางไสยศาสตร์และสมาธิ หมายความว่าท่านจะทำสิ่งของต่างๆให้เป็นอะไรก็ได้ ถ้าจะกล่าวกันไปตามหลักวิชาการในสมัยนี้ ในทางพุทธศาสนาที่เรารู้ๆกันก็หมายความว่า ท่านเป็นผู้ทรงอภิญญานั่นเอง และเรื่องราวของหลวงปู่คล้าย หลวงพ่อปานท่านเล่าให้ฟังว่า
✏....ในสมัยที่หลวงพ่อปานเข้ามาอยู่เป็นนาคจะบวชพระนั้น วันหนึ่งเขาลองยิงพระกัน (พระเครื่อง) พระองค์ไหนๆก็ยิงออกหมด หลวงปู่คล้ายเดินไปถึงที่ที่เขากำลังลองพระกัน ท่านเปลื้องจีวรออก แล้วเอาจีวรวางไว้ ท่านบอกว่าไหนลองยิงจีวรของฉันดูซิ พวกนั้นใช้ปืนทุกอย่างยิงจีวรของท่านไม่ติด ท่านก็บอกว่า ทุด! ไอ้ปืนของพวกมึงนี่มันไม่ดี ยิงพระออก แต่ยิ่งจีวรของกูไม่ออก ปืนของมึงเสีย นั่นครั้งหนึ่ง
✏... อีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อปานบอกว่า ขณะที่ท่านกำลังท่องหนังสืออยู่ในป่าช้า ท่องหนังสือขานนาคหรือสวดมนต์ หลวงปู่คล้ายท่านเดินเข้าไปหาท่านถามว่า...
"ปาน...ทำอะไรวะ"
"ผมกำลังท่องหนังสือครับ"
"ปาน..แกบวชแล้วแกจะสึกไหม"
"ผมบวชแล้ว ผมไม่อยากสึกครับ"
"ฮือ...ดี บุคคลคนที่เขาไม่สึก เขาต้องทำอย่างนี้นะปาน"
✏...แล้วท่านก็วางจีวรไว้ ท่านถามว่า "ปานอยากดูช้างไหม"
"อยากดูครับ"
"แกดูจีวรนี่นะ...เดี๋ยวมันจะเป็นช้าง"
✏...พอมองไปประเดี๋ยวเดียว จีวรค่อยๆเป็นช้างทีละนิด ทีแรกมันจะเกิดเป็นงวงมาก่อน สุดงวงแล้วจะเห็นงา เห็นงาแล้วจะเห็นหัว ตัวช้าง ขาช้าง หางช้าง แล้วช้างมันเดินไปได้ตามประสงค์ ท่านก็บอกว่า
"ปานอยากขี่ช้างไหม"
"อยากขี่ครับ"
"เอ้า!...เทาลงมาหน่อยให้เขาขี่" หัวช้างก็เทาลงมา แล้วก็ขี่เล่นภายในป่าช้า วนไปวนมาซักห้านาที ก็บอกให้ลงจากคอช้าง เมื่อลงจากคอช้างแล้ว ท่านก็พูดว่า...
"ช้าง...เอ็งจะเป็นช้างตามเดิมซิ ข้าจะกลับไปกุฏิ...เดี๋ยวข้าไม่มีจีวรห่ม" เท่านั้นเองปรากฏว่า ช้างกลายเป็นจีวรตามเดิม
หลวงพ่อปานเลยถามว่า... "พระที่ทำอย่างนี้ได้น่ะ ทำได้ทุกองค์ไหมครับ
"ทำไม่ได้ทุกองค์หรอก พระที่จะทำอย่างนี้ได้ ต้องเจริญพระกรรมฐาน"
"กรรมฐานเป็นอย่างไรครับ"
"เอาเถอะ...เวลานี้ท่องหนังสือไปก่อน เมื่อเธอบวชแล้ว ถ้าเธอมีความประสงค์จะทำได้อย่างนี้ ฉันจะสอนให้"
✏...ท่านบอกว่าเป็นเหตุจับใจที่สุด ในการเข้ามาสู่เขตพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่เคยทราบมาก่อน ท่านบอกว่ามีความเลื่อมใสมาก คิดไม่ถึงเลยว่า พระจะทำอะไรต่ออะไรได้ทุกอย่าง แล้วท่านจะถามหลวงปู่คล้ายว่า
"หลวงพ่อทำได้แต่เพียงเท่านี้หรือครับ"
"ทำได้ทุกอย่าง...เอาอย่างนี้ไหมล่ะ แกอยากรู้ไหมว่าฉันสูงแค่ไหน คอยดูนะ ให้ดูหลังคาศาลาปรก"
✏...แล้วท่านก็มายืนอยู่ข้างนอก หัวฉันจะแค่หลังคาศาลาปรก" มองไปประเดี๋ยวเดียว ปรากฏว่าท่านสูงแค่หลังคาศาลาปรก "เอ้า! ฉันจะทำให้สูงกว่ายอดไม้" ประเดี๋ยวเดียว ตัวท่านก็สูงกว่ายอดไม้ ครู่หนึ่งท่านก็ทำตัวย่อลงมา แล้วก็บอกว่าจะทำตัวให้เล็กนิดเดียว ตัวของท่านก็เล็กนิดเดียวจริงๆ ปรากฏว่า ท่านสูงไม่ถึงคืบ ท่านบอกว่าทำให้เล็กกว่านี้ก็ได้ และในที่สุด ท่านก็คลายสมาธิกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
หลวงพ่อปานถามว่า "วิชาอย่างนี้ เรียนได้จากที่ไหน หลวงพ่อสอนผมได้ไหมครับ"
✏...."เมื่อเธอทำสมาธิได้ เธอทำอย่างนี้ได้ และไม่ใช่จะได้เพียงเท่านี้นะ ทำได้ทุกอย่าง จะเหาะเหินเดินอากาศก็ได้ จะดำดิน เดินน้ำ ทำได้ทุกอย่าง เขาเรียกว่า...สมาบัติ"
✏..ท่านก็จำคำว่า "สมาบัติ" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แล้วก็สนใจในการประพฤติปฏิบัติ และพยายามท่องหนังสือหนังหา ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ ท่านเป็นนาคอยู่ ๓ เดือน ต่อมาเมื่อเวลาบวช หลวงปู่คล้ายบอกว่า ถ้าจะบวชก็ไปบอกพ่อแก่ให้ไปนิมนต์ หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล เป็นพระคู่สวด อีกองค์หนึ่งนอกจากฉัน และก็ไปนิมนต์ หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ เพราะพระทั้ง ๒ องค์เก่งกว่าฉัน...
อ่านต่อตอนต่อไป....
.
.
ที่มา
🙏โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
✍จากหนังสือธรรมปฏิบัติเล่ม ๖๕ หน้า ๑๔-๑๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น