23 ส.ค.64
เมื่อได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับคนรู้จักกลุ่มหนึ่ง ถึงเรื่องราว นิมิตภัยพิบัติทางน้ำ ที่จะมาเยือนโลก และ ประเทศไทย เราไม่ได้พูดถึงภัยพิบัติทางน้ำที่จะเกิด ปลายปีนี้..ซึ่งยังไม่ใช่ความน่ากลัวจริง เป็นเพียงหนังตัวอย่าง แต่ได้พูดถึงภัยพิบัติทางน้ำแบบพลิกโลก ภายใน๓ ปีข้างหน้า ( ต้นปี พศ.....จะไม่ขอกล่าว ) จึงจะเป็นของน่ากลัว ที่รุนแรงแท้จริง ที่ทำลายชีวิต ทรัพย์สิน มโหฬาร
นิมิตภัยพิบัตินี้ มีพระเกจิ หลายท่านได้บอกไว้ หลายๆปี แล้วเมื่อถึงเวลา พ.ศ.นั้น แล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ..ทุกคนจึงมองว่าเป็นนิทาน เป็นเรื่องเล่า ที่ไม่เกิดขึ้นจริงหรอก
ในปัจจุบันนี้ กับผู้มีทิพยจักขุญาน เยี่ยมยอด ได้ยิน และได้เห็น กับคำพูดจากฟากฟ้า ว่า
“เลื่อนไปมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้คงจะเลื่อนไม่ได้อีกแล้ว”
ทั้งภาพแสงไฟระเบิดใต้ดิน ตรงภูเขาหิมะขั้วโลก หิมะใด้พวยพุ่งเป็นน้ำพุสูงลิ่วกลางอากาศดุจธารน้ำตก หลายสายธาร แล้วไหลลงสู่มหาสมุทร. จึงมีมวลน้ำมหาศาล ไหลบ่าไปทั่วโลก พื้นที่ไหนที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่มาก ย่อมต้องรองรับ มวลน้ำเหล่านั้น..รวมทั้ง พท.ของไทยหลายๆส่วน หลายๆ พท..ต้องกลายเป็นแหล่งน้ำแหล่งใหม่ และอยู่แบบนั้น เกิน ๒ ปี..
กับภาพนิมิต ผู้คนลอยไปตามน้ำ ทั้งนอนตายแบบหลับตา ทั้งตายแบบลืมตา ด้วยความตกใจ มากมายก่ายกอง..ดุจแผ่นกระดาษที่ล่องลอยตามสายน้ำ
เราคุยกันว่า ถ้าภาพนิมิตนั้น เกิดเป็นจริงขึ้นมาล่ะ และเราก็พอรู้ว่า..พท.ส่วนไหน จังหวัดใด..ที่ต้องรับมวลน้ำมหาศาลนั้น แม้ในจังหวัดเดียวกัน ก็ใช่ว่า..จะเป็นเหมือนกันทุก พท. ถ้าพท.ส่วนไหน อำเภอใด ที่อยู่ไกลจาก ทะเล และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ก็ย่อมจะรอดจากภัยครั้งนี้..และบาง พท..ที่รอดจากน้ำ แต่ก็เหมือนกับติดเกาะ...จะอยู่อย่างลำบากหลายปี...แต่บาง พท..ก็ปลอดภัย และอยู่ได้ โดยไม่ลำบากนัก....
ถ้าเป็นผู้อ่าน..จะเตรียมตัวอย่างไร?...
กลุ่มคนที่ข้าพเจ้ารู้จัก เขาเตรียมตัวอย่างเงียบๆ..พอใกล้ถึงวันนั้น เขาก็พร้อมจะเดินทาง ไปในที่ปลอดภัย ล่วงหน้า พร้อม เงิน ทอง ของใช้ดำรงชีพ อาหารแห้ง ยารักษาโรค เพราะในสภาวะนั้น ระบบการเงิน การสื่อสาร มันล่มหมด..การซื้อชาย ในช่วงนั้น จึงมีทองและเงินสดในมือ จึงจะใช้งานได้
เขาปารถนาดีต่อข้าพเจ้า ชักชวน ให้ไปอยู่ร่วมกัน ใน พท.ที่ปลอดภัย ในจังหวัด...........ข้าพเจ้าขอบใจ ในจิตเอื้ออาทรนั้น ทุกคนถ้ามีโอกาสเลือก ย่อมเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเอง การไม่ประมาท ย่อมเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้ามีความคิดหนึ่ง จึงได้พูดออกไป..ว่า
“ ทุกอย่าง กรรมเขากำหนดไว้หมดแล้ว..ถ้าเราจะจมหายในสายน้ำ จะเป็นไรไป..บางครั้งหากเราหนีรอดจากภัยใหญ่ครั้งนี้ อยู่ในพท.สูง.เราอาจถูกดินถล่มทับตายก็ได้ หรือ เป็นโรคไข้ป่า โรคตายฉับพลันก็ได้...เราไม่รู้หรอก ถ้าขณะเราหนีน้ำ แล้วมีคน มีเด็กกำลังจมน้ำต่อหน้า เราจะช่วยเด็ก หรือ จะหนีน้ำ สำหรับข้าพเจ้า ขอช่วยเด็ก”
คนในกลุ่ม ได้บอกว่า “ ถ้าการช่วยเด็ก แล้วเราต้องตายด้วย มันจะคุ้มไม๊ เพราะถ้าเรารอด เรายังมีโอกาสสร้างความดีได้อีก ถ้าเราตาย ก็หมดโอกาส”
ข้าพเจ้าพูดต่อว่า
“ การที่เราตั้งใจหนีตายจากภัยทางน้ำมากไป แสดงว่า เรามีความห่วงในชีวิต ห่วงในกายมาก เท่ากับเรามี “สักกายทิฏฐิ” สังโยชน์ข้อที่๑ มีอุปทานยึดมั่นในกายอยู่มาก การกลัวทุกชนิด ล้วนคือ การติดในสักกาทิฏฐิ”ทั้งนั้น
ข้าพเจ้ายังพูดทีเล่นทีจริงว่า
“ถ้าเราจะนอนตายในสายน้ำ เพราะการช่วยเด็กตกน้ำ นั่นเป็นกรรมดี เป็นเมตตาบารมี ก็เป็นการตายที่จิตติดบุญ จะเป็นไรไป เพียงใช้เวลา ๔ นาที ข้าพเจ้าก็ขึ้นสู่ภพภูมิใหม่แล้ว ถ้าเรารอด ในอนาคต ไม่แน่ เราอาจเป็นคนนึงที่มีอายุยืน แต่เป็นผู้ป่วยติดเตียง นอนทรมานอีกหลายปีก็ได้”
**ท้ายแล้ว..การเลือกเส้นทางชีวิต ก็อยู่ที่มุมมอง ประสบการณ์ และ เจตนาแห่งใจ ที่ทุกคนมีอิสระจะคิด ทำ ที่แตกต่างกันได้..ท้ายสุด เราต้องกำหนดเส้นทางด้วยตัวเราเอง...
ที่มา มโนธาตุ โพธิญาณ
ศาสนาแห่งอนาคตและจะเป็นศาสนาแห่งจักรวาล จะต้องเป็นศาสนาซึ่งตั้งอยู่บน
ประสบการณ์ที่ฝึกฝนได้จริง ซึ่งปฎิเสธความเชื่อที่ไร้สาระ หากมีศาสนาหนึ่งศาสนาใดที่พอจะรับมือกับคลื่นความตระหนักรู้ในมิติพลังงานใหม่ได้ละก็ศาสนานั้นก็คือ "พุทธศาสนา"
กาลามสูตร สอนให้พุทธบริษัทใช้หลักในการพิจารณาความเชื่อ 10 ประการ..
1 อย่าปลงใจเชื่อว่า ด้วยการได้ยินได้ฟังตามๆ กันมา
2 อย่าเพิ่งเชื่อถือ ด้วยการถือตามถ้อยคำสืบๆ ต่อกันมา
3 อย่าปลงใจเชื่อถือ ด้วยการแตกตื่นกับข่าวลือที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
4 อย่าเพิ่งเชื่อถือ ด้วยการอวดอ้างตำราว่ามีมาแต่เก่าก่อน
5 อย่าปลงใจเชื่อถือ ด้วยการคาดคะเนเอาเอง
6 อย่าเพิ่งเชื่อถือ ด้วยการใช้หลักตรรกะ และ เหตุผล
7 อย่าปลงใจเชื่อถือ ด้วยการคิดตรองอากัปกิริยาอาการที่ปรากฎแล้วเพ่งโทษตามที่เห็น
8 แล้วก็อย่าเชื่อถือ เพราะเข้ากับความคิดเห็นของตนเอง
9 อย่าปลงใจเชื่อถือ เพราะผู้พูดมีลักษณะน่าเชื่อถือ
10 อย่าเพิ่งเชื่อถือ เพราะเห็นว่าสมณะองค์นี้เป็นครูบาอาจารย์ของเรา
เพราะศาสนาพุทธไม่ต้องการให้มีความเชื่อใดๆ โดยไม่ใช้ปัญญา เป็นศาสนาแห่ง
ภาคปฎิบัติให้เห็นความจริงด้วยตัวเอง
ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาแห่งปัญญาดังนั้นการที่พระพุทธองค์จะทรงตอบตามความเป็นจริงว่าตายแล้วเกิด แล้วให้เชื่อไปตามนั้น ไม่ใช่ลักษณะของชาวพุทธ
ความเชื่อโดยไม่มีปัญญา ยิ่งเป็นกรงดักขังวิญญาณให้หมกมุ่นวนเวียนอยู่แต่เรื่องไร้แก่นสารนั้นโดยไม่เกิดปัญญาขึ้นมาเลย แต่ให้ปฎิบัติสมาธิเพื่อให้ได้
มรรคผล นิพพาน โดยไม่ให้เชื่อทุกอย่างตามที่ปรากฎตามหลักกาลามสูตร มันก็จะครอบคลุม ความเป็นมิจฉาทิษฐิได้แล้ว..
ที่มา
Teucer Rom...
แสงสว่าง มองการไกล...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น