31 สิงหาคม 2564

การเวียน ว่าย ตาย เกิด

บทสรุปการเวียน ว่าย ตาย เกิด ของผู้ที่ผ่านความตายแล้วฟื้นขึ้นมาบอกเล่าสิ่งที่
เขาเห็นว่าความตายที่แท้จริงนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกันเลย.?..
มนุษย์เราในอดีตกาล ใช้ชีวิตโดยรู้จักการเวียนว่ายตายเกิดมาก่อน เมื่อรู้ตัวว่าจะตาย วันนั้นจึงเป็นวันที่สดใส เพราะมีความตายนี้เองจึงสามารถสัมผัสความสุขของการมีชีวิตได้ จากใจของคนในยุคนั้นนะ

แต่ผู้คนในยุคปัจจุบันนั้น ใช้ชีวิตโดยห่างไกลกับความรับรู้ว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องตายเอาแน่ๆ และมีแนวโน้มว่าการใช้ชีวิตในแต่ละวันกลายเป็นความเคยชินไปในที่สุด

จงใช้ชีวิตด้วยสติในทุกๆ วัน (ใช้ชีวิตโดยอยู่กับปัจจุบันขณะของตนเอง) กล่าวคือ
ให้ลูกๆ เตรียมใจไว้ เมื่อถึงตอนจะเข้านอนให้ตระหนักถึงความตายที่จะเข้ามาแล้วนั่นคือการเกิดใหม่จากการที่ลูกๆ เตรียมใจไว้ให้พร้อมมันจะทำให้ลูกๆ ของพ่อใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีคุณค่าและมีแก่นสารน่ะ

เอาล่ะพ่อจะพาลูกๆ ท่องดินแดนแห่งความตายแล้วนะพร้อมกันหรือยัง..

เมื่อคนเราจะตาย จุดเริ่มต้นจะมีความรู้สึกสิ้นลมปราณ ได้ยินเสียงหวิวๆ อยู่รอบด้าน แล้วรู้สึกถึงการเคลื่อนตัวออกจากร่างเดิม แล้วมองเห็นร่างของตัวเองนอนตายอยู่ เกิดความรู้สึกตกใจ สยองขวัญ และงุนงงต่อเหตุการณ์ แต่ชั่วครู่หลังจากการเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ ร่างของตัวเองโดยไม่รู้ว่าจะทำฉันใดดี

ก็เริ่มจะคุ้นชินกับสภาวะใหม่ที่เขาเป็นอยู่ในขณะนั้น แล้วเริ่มสังเกตุพบว่าตัวเองยังมี "รูปกายของตัวเอง" อยู่อย่างเดิมเพียงแต่เป็นร่างที่ละเอียดกว่ากายหยาบ
เป็นรูปกายที่มีความรู้สึกแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง เป็นร่างกายที่มีกำลังวังชาแข็งแรงสมบูรณ์ดีกว่าร่างเดิมอย่างมหาศาล..

จากนั้นก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับการเคลื่อนที่ผ่านเข้าสู่อุโมงค์แห่งความมืดมิดทะลุออกไปสู่ดินแดนใหม่ที่มีแต่แสงสว่างอันเจิดจ้า แล้วจึงปรากฎพบเห็นบรรดาญาติมิตรเพื่อนฝูงที่เคยรู้จักกันมาก่อน และบางคนก็ไม่รู้จัก ต่างห้อมล้อมกันเข้ามา ใน
บรรดาคนที่เราเคยรู้จักเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ตายไปแล้วก่อนหน้าเขาทั้งสิ้น เริ่มมีความรู้สึกอุ่นใจเกิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

และแล้ว.."ดวงแสงที่มีชีวิต" ดวงใหญ่ก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า ดวงแสงที่มีชีวิตเริ่ม
ตั้งคำถามเขาต่างๆ นานา การถามไม่ได้ใช้คำพูด แต่เป็นภาพคำถามผุดขึ้นมาในความรู้สึกแทนที่เข้าใจได้อย่างชัดเจน 

มีภาพฉายขึ้นมาในมโนจิต มันเป็นภาพเหตุการณ์สำคัญๆ ในอดีตแห่งความทรงจำสมัยเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ทั้งการทำความดีและทำสิ่งไม่ดีผุดขึ้นมา
อย่างมากมาย จนสิ้นสุดกระบวนการเหล่านี้

ในเวลาต่อมาก็รู้สึกว่าตนเองกำลังเคลื่อนที่ใกล้เข้าไปสู่อะไรบางอย่าง มีความรู้สึกว่ามันเป็นขอบเขตกั้นระหว่างพรมแดนแห่งโลกียภพกับพรมแดนของภพต่อไป แต่ยังไม่ทันจะได้ผ่านเข้าไป..พลันก็เกิดความรู้สึกสำนึกขึ้นมาว่า จะต้องกลับไปปถพีโลกเดิมที่จากมา

เพราะเวลาแห่งมรณกรรมของตนเองยังมาไม่ถึง..มันเป็นสำนึกที่รุนแรงมาก ถึงแม้อีกใจหนึ่งกำลังคิดปฎิเสธ ไม่อยากกลับไปสู่โลกียภพเดิมที่จากมา อย่างไรก็ตามความคิดปฎิเสธนั้นก็ไม่อาจต้านทานความรู้สึกในความจริงที่ปรากฎของกาลเวลาแห่งมรณกรรมที่ยังมาไม่ถึงของตนเองนั้นได้

ขณะที่จิตใจยังแบ่งรับแบ่งสู้กันอยู่นั้น ความรู้สึกอันใหม่ก็ปรากฎมันเป็นความรู้สึก
ของความสงบวิเวก ความเบิกบาน ความอบอุ่นใจ และความสุขใจอย่างบอกไม่ถูกและ จะด้วยกลวิธีอย่างไรก็ไม่ทราบได้

สำนึกต่างๆ ก็กลับเข้าสู่สภาพความรู้สึกดั้งเดิมกลายเป็นความรู้สึกของชีวิตที่เข้ารวมกับร่างกายเดิม...จากนั้นก็พบกับการตื่นฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เป็นคนเดิมใหม่ในร่างกายอันเดิม ณ.ที่ๆ เคยเห็นตนนอนตายอยู่ตรงนั้นบนเตียงโรงพยาบาลแล้วเห็นหมอกำลังใส่สายระโยงระยางให้กับตัวเองมีเสียงร้องแสดงความยินดี

พ่อๆ ตื่นแล้วตื่นแล้ว ฉะนั้นความตายไม่ได้น่ากลัวเลยเหมือนเพียงการหลับแล้วฝันไปเท่านั้น แต่ความกลัวตายน่ากลัวกว่า 100 เท่าน่ะ..

ที่มา
Teucer Rom...

แสงสว่าง มองการไกล...

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...