เรื่อง.* หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี )
* หลวงพ่อฤาษีลิงดำ~พระราชพรหมยานฯ..เล่าให้ฟัง
..." หลวงพ่อโต ท่านเป็นสมเด็จฯ แต่ความจริงหลวงพ่อโตจริง ๆ ท่านเป็นลูก ร.๑ ไม่เชื่อลองไปถาม ร.๑ ดู ( หัวเราะ ) ที่สะพานพุทธ น่ะ
~ เคยถามท่านแล้วนะ ท่านยอมรับ รับด้วยการดุษณีภาพ ( ยอมรับด้วยอาการนิ่งสงบ ) แบบพระพุทธเจ้าไงเล่า.. พระพุทธเจ้าใครมานิมนต์ท่านเฉย ถ้าเฉยแสดงว่ารับ..
~ เรื่องเป็นมาอย่างนี้.. สมัยนั้นพระเจ้าตากสิน ยกทัพไปทางด้านทิศตะวันตก กับทิศเหนือ ไปสังเกตทัพพม่าที่จะเข้ามา.. ร.๑ ก็ไปวางแนวทหารไว้..
* วันหนึ่ง ก็ออกไปตรวจแนวทหาร พอไปตรวจแนวทหาร ก็ไปเจอกระท่อมกระท่อมนึง.. ท่านเข้าไปตรวจแนวทหาร พอกลับมา ก็ไปเจอะกระท่อมอยู่กลางนา.. แต่ปรากฏว่า มีลูกสาวหน้าตาดี พ่อแม่เขาไม่อยู่ ก็ย่องไป ต๋งเต๋ง ต๋งเต๋ง ใช่ไหม.. ( หัวเราะ ) สรุปว่า.. เป็นที่พอใจ..
~ เมื่อพ่อแม่เขามาเห็นว่า เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็เลยยกลูกสาวให้ ในขณะที่ขัดตาทัพกันอยู่ที่นั่น.. ไม่นานนักแต่ก็เป็นปีนะ.. เป็นอันว่าก็ตั้งครรภ์ แล้วคลอดออกมา..
* พอจะยกทัพกลับ ก็เอาผ้าคาดเอวชุดแม่ทัพเต็มยศ ให้ไว้ว่า.. ถ้าลูกเกิดมา ก็ส่งลูกเข้ากรุงเทพฯ เอาผ้าคาดเอวนี้ไปด้วย ผ้าคาดเอวชุดแม่ทัพใช่ไหม.. ให้ไปเลย เอาไว้เป็นสัญลักษณ์..
~ ต่อมา ภายหลัง ท่านโต มาบวชเณร แล้วเข้ากรุงเทพก็เป็นเณร ก็มีผ้าคาดเอวติดตัวไป แต่ทว่าตอนนั้น ร.๑ สวรรคตแล้ว พ่อตายไปแล้ว พอแสดงผ้าคาดเอว เขาก็รู้เลยว่า เป็นลูก ร.๑ แต่ไม่มีใครรับเอาเป็นเจ้าใช่ไหม.. แต่เจ้ารับเอาไปเลี้ยง เจ้าสงเคราะห์..
* ต่อมาก็บวชพระ เล่าเรียนจบพระไตรปิฏกแตกฉาน ไม่จบอย่างเดียว เป็นปฏิสัมภิทาญาณ บางคนจบพระไตรปิฏกอย่างเดียวก็ยังโง่บัดซบอยู่ เสือกระดาษ.. แตกฉานมาก เวลานั้น ร.๔ ก็บวช ก็โต้กันกับ ร.๔ เป็นที่ชอบใจมาก ร.๔ ท่านก็ทราบว่าเป็นเจ้า..
* ต่อมา.. เมื่อ ร.๔ สึกออกมา เป็นกษัตริย์ ก็ตั้งให้ขรัวโต เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ก็นิมนต์มาเทศน์เรื่อง ๆ .. เทศน์ไปเทศน์มา ท่านชอบใจ ก็ตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นเทพไปเลย เป็นชั้นเทพหน่อยเดียว ไม่ช้าก็เลื่อนเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต.. โตไม่ใช่เล็ก ( หัวเราะ )
~ ก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่บ่อย ๆ กับ ร.๔ กอดคอกันมาตั้งแต่เป็นพระใช่ไหม..
* คราวหนึ่ง ไปเทศน์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไอ้คนสมัยก่อน สมัยพระพุทธเจ้าสมัยโน้นแหละนะ พี่เอาน้องเป็นเมีย ว่าไปว่ามาเป็นลูกพ่อเดียวแม่เดียวกัน ไอ้พี่ชายก็เอาน้องเป็นเมีย ไป ๆ มา ๆ ก็ลามมาถึงกษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์..
* ร.๔ โกรธ.. สั่งถอดจากสมเด็จฯ ถอดอย่างเดียวไม่เป็นไร สั่งขับออกนอกประเทศอีก ห้ามอยู่ในขอบขัณฑสีมา.. ไปไงล่ะ.. ถ้าเป็นเจ้าคุณพระราชพรหมยาน ก็ตายห่าไปแล้ว ( หัวเราะ )
~ ไม่รู้จะไปทางไหน ถอดแล้วก็ขับออกไป เมื่อเจ้าบ้านเขาไม่ให้อยู่ ก็จะออกไปเถียงกันคอดำคอแดง ไปไง.. ก็ไปนอนในโบสถ์วัดพระแก้ว.. ถ้าเป็นฉันก็แหงแก๋ไปแล้ว ไม่มีทางไปไหน..
~ พระเจ้าอยู่หัว สั่งเจ้าพนักงานไปไล่ออกจากวัดพระแก้ว..
~ ท่านก็บอก : "เห้ย..! นี่มันที่วัดโว้ย.. ไม่ใช่ที่พระเจ้าอยู่หัว.. พระเจ้าอยู่หัวไม่มีสิทธิ์ในที่วัด วะ"
~ ก็ที่ของสงฆ์ใช่ไหมล่ะ ก็นอนในนั้นทั้งบ่าย จะขี้จะเยี่ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้..
~ พอถึงตอนบ่าย ๆ ร.๔ ก็สั่งเจ้าหน้าที่ไป..
~ ท่านสั่งว่า : "เอางี้ก็แล้วกัน อนุญาตให้ขรัวโต เข้าขอบขัณฑสีมาได้"
* ก็ออกจากโบสถ์วัดพระแก้ว เดินท่อม ๆ มาที่ฝั่งท่าพระจันทร์ จะข้ามฝาก.. พระเจ้าอยู่หัว ร.๔ ก็สั่งให้เจ้าพนักงานนำพัดสมเด็จฯ มาถวาย..
~ ท่านก็ถาม : "ทำไม"
~ เจ้าหน้าที่ก็ว่า : "พระเจ้าอยู่หัวให้นำพัดสมเด็จฯ มาถวาย"
~ ท่านก็ว่า : เห้ย..! รับไม่ได้ ไอ่ห่า..! ใครเขาตั้งสมเด็จฯ กันกลางถนน วะ มีรึวะ ตั้งสมเด็จฯ กันกลางถนนหนทาง เอากลับไป..! พระเจ้าอยู่หัวมึงไม่ได้เรื่อง ดูถูกกันนี่หว่า ตำแหน่งสมเด็จเล็กน้อยหรือ" ( หัวเราะ )
* ท่านก็จะข้ามฝากขึ้นเรือแจว คนแจวเรือแจวไม่ทันใจ ท่านก็ลุกมาแจวเอง ( หัวเราะ ).. "กูเลิกเป็นสมเด็จฯ จะทำอะไรก็ได้ วะ เวลานี้ไม่เป็นสมเด็จฯ แจวเรือก็ได้วะ เอ็งแจวไม่ทันใจ ข้าแจวเอง ๆ"
~ ต่อมา ร.๔ ก็นิมนต์เข้ามาในวัง ใหม่.. เพื่อตั้งสมเด็จฯ ต้องถวายพัด ถวายผ้าไตร ถวายอะไรใหม่หมด.. เสียท่าสมเด็จโต ( หัวเราะ )
* ต่อมา วันหนึ่งพระชายา เมีย ร.๔ กำลังท้องแก่ หมอเขาว่าจะคลอดวันนั้น พอดีวันนั้นเป็นวันพระ สมเด็จโตก็เข้าไปเทศน์.. ร.๔ ท่านก็หนักใจว่า.. ลูกจะเป็นยังไงบ้าง แม่จะเป็นยังไงบ้าง ใช่ไหม..
~ พอคิด ก็บอกสมเด็จโตว่า : "นี่ เมียจะออกลูก ขอให้เทศน์น้อย ๆ หน่อยนะ ให้สบาย ๆ ใจ"
~ สมเด็จโต ท่านก็เทศน์เรื่อย ๆ ไป สักเดี๋ยว.. มโหระทึกก็ขึ้น.. ลูกออก มโหระทึกก็ขึ้นใช่ไหม.. ตึงตังโครมคราม ร.๔ ก็นั่งกระสับกระส่าย อยากจะรู้ว่า.. แม่เป็นยังไง ลูกเป็นยังไง..
~ สมเด็จโต ก็เทศน์เรื่อย.. ไม่จบก็ลุกไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นพระมาก่อน.. ร.๔
* พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า.. "ธมฺโม ครุกาตพฺโพ.. พระพุทธเจ้ายังเคารพในพระธรรม" ท่านจะไม่เคารพในพระธรรมได้ยังไง..
~ สมเด็จโต ท่านก็เทศน์เรื่อยไป.. ร.๔ ไม่สบายใจ.. ท่านก็เทศน์เรื่อยไป จนกระทั่งในที่สุด.. ร.๔ ท่านก็คิดว่า.. จะเป็นยังไง ก็ช่างมันก่อนเถอะวะ จะตายหรือไม่ตาย ถ้าจะตายเราก็ช่วยไม่ได้ ตั้งใจฟังเทศน์ขรัวโต..
* พอเริ่มจิตเป็นสุข ตั้งใจฟังเทศน์ สมเด็จโต.. ท่านก็ว่า : "เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้" ( หัวเราะ ) ร.๔ ท่านก็ไม่ว่าอะไร..
* พอมาอีกวันพระหนึ่ง ท่านไปเทศน์ทุกวันพระ ร.๔ ก็ตั้งใจว่า.. "โอ้วันนี้ลูกก็สบาย แม่ก็สบาย ทุกอย่างโปร่งหมด การงานโปร่งหมด วันนี้จะตั้งใจฟังเทศน์ขรัวโต ให้มีความสุขสักหน่อย"
~ พอขรัวโต ขึ้นไปให้ศีลจบ ท่านก็ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ จบใช่ไหม..
~ ท่านก็ว่า : "อะไร ๆ มหาบพิตรก็ทรงทราบอยู่แล้ว เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้" ( หัวเราะ )
* ร.๔ ก็โวย : "ขรัวโต..! วันนี้ตั้งใจจะฟังเทศน์ให้สบาย ๆ ก็ไม่เทศน์ซะแล้ว วันนั้นลูกก็จะออก ห่วงทั้งแม่ทั้งลูก ตะบันเทศน์ไม่จบ เราก็จิตใจไม่ค่อยสุข"
~ ท่าน ก็ว่า : "พระเทศน์ ท่านต้องเทศน์ให้คนมีจิตใจเป็นสุขให้ได้ แต่วันนี้มีความสุขแล้ว เทศน์อะไรก็ได้ เป็นกันเอง" ( หัวเราะ )
* เยี่ยวแตกในวังยังมี.. วันหนึ่งกำลังนั่งฉันข้าวในวังอยู่ พอจะยถาสัพพี.. สมเด็จฯ เยี่ยวแตก ราดพื้นมาไหลนองเลย..
~ พระเจ้าอยู่หัวท่านก็ว่า : "ขรัวโต..! ทำไมเยี่ยวแตกล่ะ"
~ ท่านก็ว่า : "มันยังไม่ถึงเวลาลุกนี่ จะไปยังไง.. ยถาสัพพีก็ยังไม่ว่า จะขี้จะเยี่ยวใครมาห้ามได้ละ" ( หัวเราะ )
~ เอ้อ.. จบละนะ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ ( หัวเราะ )..."
( ที่มา.. คัดลอกจากเทปของวัดท่าซุง โดย ทีมงานเพจวัดหนองหญ้าปล้อง พระอาจารย์โนรีฯ )
🤵🙏💝ขอเชิญ ฝึกปฏิบัติธรรม
เพื่อก้าวเข้าสู่พระอริยบุคคล
ตั้งแต่พระโสดาบัน..
🧘และ ฝึกมโนมยิทธิ
ทางออนไลน์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย..
💝https://lin.ee/gWKFjQE
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น