18 เมษายน 2565

หลวงพ่อโต ท่านเป็นสมเด็จฯ แต่ความจริงหลวงพ่อโตจริง ๆ ท่านเป็นลูก ร.๑

เรื่อง.* หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
* หลวงพ่อฤาษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ..เล่าให้ฟัง

..." หลวงพ่อโต ท่านเป็นสมเด็จฯ  แต่ความจริงหลวงพ่อโตจริง ๆ  ท่านเป็นลูก ร.๑  ไม่เชื่อลองไปถาม ร.๑ ดู ( หัวเราะ ) ที่สะพานพุทธ น่ะ   
~ เคยถามท่านแล้วนะ ท่านยอมรับ  รับด้วยการดุษณีภาพ ( ยอมรับด้วยอาการนิ่งสงบ )  แบบพระพุทธเจ้าไงเล่า.. พระพุทธเจ้าใครมานิมนต์ท่านเฉย ถ้าเฉยแสดงว่ารับ.. 

~ เรื่องเป็นมาอย่างนี้.. สมัยนั้นพระเจ้าตากสิน ยกทัพไปทางด้านทิศตะวันตก กับทิศเหนือ ไปสังเกตทัพพม่าที่จะเข้ามา..  ร.๑ ก็ไปวางแนวทหารไว้..

* วันหนึ่ง ก็ออกไปตรวจแนวทหาร  พอไปตรวจแนวทหาร ก็ไปเจอกระท่อมกระท่อมนึง.. ท่านเข้าไปตรวจแนวทหาร พอกลับมา ก็ไปเจอะกระท่อมอยู่กลางนา..  แต่ปรากฏว่า มีลูกสาวหน้าตาดี  พ่อแม่เขาไม่อยู่ ก็ย่องไป ต๋งเต๋ง ต๋งเต๋ง ใช่ไหม.. ( หัวเราะ ) สรุปว่า.. เป็นที่พอใจ.. 

~ เมื่อพ่อแม่เขามาเห็นว่า เป็นแม่ทัพใหญ่  ก็เลยยกลูกสาวให้  ในขณะที่ขัดตาทัพกันอยู่ที่นั่น..  ไม่นานนักแต่ก็เป็นปีนะ.. เป็นอันว่าก็ตั้งครรภ์ แล้วคลอดออกมา..

* พอจะยกทัพกลับ  ก็เอาผ้าคาดเอวชุดแม่ทัพเต็มยศ ให้ไว้ว่า.. ถ้าลูกเกิดมา ก็ส่งลูกเข้ากรุงเทพฯ  เอาผ้าคาดเอวนี้ไปด้วย  ผ้าคาดเอวชุดแม่ทัพใช่ไหม.. ให้ไปเลย  เอาไว้เป็นสัญลักษณ์.. 

~ ต่อมา ภายหลัง ท่านโต มาบวชเณร แล้วเข้ากรุงเทพก็เป็นเณร  ก็มีผ้าคาดเอวติดตัวไป  แต่ทว่าตอนนั้น ร.๑ สวรรคตแล้ว  พ่อตายไปแล้ว  พอแสดงผ้าคาดเอว  เขาก็รู้เลยว่า เป็นลูก ร.๑  แต่ไม่มีใครรับเอาเป็นเจ้าใช่ไหม..  แต่เจ้ารับเอาไปเลี้ยง เจ้าสงเคราะห์.. 

* ต่อมาก็บวชพระ  เล่าเรียนจบพระไตรปิฏกแตกฉาน  ไม่จบอย่างเดียว เป็นปฏิสัมภิทาญาณ  บางคนจบพระไตรปิฏกอย่างเดียวก็ยังโง่บัดซบอยู่ เสือกระดาษ..  แตกฉานมาก  เวลานั้น ร.๔ ก็บวช  ก็โต้กันกับ ร.๔ เป็นที่ชอบใจมาก  ร.๔ ท่านก็ทราบว่าเป็นเจ้า..

* ต่อมา.. เมื่อ ร.๔ สึกออกมา เป็นกษัตริย์  ก็ตั้งให้ขรัวโต เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ  ก็นิมนต์มาเทศน์เรื่อง ๆ ..  เทศน์ไปเทศน์มา ท่านชอบใจ  ก็ตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นเทพไปเลย  เป็นชั้นเทพหน่อยเดียว  ไม่ช้าก็เลื่อนเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต.. โตไม่ใช่เล็ก ( หัวเราะ )

~ ก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่บ่อย ๆ กับ ร.๔   กอดคอกันมาตั้งแต่เป็นพระใช่ไหม.. 

* คราวหนึ่ง ไปเทศน์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไอ้คนสมัยก่อน   สมัยพระพุทธเจ้าสมัยโน้นแหละนะ  พี่เอาน้องเป็นเมีย ว่าไปว่ามาเป็นลูกพ่อเดียวแม่เดียวกัน  ไอ้พี่ชายก็เอาน้องเป็นเมีย  ไป ๆ มา ๆ  ก็ลามมาถึงกษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์..

* ร.๔ โกรธ..  สั่งถอดจากสมเด็จฯ ถอดอย่างเดียวไม่เป็นไร  สั่งขับออกนอกประเทศอีก  ห้ามอยู่ในขอบขัณฑสีมา.. ไปไงล่ะ.. ถ้าเป็นเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ก็ตายห่าไปแล้ว ( หัวเราะ ) 

~ ไม่รู้จะไปทางไหน  ถอดแล้วก็ขับออกไป  เมื่อเจ้าบ้านเขาไม่ให้อยู่ ก็จะออกไปเถียงกันคอดำคอแดง  ไปไง..  ก็ไปนอนในโบสถ์วัดพระแก้ว.. ถ้าเป็นฉันก็แหงแก๋ไปแล้ว ไม่มีทางไปไหน.. 

~ พระเจ้าอยู่หัว สั่งเจ้าพนักงานไปไล่ออกจากวัดพระแก้ว..

~ ท่านก็บอก :  "เห้ย..!  นี่มันที่วัดโว้ย.. ไม่ใช่ที่พระเจ้าอยู่หัว.. พระเจ้าอยู่หัวไม่มีสิทธิ์ในที่วัด วะ"  

~ ก็ที่ของสงฆ์ใช่ไหมล่ะ ก็นอนในนั้นทั้งบ่าย จะขี้จะเยี่ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้..

~ พอถึงตอนบ่าย ๆ  ร.๔ ก็สั่งเจ้าหน้าที่ไป..

~ ท่านสั่งว่า : "เอางี้ก็แล้วกัน อนุญาตให้ขรัวโต เข้าขอบขัณฑสีมาได้" 

* ก็ออกจากโบสถ์วัดพระแก้ว  เดินท่อม ๆ  มาที่ฝั่งท่าพระจันทร์ จะข้ามฝาก..  พระเจ้าอยู่หัว ร.๔  ก็สั่งให้เจ้าพนักงานนำพัดสมเด็จฯ มาถวาย..

~ ท่านก็ถาม :  "ทำไม" 

~ เจ้าหน้าที่ก็ว่า : "พระเจ้าอยู่หัวให้นำพัดสมเด็จฯ มาถวาย" 

~ ท่านก็ว่า :  เห้ย..!  รับไม่ได้ ไอ่ห่า..!  ใครเขาตั้งสมเด็จฯ กันกลางถนน วะ  มีรึวะ ตั้งสมเด็จฯ กันกลางถนนหนทาง เอากลับไป..!  พระเจ้าอยู่หัวมึงไม่ได้เรื่อง  ดูถูกกันนี่หว่า ตำแหน่งสมเด็จเล็กน้อยหรือ" ( หัวเราะ ) 

* ท่านก็จะข้ามฝากขึ้นเรือแจว  คนแจวเรือแจวไม่ทันใจ  ท่านก็ลุกมาแจวเอง ( หัวเราะ ).. "กูเลิกเป็นสมเด็จฯ จะทำอะไรก็ได้ วะ  เวลานี้ไม่เป็นสมเด็จฯ แจวเรือก็ได้วะ  เอ็งแจวไม่ทันใจ ข้าแจวเอง ๆ"

~ ต่อมา ร.๔ ก็นิมนต์เข้ามาในวัง ใหม่.. เพื่อตั้งสมเด็จฯ  ต้องถวายพัด ถวายผ้าไตร ถวายอะไรใหม่หมด.. เสียท่าสมเด็จโต ( หัวเราะ ) 

* ต่อมา วันหนึ่งพระชายา เมีย  ร.๔ กำลังท้องแก่  หมอเขาว่าจะคลอดวันนั้น  พอดีวันนั้นเป็นวันพระ  สมเด็จโตก็เข้าไปเทศน์..   ร.๔ ท่านก็หนักใจว่า.. ลูกจะเป็นยังไงบ้าง  แม่จะเป็นยังไงบ้าง ใช่ไหม.. 

~ พอคิด ก็บอกสมเด็จโตว่า : "นี่ เมียจะออกลูก  ขอให้เทศน์น้อย ๆ หน่อยนะ ให้สบาย ๆ ใจ"

~ สมเด็จโต ท่านก็เทศน์เรื่อย ๆ ไป  สักเดี๋ยว.. มโหระทึกก็ขึ้น..  ลูกออก  มโหระทึกก็ขึ้นใช่ไหม..  ตึงตังโครมคราม  ร.๔ ก็นั่งกระสับกระส่าย  อยากจะรู้ว่า.. แม่เป็นยังไง ลูกเป็นยังไง.. 

~ สมเด็จโต ก็เทศน์เรื่อย.. ไม่จบก็ลุกไม่ได้  เพราะว่าท่านเป็นพระมาก่อน.. ร.๔ 

* พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า.. "ธมฺโม ครุกาตพฺโพ.. พระพุทธเจ้ายังเคารพในพระธรรม"  ท่านจะไม่เคารพในพระธรรมได้ยังไง.. 

~ สมเด็จโต ท่านก็เทศน์เรื่อยไป..  ร.๔ ไม่สบายใจ.. ท่านก็เทศน์เรื่อยไป  จนกระทั่งในที่สุด.. ร.๔ ท่านก็คิดว่า.. จะเป็นยังไง ก็ช่างมันก่อนเถอะวะ จะตายหรือไม่ตาย  ถ้าจะตายเราก็ช่วยไม่ได้  ตั้งใจฟังเทศน์ขรัวโต..

* พอเริ่มจิตเป็นสุข ตั้งใจฟังเทศน์ สมเด็จโต..  ท่านก็ว่า : "เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้" ( หัวเราะ )  ร.๔ ท่านก็ไม่ว่าอะไร.. 

* พอมาอีกวันพระหนึ่ง  ท่านไปเทศน์ทุกวันพระ   ร.๔ ก็ตั้งใจว่า.. "โอ้วันนี้ลูกก็สบาย แม่ก็สบาย  ทุกอย่างโปร่งหมด การงานโปร่งหมด  วันนี้จะตั้งใจฟังเทศน์ขรัวโต ให้มีความสุขสักหน่อย" 

~ พอขรัวโต ขึ้นไปให้ศีลจบ  ท่านก็ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ  จบใช่ไหม.. 

~ ท่านก็ว่า :  "อะไร ๆ มหาบพิตรก็ทรงทราบอยู่แล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้" ( หัวเราะ ) 

* ร.๔ ก็โวย :  "ขรัวโต..!  วันนี้ตั้งใจจะฟังเทศน์ให้สบาย ๆ  ก็ไม่เทศน์ซะแล้ว  วันนั้นลูกก็จะออก ห่วงทั้งแม่ทั้งลูก ตะบันเทศน์ไม่จบ เราก็จิตใจไม่ค่อยสุข" 

~ ท่าน ก็ว่า :  "พระเทศน์ ท่านต้องเทศน์ให้คนมีจิตใจเป็นสุขให้ได้ แต่วันนี้มีความสุขแล้ว เทศน์อะไรก็ได้ เป็นกันเอง" ( หัวเราะ ) 

* เยี่ยวแตกในวังยังมี.. วันหนึ่งกำลังนั่งฉันข้าวในวังอยู่  พอจะยถาสัพพี.. สมเด็จฯ เยี่ยวแตก ราดพื้นมาไหลนองเลย.. 

~ พระเจ้าอยู่หัวท่านก็ว่า : "ขรัวโต..!  ทำไมเยี่ยวแตกล่ะ" 

~ ท่านก็ว่า :  "มันยังไม่ถึงเวลาลุกนี่ จะไปยังไง.. ยถาสัพพีก็ยังไม่ว่า จะขี้จะเยี่ยวใครมาห้ามได้ละ" ( หัวเราะ ) 

~ เอ้อ.. จบละนะ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ( หัวเราะ )..."

( ที่มา.. คัดลอกจากเทปของวัดท่าซุง โดย ทีมงานเพจวัดหนองหญ้าปล้อง พระอาจารย์โนรีฯ )
🤵🙏💝ขอเชิญ ฝึกปฏิบัติธรรม
 เพื่อก้าวเข้าสู่พระอริยบุคคล
 ตั้งแต่พระโสดาบัน..       
🧘และ ฝึกมโนมยิทธิ
 ทางออนไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย..
💝https://lin.ee/gWKFjQE

ไม่มีความคิดเห็น:

อริยสัจ 4 และมรรคแปด

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ห่างไกลจากกิเลสตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองพระองค์นั้น พระผู้มีพระภาค ทรงตรัส...